Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 993

ตอนที่ 993

บทที่ 993 ไม่ใช่บ้านของเธอ

อานหยันนิ่งอยู่สักใหญ่

ประโยคของฉินซี คุ้นหูนัก

ยังไงซะก็เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งหลายปี ฉินซีรับรู้ได้ในชั่วพริบตา ว่าเธอนั้นคิดอะไรอยู่

“เหมือนที่ฉินซึ่งเทียนทำกับเหยาหมิ่น ต่อให้สงสัยเขาอย่างไร หากไม่มีหลักฐาน ก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี” ฉินซียิ้มอย่างเย็นชา “ฉันเคยบอกแล้ว สิ่งที่แม่ฉันเคยได้รับ ฉันจะให้เขาได้รับรู้ถึงความรู้สึกนั้น”

อานหยันนิ่งอยู่นาน ก่อนเอื้อมมือตบบ่าเธอแผ่วเบา “แต่เธอไม่เหมือนกับเขา”

ฉินซีสงสัยเล็กน้อย เธอหันกลับไปมองเธอ

“คุณน้าเหยาถูกใส่ร้าย ฉะนั้นท้ายที่สุดต้องหาหลักฐานได้ เพื่อพิสูจน์ว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์” อานหยันหนักแน่น “แต่เรื่องของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เป็นผลการกระทำของพวกเขาเอง ก็ต้องรับบทลงโทษทั้งหมดอยู่แล้ว”

ฉินซีได้ยินเช่นนั้น เธอค่อยๆเผยรอยยิ้มบนใบหน้า

“ฉันเก็บของก่อน” อานหยันดึงแฟลชไดร์ฟออกจากโน๊ตบุ๊ค ก่อนส่งคืนให้ฉินซี “เธอเก็บไว้ด้วยก็ดี จะเปิดเผยเมื่อไหร่ดี?”

ฉินซีนิ่งไปสักครู่ : “ข้อมูลเหล่านี้ ฉันให้คนส่งไปที่คณะกรรมการผู้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เขาว่ายังไง ฉันจะบอกเธออีกที แล้วเธอค่อยเผยแพร่”

อานหยันตอบรับโดยไม่คิด : “ได้”

ตอนฉินซีและเหยาหมิ่นถูกขับไล่ ทั้งคู่มีชีวิตที่ยากลำบากเช่นไร ทั้งหมดประจักษ์แก่สายตาของอานหยัน

เพียงแต่ในเวลานั้นมีใจแต่ไร้กำลัง ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ฉินซีได้ ทำได้เพียงจ้องมองความยากลำบากของเธอเท่านั้น

ตอนนี้มีโอกาสช่วยเหลือเธอได้ เธอไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว

ระหว่างสนทนาทั้งคู่กวาดอาหารที่อยู่บนโต๊ะเรียบ ไม่เหลือ

ช่วงนี้ฉินซีไม่ค่อยได้ออกไปรับประทานอาหารข้างนอก แม้อาหารตระกูลลู่รสเลิศเพียงใด แต่มีเพียงรสจืดเท่านั้น ไม่ดึงดูดเท่านี้ กระทั่งเติมน้ำไปหลายรอบ ฉินซีถึงได้รู้สึกอิ่มท้อง

เมื่อมองไปที่อานหยัน ไม่ได้ดีไปกว่าเธอเลย

“ไปกันได้แล้ว” อานหยันลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เธอบิดกายอยู่ครู่หนึ่ง “อิ่มจังเลย…..”

ฉินซีหัวเราะ ก่อนยันตัวลุกขึ้น

ต่อให้เหยาหมิ่นจากไปแล้ว ลู่เซิ่นจากไปแล้ว ยังมีคนเคียงข้างเธอเสมอ

ทั้งคู่มุ่งไปสู่ที่จอดรถอย่างเชื่องช้า อานหยันสตาร์ทเครื่อง ก่อนหันไปทางฉินซี : “เธอจะกลับไหน?”

ฉินซีนึกอยู่นาน “รีสอร์ทชิงหยวน”

ไม่ทันขาดคำ เธอรับรู้ได้ถึงรังสีที่กวาดมาทางเธอ

“นานขนาดนี้แล้ว…..เธอยังอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนอีกหรือ?” น้ำเสียงแผ่วเบาของอานหยัน พร้อมสายตาอยากรู้อยากเห็น

ฉินซีเอ่ยตอบ : “ช่วงนี้ยุ่งมาก ไม่มีเวลาหาห้องพัก”

อานหยันเบี่ยงสายตา : “ครั้งก่อนเธอให้ฉันช่วยหาบ้านนี่? ฉันได้อยู่หลายที่ ถ้าอย่างนั้นเธอไม่ต้องรีบกลับไปหลอก ไปดูกับฉันก่อนเป็นไง?”

ฉินซีหันกลับไปมองทางอานหยันที่เต็มไปด้วยความสอดรู้ พร้อมพยักหน้ารับ : “ก็ได้”

อานหยันเผยรอยยิ้ม ก่อนเหยียบคันเร่ง

เธอไม่เอ่ยใดๆอีก ฉินซีกลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

หลังลู่เซิ่นตกลงยอมหย่ากับตนในวันที่สอง ฉินซีไปดื่มเหล้าที่บ้านอานหยัน อานหยันโทรศัพท์หาเธอในเช้าวันต่อมา พร้อมบ่นใส่เธอชุดใหญ่…..

“วันที่เธอโทรศัพท์หาฉัน วันที่เราดื่มจนเมา ตอนที่ลู่เซิ่นมารับฉัน เขาว่าอย่างไรบ้าง ฉันขอคิดเองก่อน” ฉินซีนึกอยู่พักหนึ่ง ที่สุดจึงเอ่ยปาก

อานหยันยิ้มอย่างชั่วร้าย : “คำพูดของสามีเธอเอง เธอจำไม่ได้หรือ? จำไม่ได้ ก็ไปถามเขาสิ”

ฉินซีถลึงตาใส่เธอ : “จะให้ฉันเอ่ยยังไง?”

เธอไม่นึกต่อต้าน ไม่ใช่ “สามี” แต่เป็น “อดีตสามี”ไปแล้ว

อานหยันยิ้มอย่างอารมณ์ดี : “ฉันไม่สนหลอกนะ นี่เป็นเรื่องของคู่สามีภรรยา ฉันไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวหลอกนะ”

ทีท่าลึกลับของเธอ ฉินซีถูกเย้าแหย่จนหมดความอดทน : “อานหยัน!”

อานหยันยังคงเผยใบหน้าหยอกล้อ เพียงแค่ไม่เอ่ยใดๆ

ฉินซีทำได้เพียงเปลี่ยนวิธี เพื่องัดปากเธอ : “วันนั้นเธอบอกว่า…..เธอมั่นใจว่าเขามีความรู้สึกต่อฉัน หมายความว่ายังไง?”

ข้างหน้าไฟแดง อานหยันหยุดรถ เธอหันไปมองเธอ : “ฉินซี เธอจะดึงดันกับคำตอบนี้ไปทำไมกัน?”

ฉินซีอ้าปากค้าง ไร้คำพูดใดเล็ดลอดออกมา

อานหยันหันหน้ากลับ ไฟแดงข้างหน้ากำลังนับถอยหลังช้าๆ เธอวางคันเบรกลง พร้อมเอ่ยเสียงแผ่ว : “หากเธออยากรู้ ก็ต้องไปดูบ้านกับฉันก่อน”

ฉินซีเต็มไปด้วยความสงสัย : “ดูบ้าน แล้วจะมีคำตอบ?”

อานหยันหัวเราะอย่างได้ใจ : “หากเธอย้ายออกมา เธอจะรู้เอง ว่าลู่เซิ่นเขาคิดอย่างไรกับเธอกันแน่”

ฉินซีพูดไม่ออก : “ความคิดเธอไม่ได้เรื่องเลย…..”

อานหยันยักไหล่ : “หากเธอไม่เชื่อฉัน ก็ช่างมันเถอะ! รอเธอนึกขึ้นเองแล้วกัน ว่าคืนนั้นเขาพูดว่าอะไร”

ฉินซีถูกแดกดัน เธอทำได้เพียงข้ามผ่าน : “ได้ ฉันจะไปดูกับเธอ”

อานหยันไม่ได้หลอกเธอ เธอช่วยฉินซีดูบ้านเอาไว้จริงๆนั่นแหละ ตำแหน่งใกล้เคียงกับบ้านของเธอ

ทั้งช่วงบ่าย ทั้งคู่ใช้เวลากับการดูบ้าน

ดีที่ทั้งคู่ทานไปไม่น้อยเมื่อเที่ยง เดินไปทั่วเช่นนี้ถือว่าเป็นการเผาผลาญไปในตัว

หลังแรกอยู่ติดถนน เป็นคอนโดสำหรับอยู่คนเดียว

รับแสงได้ดี แถมยังสะดวกอีกด้วย แต่ฉินซีกลับรู้สึกโหวกเหวกเล็กน้อย

อานหยันยืนสัมผัสสักครู่ เธอรู้สึกโหวกเหวกเช่นเดียวกัน จึงพยักหน้า ไปหลังต่อไป

หลังต่อไปเงียบสงบนัก แต่อานหยันกลับรู้สึกต่ำเกินไป รับแสงได้ไม่ค่อยจะดีนัก

อานหยันเดินวนโดยรอบ รู้สึกมืดเกินไป

หลังที่สาม ไม่มีเสียงโหวกเหวก มีระเบียง รับแสงและถ่ายเทอากาศได้ดี

ฉินซีลังเลสักครู่ ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว : “ดีหมดทุกอย่าง เพียงแต่…..เล็กเกินไป พวกอุปกรณ์เลนส์ของฉันกินที่อยู่ไม่น้อย…..”

อานหยันเดินเท้าอยู่นานพอสมควร เธอล้าตั้งนานแล้ว ได้ยินประโยค ในที่สุดก็ได้พักสักที

“เธอ…..” อานหยันหมดแรง “ที่รัก เธอดูสิ บ้านที่ประชาชนอยู่ก็ประมาณนี้ทั้งนั้นแหละ เธออย่าได้เปรียบกับรีสอร์ทชิงหยวนเชียว ไม่งั้นเธอจะเช่าบ้านได้อย่างไร? กลับไปอยู่ที่นั่นแต่โดยดีเถอะ!”

ฉินซีถูกแทงใจดำ เธอถึงได้รู้ตัวเดี๋ยวนี้เอง ตัวเธอเหมือนว่า….เทียบบ้านทุกหลังกับรีสอร์ทชิงหยวนอยู่จริง

รีสอร์ทชิงหยวนเงียบสงบ พื้นที่กว้างขวาง รับแสงได้ดี แถมยังถ่ายเทได้ดีอีกด้วย

แต่ไม่ว่าจะดีมากเช่นไร…..ก็ไม่ใช่บ้านของเธออยู่ดี

ฉินซีแข็งทื่ออยู่สักพัก ก่อนพยักหน้าให้กับบุคคลที่เดินตามเธออยู่ตลอด : “หลังนี้แหละ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท