Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 994

ตอนที่ 994

บทที่ 994 ดื่มด่ำเล็กน้อยเพียงพอแล้ว

อานหยันได้ยินเช่นนั้น เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัย : “ไม่เล็กแล้วหรือ?”

ฉินซีถลึงตาใส่เธอ : “เธอไม่เหนื่อยหรือไง? ฉันเหนื่อยแล้ว”

อานหยันหัวเราะลั่น : “ฉันเหนื่อยหรือเปล่ามันเกี่ยวอะไรกัน บ้านเป็นเธอที่อยู่ไม่ใช่ฉัน”

ฉินซีกวาดมองไปทั่วบริเวณ

อันที่จริงหลังนี้ดีมากอยู่แล้ว เพียงแค่เธอนำไปเปรียบเทียบกับรีสอร์ทชิงหยวนเท่านั้น

นำรีสอร์ทชิงหยวนออก ไม่ใช้เป็นมาตรฐาน บ้านหลังนี้ถือได้ว่าดีมากสำหรับอยู่คนเดียว

เธอพยักหน้าเบาๆ : “ที่นี่แหละ”

นายหน้าพาเดินแนะนำอยู่นาน ในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์เสียที เขาไปหยิบสัญญาด้วยความขอบคุณ ห้องรับแขกมีเพียงฉินซีและอานหยันสองคน

อพาร์ทเม้นตกแต่งอย่างดี เพียงแค่ฉินซีนำเสื้อผ้าเข้ามาก็เข้าอยู่ได้เลย เธอเดินวนรอบห้องรับแขก ก่อนหย่อนก้นนั่งลงที่โซฟา

อานหยันปวดเมื่อยไปทั่วร่าง เธอนอนแผ่บนโซฟาอย่างหมดสภาพ เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวของเธอ เธอถลึงตาใส่เธออย่างเกียจคร้าน : “เป็นไง บ้านใหม่ไม่เลวเลยใช่ไหม? เห็นไหมฉันไม่ได้โกหกเธอ?”

ฉินซียิ้มร่า : “ใช่แล้ว ต้องขอบคุณเธอ”

อานหยันโบกไม้โบกมือ : “ไม่ต้องเกรงใจหลอก เธอจะย้ายเข้ามาเมื่อไหร่ ฉันช่วยไหม?”

ฉินซีลังเลครู่หนึ่ง : “ฉันจะกลับไปบอกลู่เซิ่นก่อน ได้เวลาที่แน่ชัดเมื่อไหร่…..ฉันจะบอกเธอ”

อานหยันเผยสีหน้าหยอกล้อ หากแต่ฉินซีไม่ทันได้สังเกต เธอบิดขี้เกียจ : “ได้สิ ฉันจะรอเธอไปบอกกับลู่เซิ่น”

ฉินซีไม่ทันได้รู้ตัวถึงน้ำเสียงที่เน้นหนักตรง “บอกกับลู่เซิ่น” เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น ก่อนเริ่มเดินวนรอบห้องอีกครั้ง

นายหน้าเข้ามาพร้อมกับสัญญา

ฉินซีรับสัญญามาไว้ ทันใดนั้นอะไรบางอย่างแล่นเข้าสู่หัวเธอ “ที่นี่ต้องเช่านานเท่าไหร่?”

นายหน้าเกรงว่าธุรกิจจะหลุดลอย จึงรีบอธิบาย : “ปกติแล้วเริ่มที่ครึ่งปีขึ้นไป แต่หากคุณลังเล จะเซ็นสามเดือนก่อนก็ได้”

ฉินซีกำปากกา ก่อนเอ่ย : “ถ้าอย่างนั้นขอเช่าสามเดือนก่อนแล้วกัน”

อานหยันที่อยู่ข้างๆ จ้องมองเธอเซ็นสัญญา หลังส่งนายหน้าเป็นที่เรียบร้อย จึงขมวดคิ้วใส่เธอ : “ทำไมเช่าแค่สามเดือนล่ะ?”

ฉินซียิ้มอ่อน : “ตอนนี้ฉัน…..ใช่ว่าไม่มีปัญญาซื้อบ้านสักหน่อย”

ได้ยินเช่นนั้น อานหยันนึกขึ้นได้

ฉินซีในตอนนี้ มีเงินอยู่ไม่ใช่น้อย

“เอ้อ เธอ…..ต้องคืนเงินลู่เซิ่นไหม” อานหยันถามขึ้นกะทันหัน

ฉินซีรู้สึกขำกับคำถาม: “ทำไมจะไม่ต้อง? เธอลืมไปแล้วหรือไง ทีแรกฉันย้ายเข้ารีสอร์ทชิงหยวนเพราะอะไร”

อานหยันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเริ่มกังวลอีกครั้ง : “งั้นเธอคืนเงินแล้ว ยังเหลือเท่าไหร่?”

ฉินซียกยิ้มมุมปาก : “ฉินซึ่งเทียนให้ฉันมาไม่น้อย”

ในตอนที่ตัดสินใจหย่ากับลู่เซิ่น ฉินซีคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องตัดขาดกับตระกูลฉิน เธอจึงทำการวางแผนเอาไว้แล้วตั้งแต่เนิ่นๆ เพียงแต่เธอไม่คาดคิด ฉินซึ่งเทียนจะไร้ความอดทนเช่นนี้ รีบร้อนแลกหุ้นเป็นเงินสดให้กับเธอ

อานหยันเห็นทีท่าไม่เดือดไม่ร้อนของเธอ จึงวางใจ

แต่เธอกลับพึมพำในใจ

เธอออกมาจากรีสอร์ทชิงหยวนให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน

…..

ทั้งคู่นอนเล่นอยู่สักพัก กระทั่งท้องฟ้าค่อยๆหม่นลง ฉินซีบิดขี้เกียจ ก่อนลุกขึ้นยืน : “ไปกันเถอะ กลับบ้านกินข้าว”

อานหยันเผยสายตาเย้าแหย่ : “กลับรีสอร์ทชิงหยวนหรือ?”

ฉินซีเพ่งสายตาอย่างอึดอัด : “ฉันก็อยู่นั่นไม่ได้กี่วันหลอก วันหลังก็ไม่มีโอกาสทานอาหารของเชฟที่รีสอร์ทชิงหยวนแล้ว ตอนนี้ยังมีโอกาส ได้มื้อนึงคือมื้อนึง”

อานหยันไม่เฉลยความหมายของคำถาม เธอลุกขึ้นจากโซฟา เพื่อไว้หน้าให้กับฉินซี : “รู้แล้ว! ฝีมือเชฟที่รีสอร์ทชิงหยวนดีมากเลย”

“ฉันไปส่งที่บ้าน” อานหยันลุกขึ้นเดินไปยังประตู “เดี๋ยวกลับดึก แล้วจะไม่ทันมื้อค่ำของรีสอร์ทชิงหยวนเอานะ”

ประโยคเย้าแหย่อย่างชัดเจน ฉินซีไล่ตามไป ราวถูกลงโทษ พร้อมตบหลังเธอหนึ่งที

อานหยันไร้โทสะแต่อย่างใด เพียงหันหน้ายิ้มเยาะใส่เธอ

…..

อานหยันส่งฉินซีที่หน้าบ้าน เธอไม่ยอมเข้าไปข้างใน

“ฉันกับอดีตสามีเธอไม่ถูกกัน น่ากลัว”

ฉินซีจ้องมองเธอพร่ำอย่างไร้วิธี เธอส่ายหน้าพร้อมเอ่ย : “ได้ ฉันจะเข้าไปเอง”

อานหยันโบกมือให้กับเธอ ราวเห็นผีกะทันหัน เธอเหยียบคันเร่งหนีหายลับตาไป

ฉันซีหันไปยังสายตาของเธอ ซึ่งมีลู่เซิ่นที่กำลังจอดรถอยู่ พร้อมหน้าต่างที่ลดครึ่ง เห็นใบหน้าซีกหนึ่งของเขา

เธอก้าวเดินเข้าไป : “กลับมาแล้วหรือ?”

ลู่เซิ่นตอบเสียงแผ่ว “อืม” ก่อนหันไปทิศทางที่อานหยันจากไป “อานหยัน? ทำไมไม่เข้ามา?”

ฉันซีไม่มีทางทบทวนประโยคของอานหยันอีกครั้งอยู่แล้ว เธอเพียงหาข้ออ้าง : “เธอมีธุระต่อ ไปแล้ว”

ลู่เซิ่นไม่เอ่ยถามใดๆอีก เพียงแค่หยักหน้าเบาๆ : “เธอขึ้นมาสิ”

ประตูหน้าบ้านรีสอร์ทชิงหยวนห่างจากตัวบ้านอยู่ไม่น้อย ฉินซีไม่เล่นตัวแต่อย่างใด เธอดึงประตูรถเข้าไปนั่ง

ไม่ทันที่เธอได้ปิดประตูรถสนิทดี ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเป็นปม : “เธอทานหม้อไฟเมื่อเที่ยง?”

ฉินซีตระหนกเล็กน้อย

เธอทานหม้อไฟเมื่อเที่ยง แถมยังเดินนานอยู่พอสมควร เธอคิดว่าจะไร้กลิ่นแล้วเสียอีก

แต่ลู่เซิ่นถามขนาดนี้แล้ว เธอได้แต่พยักหน้ารับ

เพียงแต่เมื่อตอบคำเขา เธอถึงนึกขึ้นได้ ตนและลู่เซิ่นไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันแล้ว ทำไมเขายังถามคำถามได้อย่างปกติไร้สิ่งใดเกิดขึ้นอยู่อีก ราวกับว่า…..ระหว่างเขาทั้งคู่ไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ?

เพียงแค่ฉินซีเท่านั้นที่ยังลังเล ลู่เซิ่นไม่เอ่ยใดๆอีก กระทั่งลงจากรถ

เมื่อทั้งคู่มาถึงห้องอาหาร ฉินซีตาลุกวาว

แม้เมื่อเที่ยงเธอจะทานไปมาก แต่เดินไปเดินมาอยู่นาน ร่างกายเผาผลาญหมดไปตั้งนานแล้ว

แถมเมื่อเที่ยงทานรสจัด เมื่อได้เห็นอาหารเบาๆของเชฟนั้น ดึงดูดมากเข้าไปอีก

ลู่เซิ่นกลับไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตนถึงกล่าวขึ้นกะทันหัน : “เธอชอบอาหารรสจัดนี่? อาหารที่บ้าน เธอคงไม่ชินตั้งนานแล้วสินะ?”

ฉินซีนิ่งไปหลายวิ ก่อนหันกลับไปมองเขาอย่างสงสัย : “ไม่นี่ อาหารที่บ้าน ฉันว่ามันอร่อยดี…..”

“ถ้าอย่างนั้นเธอไม่ชอบอาหารรสจัด?” ลู่เซิ่นแหงนหน้าจ้องเธอ

ฉินซีไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร

เธอไม่อยากหลอกตนเองว่าไม่ชอบ แถมยังถูกลู่เซิ่นพบเข้าตั้งหลายครั้ง เธอและอานหยันทานหม้อไฟด้วยกัน

แต่ต่อให้ชอบอาหารรสจัด ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทานทุกวันนี่นา

นานๆครั้งให้หายอยากเพียงพอแล้ว

เธอพอใจอาหารที่บ้าน ไม่ขัดแย้งกันสักหน่อย

เพียงแต่รอให้ฉินซีอธิบายเหตุผลเข้าใจยากเช่นนี้ ลู่เซิ่นเดินไปที่โต๊ะอาหาร นั่งลงที่ตำแหน่งตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เขาปล่อยวางคำถามกะทันหัน เพียงแค่แหงนหน้าไปทางฉินซี : “ทานเถอะ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ อาหารที่นี่ก็เป็นเช่นนี้”

ฉินซีไร้คำพูดกับคำเสียดสีของเขา ได้แต่นิ่งไม่อธิบายใดๆต่อ ก่อนนั่งลงอย่างสงบ เริ่มรับประทานอาหาร

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท