บทที่ 983 หมดปัญญากับเธอ
ก่อนการประชุมคณะกรรมการในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฉินซีมีความมั่นใจอย่างมาก
เธอออกไปถ่ายภาพตามปกติและกลับมาแก้ไขรูปถ่าย ราวกับว่าเธอไม่สนใจเรื่องที่ฉินซึ่งเทียนจะถอนตำแหน่งของเธอเลย
ลู่เซิ่นเห็นท่าทางมั่นใจของเธอก็ไม่คิดเข้าไปยุ่งวุ่นวาย เพียงแต่รอดูว่าสุดท้ายแล้วเธอจะมาไม้ไหน
ในที่สุดสามวันต่อมา การประชุมคณะกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็มาถึง
……
เมื่อฉินซีเดินเข้าไปในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปรู้สึกได้ถึงความอึดอัด ดูเหมือนว่าจำนวนการประชุมของคณะกรรมการบริหารของฉินซื่อกรุ๊ปจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่ที่ตนเองได้ถือหุ้นและมีส่วนร่วมในบริษัท
…ไม่รู้ว่าพวกคณะกรรมการที่ไม่ชอบการประชุมทั้งหลาย เมื่อเห็นหน้าตัวเธอแล้วจะรู้สึกเอียนบ้างไหม
ฉินซียิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
แต่จู่ๆก็เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง
“ถ้าฉันเป็นเธอ ตอนนี้ฉันคงจะยิ้มไม่ออก”
ฉินซีหันไปก็เห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของฉินหว่าน
อาจเป็นเพราะเธอสวมชุดทำงาน ฉินหว่านจึงดูแตกต่างจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย เธอมัดมวยผมต่ำ สวมกางเกงเก้าส่วนทรงตรง ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าเธอพยายามปรับตัวให้เหมาะกับตำแหน่งของเธอ
เพียงรู้สึกว่ามันดูไม่เข้ากับเธอ แม้ว่าเสื้อผ้าพวกนั้นจะดูดี แต่เธอกลับไม่คู่ควรกับมันเลย
ฉินซีไม่คิดมัวคุยเรื่องไร้สาระกับเธอ เพียงหัวเราะออกมาเบาๆ “แต่เธอไม่ใช่ฉัน”
ฉินหว่านสำลักพลางจ้องมองด้วยความโกรธ
เธอได้ยินสิ่งที่ฉินซึ่งเทียนพูดว่า ตอนนี้ที่ฉินซื่อกรุ๊ปต้องตกอยู่ในภาวะตกต่ำ ธุรกิจย่ำแย่อย่างต่อเนื่องก็เพราะฉินซีเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
เธอเป็นพวกเนรคุณ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแท้ๆ ยังจะคิดถึงผลประโยชน์ของคนอื่นอีก
ดูท่าทางของเธอสิ!
เธอได้แต่งงานกับลู่เซิ่นงั้นหรอ หยิ่งยโสขนาดนี้เชียวเหรอ
ยัยสูหวั่นก็ด้วย !เห็นได้ชัดว่าถ้าเธออยู่ด้วย แน่นอนว่าลู่เซิ่นกับฉินซีได้เลิกกันแน่ ทำไมยังไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับสองคนนั้นเลยล่ะ
แต่ไม่ว่าในใจฉินหว่านจะขุ่นเคืองมากแค่ไหน เธอกัดฟันแน่นราวกับกำลังจะแตกสลาย ฉินซีไม่ได้หันไปมองเธอไม่ได้แสดงอะไรออกมา เพียงแค่กัดฟันแน่น “ฉินซีตอนนี้เธอดูจองหองดีจริงๆ ถ้าอีกหน่อยเธอหย่ากับลู่เซิ่น ก็ไม่มีใครคอยถือหางแล้วจะทำยังไงล่ะ”
ฉินซีรู้สึกแปลกใจ
เธอคิดว่าฉินหว่านและหลี่เหวยสมรู้ร่วมคิดกันกับสูหวั่น ซึ่งข่าวค่อนข้างไปไวมาก แน่นอนว่าต้องรู้ข่าวเรื่องที่ตัวเองหย่ากับลู่เซิ่นแล้วอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่เธอพูดออกมาในตอนนี้ ราวกับว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เพียงแต่ฉินซีไม่ใช่คนใจดีถึงขนาดจะบอกเธอถึงเรื่องหย่า ดังนั้นจึงเพียงแค่ยักไหล่ “ฉันจะอยู่กับใคร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าฉันมีหุ้นของฉินซื่อกรุ๊ปอยู่ในมือ เธอว่าไหม ”
“นังนี่!” ฉินหว่านหงุดหงิด
การไม่มีหุ้นบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอยู่ในมือ เป็นปมในใจของเธอและหลี่เหวยมาตลอด
แม้ปากของหลี่เหวยจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่เมื่อใดที่ได้อยู่กับฉินหว่านตามลำพัง มักจะพูดถึงตอนที่เหยาหมิ่นแต่งงาน เธอได้หุ้นของฉินซื่อกรุ๊ปไปถึง 20% เพื่อเป็นสินสอด แต่เธอกลับไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้อย
ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของเธอจะเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
แต่พวกเธอไม่ได้โง่ถึงขนาดจะเดินเข้าไปขอหุ้นจากฉินซึ่งเทียนตรงๆ
อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉินซีถือหุ้นอยู่ 20% คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นอันดับสองของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป หากหุ้นของฉินซึ่งเทียนถูกปรับลดลง หากฉินซีร่วมมือกับคนอื่นๆ เธอมีแนวโน้มที่จะเข้ามาแทนที่ ฉินซึ่งเทียนและกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
พวกเขาไม่กล้าเสี่ยง
ดังนั้นหลี่เหวยจึงยอมขายหน้าต่อหน้า ฉินซึ่งเทียนจนยับเยินมาเป็นเวลานานที่ปล่อยให้ฉินหว่านเข้ามาทำงานในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
แม้จะไม่ได้หุ้น แต่ได้อำนาจก็ยังดี
เมื่อหลี่เหวยพูดเช่นนี้ ทำให้ฉินหว่านหมดช่องทางในการคัดค้าน
เป็นการบีบให้ฉินหว่านทำในสิ่งที่ความสามารถไม่ถึง และกัดฟันมาทำงานที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
หลี่เหวยคาดหวังกับเธอมาก คอยเฝ้าดูเวลาเธอไปทำงานหรือกลับจากงาน การมาสายหรือลาไม่เคยได้รับการอนุญาตเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ฉินหว่านรู้จุดประสงค์ของเธอ ตอนนี้หซู่หนานได้เป็นผู้จัดการใหญ่แล้ว ส่วนหลี่เหวยเองก็มีตำแหน่งที่สูงในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป หากตัวเองสามารถไต่ระดับในบริษัทให้สูงขึ้นได้ หลี่เหวยจะสามารถควบคุมการตัดสินใจของฉินซื่อกรุ๊ป แม้จะไม่มีหุ้นก็ตาม แต่ก็สามารถเชิดหน้าชูตาได้
แต่สำหรับฉินหว่านแล้ว ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
การเป็นคนของตระกูลฉิน ทำให้เธอได้พบกับเพื่อนในแวดวงไฮโซและหญิงสาวที่มาจากครอบครัวตระกูลใหญ่มากมาย แต่เพื่อนๆของเธอล้วนเอาส่วนแบ่งจากเงินปันผลของครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนและช็อปปิ้งทั้งวัน รูดบัตรเพื่อซื้อเสื้อผ้าและดื่มน้ำชาในยามบ่าย ไม่เหมือนเธอที่ต้องใช้ชีวิตเหมือนกับเป็นมนุษย์เงินเดือนที่หาเช้ากินค่ำ
ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ ความเกลียดที่มีต่อฉินซีก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอรู้ว่า การที่ฉินซีถือหุ้นนั้น ไม่จำเป็นต้องลำบาก ไม่เพียงแต่มีเงินปันผล อีกทั้งยังสามารถทำในสิ่งที่เธอชอบหรือไปถ่ายรูปในที่ต่างๆได้
ฉินซีรู้สึกอิจฉา แต่เธอทำอะไรไม่ได้
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉินซึ่งเทียนบอกว่าเขาจับพิรุธของฉินซีได้แล้วและการประชุมคณะกรรมการในวันนี้เธอต้องถูกขับไล่อย่างแน่นอน เรื่องนี้ทำให้ฉินหว่านรู้สึกมีความหวังขึ้นมา
แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอฉินซีในท่าทีที่ยังคงจองหองเช่นนี้
“รอก่อนเถอะ!เดี๋ยวเมื่อการประชุมจบลง มาดูกันว่าเธอยังจะจองหองแบบนี้อยู่อีกไหม!” ฉินหว่านพูดทิ้งท้ายและเดินออกจากลิฟต์ไป
การแสดงออกของฉินซียังคงดูผ่อนคลาย เธอเอียงศีรษะ “โอเค ฉันจะรอนะ”
ฉินหว่านได้ยินอย่างชัดเจน แต่เพราะผู้คนรอบข้าง เธอเกรงว่าตัวเองจะพูดได้ไม่เท่าฉินซีจึงทำได้แค่เพียงเดินจากไปด้วยความโกรธ
ทันทีที่ฉินซีก้าวออกจากลิฟต์ก็ถูกล้อมรอบไปด้วยสายตาของทุกคน
เธอไม่รู้สึกแปลกใจ อีเมลที่ทุกคนได้รับเป็นแบบเดียวกับที่เธอได้รับและทุกคนรู้ว่าการประชุมในวันนี้คือการถอนเธอออกจากตำแหน่ง
ดังนั้นการที่ได้รับความสนใจเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่เธอคาดการณ์เอาไว้แล้ว
แต่เธอไม่ได้แสดงอะไรที่น่าอายออกไป เพียงพยักหน้าเบาๆให้กับทุกคน
ทุกคนต่างส่งสายตาให้กันและกัน
——ทำไมท่าทางของฉินซียังดูมั่นอกมั่นใจอยู่อีกล่ะ
——ขอร้องเถอะ ฉันอยากแต่งงานกับลู่เซิ่นบ้างจัง จะได้มีความมั่นคง ต่อให้โดนฉินซื่อกรุ๊ปไล่ออกจากก็แล้วยังไงอะ
ฉินซีไม่สนใจสายตาของคนอื่นและเดินตรงเข้าไปในห้องประชุม
ฉินซึ่งเทียนยังคงยึดถือปฏิบัติตามธรรมเนียมคร่ำครึนั้นอยู่ คือต้องปรากฏตัวเป็นคนสุดท้ายเพื่อแสดงถึงตำแหน่งของเขา เพราะอย่างนั้นเขาจึงยังไม่อยู่ในห้องประชุม
แต่ที่ด้านซ้ายของที่นั่งหลักมีคนนั่งแล้ว
หซู่หนาน
ฉินซีกวาดสายตาผ่านเขาไป พยักหน้าทักทายเขาโดยไม่แตกต่างจากที่ทำกับคนอื่นๆ พลางจะเดินไปยังที่นั่งตำแหน่งของตัวเอง
ทันใดนั้น หซู่หนานก็ลุกขึ้นขวางทางเธอไว้
“ฉินซี” เขายื่นมือมาจับแขนของเธอ “เธอมากับฉันหน่อย”
สายตาของผู้คนรอบข้างต่างจับจ้องมาที่พวกเขาทันที
จากการประชุมครั้งล่าสุด จู่ๆหซู่หนานก็ยกเรื่องปัญหาทางการเงินของฉินซื่อกรุ๊ปขึ้นมาพูด ตอนนั้นความสนใจของทุกคนจดจ่ออยู่กับคำถามที่เขาถาม หลังจากนั้นทุกคนก็ค่อยๆนึกขึ้นได้
ทำไมจู่ๆหซู่หนานถึงออกความเห็น
คงเพราะว่า… ตอนนั้นฉินซึ่งเทียนต้องการหักหน้าฉินซี