บทที่ 965 อย่าสำคัญกับตัวเองมากเกินไป
ตอนฉินซีเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย รู้สึกได้อย่างอ่อนไหวว่าบรรยากาศในห้องมันแปลกๆ
เพราะมันสงบเงียบเกินไป
จากรอยแผลบนตัวลู่เหวย ก่อนพวกเขาจะมา ที่นี่ควรจะเป็นฉากแห่งความวุ่นวายสิถึงจะถูก
แต่เมื่อฉินซีเข้ามา ในนี้เหมือนห้องผู้ป่วยธรรมดา เงียบสงบ
สูหยิงนอนบนเตียง สีหน้ายังคงซีดเซียวมาก แต่เห็นได้ชัดว่าจิตวิญญาณฟื้นตัวได้ไม่เลว อย่างน้อยตอนพวกเขาเข้าประตูมา แววตาที่มองลู่เหวยมีประกายอย่างมาก
สูหวั่นยังคงนั่งเก้าอี้ตัวเดียวข้างเตียง มือข้างๆ จับมือสูหยิงไว้ ถ้าข้างกายไม่มีลู่โยวโยวยืนอยู่ ฉินซีมองสีหน้าที่เป็นกังวลของเธอ เกือบจะคิดว่าเธอเป็นลูกสาวแท้ๆ ของสูหยิง
และลู่เซิ่นยืนข้างเตียง ฉินซีอยู่ห่างเขามากเกินไป แค่สีหน้าเขาอย่างเดียวมองไม่เห็นความผิดปกติอะไร
ฉินซีคิดไม่ออก แค่ยืนอยู่ด้านหลังสุดอย่างระมัดระวัง
ลู่เหวยดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ตนได้รับเมื่อครู่นี้เลยสักนิด เดินไปหน้าเตียงสูหยิงไม่กี่ก้าว “ตอนนี้คุณรู้สึกยังไง?”
ลู่โยวโยวไม่สามารถกลั้นได้อีกต่อไป พุ่งกระโจนเข้าไป “แม่! เกิดอะไรขึ้นกับแม่กันแน่!”
ตอนเธอมาถึง คือตอนที่ได้ยินลู่เหวยโดนสูหยิงเตะต่อยและด่าว่ามีชู้ เธอไม่ได้พูดกับสูหยิงแม้แต่ประโยคเดียว ก็ถูกแพทย์ไล่ออกมาข้างนอก
ลู่เจิ้นมีสติ เห็นพวกเขาเข้ามาก็ปิดประตูอยู่ด้านนอก ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเรื่องในครอบครัวพวกเขา
สูหยิงไม่ได้มองพวกเขาเลย สายตาจดจ้องไปที่ร่างฉินซี “เข้ามา”
ฉินซีค่อนข้างสับสน เงยศีรษะมองลู่เซิ่นโดยไม่รู้ตัว
ลู่เซิ่นจ้องเธอทันที ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรไปเกินความจำเป็น
ฉินซีทำได้แค่ก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว ยืนหน้าเตียงสูหยิง
เห็นสภาพย่ำแย่ของลู่เหวยแล้ว เธอสงสัยสภาพจิตใจของสูหยิงในตอนนี้ไม่มากก็น้อย ดังนั้นจึงควรระวังให้มาก
สูหยิงพ่นหัวเราะออกมา โบกมือ “สูหวั่น เธอเอาสัญญาการหย่าออกมา ให้เธอเซ็นชื่อซะ”
ฉินซีเบิกตากว้างทันที “คุณนายลู่……”
สูหยิงขมวดคิ้วอย่างรำคาญ เงยศีรษะจ้องเธอ “เธอจะไม่เซ็น?”
ฉินซีไม่เข้าใจว่าทำไมโดนบังคับให้หย่า อารมณ์จึงขึ้นนิดหน่อยแล้ว “คุณนายลู่ ถึงลู่เซิ่นจะเป็นลูกชายคุณ แต่คุณควบคุมการแต่งงานของเขาไม่ได้นะคะ คุณทำแบบนี้ บังคับให้ฉันหย่าโดยไม่มีเหตุผลใดๆ ฉันทำไม่ได้”
สูหยิงหัวเราะอย่างไม่รู้ความหมาย “ไม่มีเหตุผลเหรอ? ฉินซี เธออย่าสำคัญกับตัวเองมากเกินไป เหตุผลฉันก็คือแม่เธอที่แรดไปทั่ว แค่นี้ยังไม่พอเหรอ?”
สีหน้าฉินซีหนักอึ้งทันที
เหยาหมิ่นคือเกล็ดมังกรของเธอตลอดเวลา คนอื่นพูดอะไรบางอย่างเธอก็ไม่พอใจทั้งนั้น นับประสาอะไรกับการที่สูหยิงดูถูกเธออย่างตรงไปตรงมาแบบนี้
“คุณนายลู่” น้ำเสียงเธอเข้มขึ้นนิดหน่อย “คุณจะมาตำหนิแม่ฉันซี้ซั้วแบบนี้ ฉัน……”
“เฮอะ!” สูหยิงขึ้นเสียงขัดจังหวะเธอ “ซี้ซั้ว! เธออยากได้หลักฐานไหมล่ะ? ลู่เซิ่น ลูกเอาหลักฐานให้เธอ!”
ฉินซีขมวดคิ้วทันที
หลักฐาน?
ทำไมหลักฐานอยู่ที่ลู่เซิ่น?
ลู่เซิ่นเอ่ยปากพูดประโยคแรกในตอนนี้ “แม่ ผมบอกแล้วไง ของพวกนี้มันอาจจะไม่ใช่ของจริง แม่……”
“ไม่ต้องเถียงแทนเธอ!” น้ำเสียงสูหยิงกลายเป็นแหลมมาก กระเด้งขึ้นมาจากเตียง แล้วนอนกลับลงไปอีกครั้ง “ไม่อยากให้เธอเห็นใช่ไหม? สูหวั่น เธอเอาให้เธอดูสิ!”
เธอเอื้อมมือมากุมหัวใจตัวเอง
ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ก็เลยไม่ได้ห้ามการกระทำของสูหวั่น
สูหวั่นยืนขึ้นมาจากที่นั่งตัวเอง เดินไปด้านหน้าฉินซี ควักโทรศัพท์ออกมา
สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าทำให้เธอเย็นไปทั้งตัว
มันคือรูปไม่กี่ใบ
ว่ากันว่าเป็นรูปภาพที่ถูกถ่ายตอนที่เหยาหมิ่นโดนจับได้ว่ามีชู้บนเตียง
ตอนนั้นเรื่องราวของเหยาหมิ่นทุกคนรู้กันทั่ว ฉินซีกลั้นความโกรธในใจกว้านซื้อหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์เรื่องอื้อฉาวของเหยาหมิ่นทั้งหมด เธอไม่ได้ทำเพื่อคนอื่น แต่หลังจากที่สืบรู้แล้วว่าเหยาหมิ่นโดนฉินซึ่งเทียนใส่ร้าย ใช้หลักฐานที่เก็บไว้เหล่านี้ บังคับให้หนังสือพิมพ์แต่ละที่ขอโทษและจ่ายค่าชดเชย
ดังนั้นรูปภาพที่หมุนเวียนในตลาด เธอเคยเห็นมาหมดแล้ว ไม่ใช่แค่ใบหน้าของเหยาหมิ่น แต่คนที่เรียกว่าชู้ของเธอ มีแค่แผ่นหลังที่คลุมเครือ
และเพราะมองหน้าชู้ไม่ชัดเจน เธอจึงไม่มีเบาะแสตลอดมา
แต่รูปภาพไม่กี่ใบตรงหน้านี้ ดูเหมือนจะไขข้อสงสัยตลอดมาของเธอได้แล้ว
เพราะคนที่นอนข้างๆ เหยาหมิ่น ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือคนที่ยืนข้างๆ เธอในตอนนี้ ลู่เหวย
เห็นได้ชัดว่าลู่เหวยก็เห็นรูปในมือเธอเช่นกัน เหมือนโดนเหยียบหาง ใบหน้าแดงก่ำไปด้วยความโกรธ “คนโกหก! รูปพวกนี้มันทำขึ้นมา! ฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนี้กับเหยาหมิ่น!”
ราวกับคำว่า “เหยาหมิ่น” สองคำนี้จากปากเขากระทบประสาทบางส่วนของสูหยิง เธอเอ่ยปากขึ้นทันที “หุบปาก! ถึงตาที่แกจะพูดแล้วหรือไง!”
แต่ฉินซีที่ถือโทรศัพท์สูหวั่นไม่พูดอะไรสักคำ แค่จ้องรูปภาพในโทรศัพท์อย่างตกตะลึง
“ฉินซี รูปนี้มันเป็นของปลอม” ลู่เหวยพูดกับสูหยิงไม่น้อย หันร่างไปอธิบายกับฉินซี “ตอนนั้นฉันไปทำงานนอกสถานที่ที่ประเทศ M เป็นไปไม่ได้ที่จะมีโอกาส……”
“ฉันรู้” ฉินซีขัดจังหวะคำพูดเขาอย่างกะทันหัน “ฉันเชื่อค่ะว่าคุณไม่ได้ทำ”
สูหยิงอยู่บนเตียงได้ยินพวกเขาตอบกันไปมา สีหน้าก็ยิ่งไม่พอใจ เสียงแหลมพูดเยาะเย้ย “เธอเชื่อเหรอ? ฉินซี เธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แม่เธอก็ทำเรื่องสกปรกแบบนี้ออกมาแล้ว! ทำลายครอบครัวคนอื่น! สมควรตกนรก!”
“แม่!” ครั้งนี้คนที่เอ่ยปากคือลู่เซิ่น เขาขมวดคิ้วจ้องมองสูหยิง “แม่อย่าพูดน่าเกลียดแบบนี้”
สูหยิงโกรธจนตกตะลึง “ฉันพูดน่าเกลียดเหรอ? ถ้าเหยาหมิ่นไม่ทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนี้ ฉันจะพูดแบบนี้ไหม? ถ้าคืนนี้ฉันไม่ได้ออกไปข้างนอกแล้วได้รูปถ่ายพวกนี้มา ก็ไม่รู้ว่าจะโดนปิดบังไปนานแค่ไหน!”
ฉินซีได้รับข้อมูลสำคัญนิดหน่อย ค่อยๆ เงยศีรษะขึ้นมา มองสูหยิง “คุณนายลู่ คืนนี้คุณออกไป……เจอฉินซึ่งเทียนมาใช่ไหม?”
สูหยิงมีความประหลาดใจแวบขึ้นมานิดหน่อยบนใบหน้า จากนั้นก็เชิดคางขึ้น “แล้วไง!”
“รูปภาพพวกนี้ เขาเป็นคนให้คุณใช่ไหม?” ฉินซีถามอีก
สูหยิงไม่อดทนแล้ว “ถ้าเป็นฉินซึ่งเทียนแล้วมันทำไม! แม่เธอกับลู่เหวยก็เป็นชู้กันอยู่ดี จะใครเป็นคนบอกมันก็มีข้อสรุปเหมือนกัน!”
“ไม่ ไม่เหมือนกัน” สีหน้าฉินซีแย่ลงอย่างสิ้นเชิง “ฉินซึ่งเทียนเป็นคนเลวที่สกปรก”
สีหน้าเธอไม่พอใจอย่างยิ่ง ราวกับว่าถ้าฉินซึ่งเทียนอยู่ที่นี่ ฉินซีอาจจะเอามีดปอกผลไม้แทงหัวใจเขายังไม่ลังเล
ท่าทางดุดันของเธอทำให้สูหยิงตกตะลึง “เธอกำลังพูดอะไร……”
“ตอนนั้นแม่ฉันไม่ได้มีชู้” ฉินซีเชิดคางขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงไม่ดังแต่หนักแน่นมาก “ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแค่สิ่งที่ฉินซึ่งเทียนใส่ร้ายเธอ”
สูหยิงตอบโต้โดยไม่รู้ตัว “แต่ทุกอย่างในตอนนั้นมีหลักฐานยืนยัน!”
ฉินซีแค่นหัวเราะ “หลักฐาน ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ฉินซึ่งเทียนพูดเองเออเอง”