บทที่ 992 ดูแคลนคุณเกินไป
อานหยันไม่เอ่ยถามต่อไป เธอไม่ได้เอ่ยถามไปมากกว่านี้ เพียงแค่ตักกุ้งจากหม้อ วางลงบนถ้วยของฉินซี
“คิดไม่ออกว่าจะอธิบายยังไง ก็กินกันก่อน”
ฉินซีนิ่งไปสักพัก ก่อนเผยรอยยิ้ม
พร้อมพยักหน้าให้กับอานหยัน : “อืม”
ฉินซีต่อมรับรสไวต่ออาหารรสจัด ไม่เช่นนั้นก็อดทนไม่ได้กับเดลิเวอรี่สามมื้อต่อวันที่บ้านอานหยัน
แต่ร้านหม้อไฟที่อานหยันเลือกรสชาติไม่เลวเลยทีเดียว เธอตักวัตถุดิบขึ้นจากก้นหม้อหลังจากต้มอยู่สักพัก รสชาติเผ็ดร้อนกำลังดี
ฉินซีรับรู้ถึงความหิวของตนเดี๋ยวนี้เอง เธอก้มหน้าก้มตาดื่มด่ำกับอาหารตรงหน้าอย่างตั้งใจ
ทั้งคู่รับประทานอาหารตรงหน้าเงียบๆสักพัก ตักวัตถุดิบชุดเก่าจนหมด ก่อนใส่วัตถุดิบใหม่ลงไป จึงค่อยเริ่มบทสนทนาขึ้น
“ทำไมวันนี้เธอนัดฉันกะทันหันแบบนี้ล่ะ?” อานหยันจ้องมองฉินซี พร้อมหยอกล้อ “เธอนัดฉันกินข้าว แถมฉันต้องเป็นคนจองร้านอาหารอีก เธอที่มันหาเรื่องเก่งจริงๆเลย”
ฉินซีหัวเราะออกมา แต่อานหยันรับรู้ได้ รอยยิ้มของเธอมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
อานหยันไม่แสร้งแกล้งทำกับเธออีกต่อไป เธอวางทีท่าจริงจัง ก่อนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา : “ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ฉินซีไม่ตอบคำถามในทันที เพียงแค่หันหลัง หยิบแฟลชไดร์ฟออกมา ส่งให้อานหยัน
“ที่ฉันนัดเธอมาในวันนี้ ฉันอยากรบกวนเธอ เขียนข่าวเกี่ยวกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ป” ฉินซีเอ่ยอย่างหนักแน่น “หลักฐานการทำเอกสารปลอมแปลงงบการเงินของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ป อยู่ในนี้หมดแล้ว”
อานหยันถลึงตาโต : “อะไร?”
ฉินซีเพียงแค่วางแฟลชไดร์ฟลงบนฝ่ามือเธอ พร้อมส่งสัญญาณให้เธอเก็บรักษาไว้ให้ดี
ยังไงเธอก็เป็นนักข่าว เธอเรียกสติตนกลับมาอีกครั้งหลังอึ้งอยู่สักพัก น้ำเสียงกลับมาเป็นปกติ “เธอจะบอกว่า ในนี้มีหลักฐานการปลอมแปลงงบการเงินของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปอยู่”
ฉินซีพยักหน้ารับ : “ใช่แล้ว”
“เธอได้มาได้อย่างไร?” อานหยันเอ่ยถามขึ้น
ฉินซีอ้าปาก คำตอบกำลังหลุดออกจากปาก แต่กลับกลืนลงคอกลับไปอีกครั้ง : “ฉันเป็นคณะกรรมการของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ป ก็ต้องได้รับข้อมูลภายในของบริษัทอยู่แล้ว”
คำอธิบายของเธอเป็นเหตุเป็นผล อานหยันไม่สงสัยใดๆอีก
แต่ความเป็นจริงแล้ว ข้อมูลนี้ เธอได้มาจากลู่เซิ่น
ประชุมคณะกรรมการเมื่อครั้งก่อน ลู่เซิ่นเกรงว่าคนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปจะทำอะไรไม่ดีต่อเธอ จึงให้แฟลชไดร์ฟกับเธอก่อนเธอไป
แต่ในครั้งนั้น ฉินซีไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมัน
เพราะในครั้งนั้น หซู่หนานช่วยเธอเอาไว้ สิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน คือเรื่องราวเดียวกันกับที่อยู่ภายในแฟลชไดร์ฟของฉินซี
ข้อมูลของฉินซีนี้ จึงรอดพ้นปลอดภัย
อานหยันไม่รอช้าอีกต่อไป เธอหยิบโน๊ตบุ๊คออกจากกระเป๋า ดึงข้อมูลจากแฟลชไดร์ฟออกมา
ข้อมูลภายในแฟลชไดร์ฟ แม้แต่อานหยันที่ถือได้ว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ยังรู้สึกน่าตกใจ
บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปซื้อตัวนักบัญชี ทำทุกวิถีทาง เพื่อลบล้างบัญชีของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ป ทำให้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปเจริญรุ่งเรืองขึ้นทุกวัน เพื่อปกปิดรูโหว่ขนาดใหญ่ของบริษัท
ที่น่ากลัวไปกว่านั้น การปลอมแปลงเอกสาร ต่อเนื่องเป็นเวลาห้าปีด้วยกัน
แม้อานหยันที่มีประสบการณ์มาก ยังตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพักใหญ่กว่าจะดึงสติกลับมาได้ เธอจับจ้องไปที่โน๊ตบุ๊ค สลับกับฉินซี : “เธอหมายความว่า…..”
ฉินซีเข้าใจในประโยคที่เธอไม่ทันได้เอ่ยจบ
หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป หุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ แถมบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปเองมิอาจหนีพ้นการตรวจสอบของคณะกรรมการ
ถือว่า…..ไม่เหลือทางเดินให้กับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปเลย
ฉินซีหรี่ตาลง : “หากวันนี้ฉันปล่อยฉินซึ่งเทียนไป แล้วใครจะปล่อยแม่ฉันไป”
อานหยันเข้าใจเธอเป็นอย่างดี
ฉินซีมีการตัดสินใจเช่นนี้ ใช่ว่าเธอไม่ลังเล
บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปมีเลือดเนื้อของปู่เธอหลั่งอยู่ ในขณะเดียวกันก็เป็นบัลลังก์ที่ฉินซึ่งเทียนมีไว้ก่อกรรมด้วยเช่นกัน
สุดท้ายฉินซีตัดสินใจทำเช่นนี้
ปู่เธอได้จากโลกนี้ไปแล้ว หากท่านยังอยู่ เห็นฉินซีตัดสินใจเช่นนี้…..เธอเชื่อเหลือเกิน ท่านต้องให้อภัยเธอแน่ๆ
เพราะในมือของฉินซึ่งเทียน มีชีวิตของเหยาหมิ่นอยู่
“แต่ว่า…..เธอเองก็เป็นคณะกรรมการของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ป เรื่องนี้ คงไม่ทำให้เธอเดือดร้อนไปด้วยนะ?”
อานหยันเอ่ยถามขึ้นกะทันหัน
ฉินซีเผยรอยยิ้ม พร้อมส่ายหน้า : “ไม่หรอก”
จบคำ เธอเพ่งพินิจสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัยของอานหยัน พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่ประชุม
อานหยันอ้าปากช้าๆ พร้อมเผยใบหน้าที่ยากที่จะเชื่อได้ : “ฉินซี…..ฉันดูแคลนเธอเกินไป!”
การกระทำในเช้าวันนี้ของฉินซี เป้าหมายเธอเพียงแค่ต้องการหลอกล่อความขี้สงสัยของฉินซึ่งเทียน เพื่อให้เขาขายหุ้นเธอออกไปด้วยราคาที่สูงลิ่ว
ครั้งแรกเพื่อให้ตนรอดจากข้อกล่าวหา เพราะฉินซีรู้ดี เรื่องราววันนี้หากสำเร็จขึ้นมา เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจถูกผู้อื่นแก้แค้นลู่เซิ่น
รอเธอลบล้างข้อกล่าวหา เธอจะทำการแฉว่าที่ลู่เซิ่นทำเช่นนี้เพราะได้รับการกระทบจากเธอ ถึงตอนนี้ก็เริ่มแผนการสวาท ปลดอำนาจของฉินซึ่งเทียนและเหล่าคณะกรรมการ
ยังไง มนุษย์ก็มีนิสัยหัวลืมตีน รู้สึกว่าหากตนยืนอยู่บนจุดสูงสุดของธรรมะ สวรรค์จะเห็นอกเห็นใจ
ถึงเวลานี้ เธอเอ่ยเรื่องขายหุ้นขึ้นอีกครั้ง ใครบางคนก็จะคิดว่าเธอรู้สึกผิด ไม่คิดอะไรอีก
ฉินซีนั้นรู้ว่าฉินซึ่งเทียนนั้นขี้สงสัย เธอจึงยื่นข้อเสนอจ่ายเงินสดอีกครั้ง เพื่อให้ฉินซึ่งเทียนรักษาความสงสัยนี้เอาไว้ ขอเพียงแค่เขามีความสงสัย ก็จะทำให้เขานั้นนัดเซ็นสัญญากับเธอโดยเร็วได้
ยังไงซะ สำหรับฉินซึ่งเทียน ฉินซีปลุกระดมเหล่าผู้ถือหุ้น และทีท่าต้องการเป็นคณะกรรมการของเธอนั่น คราวนี้ หากฉินซีเอ่ยกับฉินซึ่งเทียนไปตามตรง หากเขาซื้อหุ้นของตน ตนจะยอมเป็นฝ่ายไปเอง ฉินซึ่งเทียนต้องสงสัยเป็นแน่
เขาอาจสงสัยว่าฉินซีอาจมีแผนการอะไรบางอย่าง เขาอาจไม่ยอมซื้อหุ้นก็เป็นได้
ส่วนเป้าหมายของฉินซีที่ต้องการขายหุ้นทิ้ง ไม่ใช่เพราะสิ่งที่เธอกล่าวไปในที่ประชุมอยู่แล้ว
ไม่เช่นนี้เธอคงไม่นัดอานหยัน ขณะที่เพิ่งบรรลุเป้าหมาย เพื่อให้เธอปล่อยข่าวนี้ออกไป
หลังแสดงละครอยู่นาน อย่างคร่ำเครียด มิน่าเล่าถึงได้อ่อนล้าเช่นนี้
เมื่ออานหยันคิดมาถึงตรงนี้ เธอเอื้อมมือตักลูกชิ้นปลา วางลงบนถ้วยของเธอ : “เธอต้องกินเยอะๆ บำรุงสมอง นี่เสียพลังมากเลยนะ”
ฉินซีหัวเราะลั่นกับคำหยอกล้อ: “ลูกชิ้นปลาบำรุงสมองได้ที่ไหนกัน”
อานหยันทีท่าจริงจัง : “ลูกชิ้นปลามีปลาไม่ใช่หรือไง ปลาบำรุงสมอง”
คำหยอกล้อเช่นนี้ ฉินซีหัวเราะได้อีกครั้ง ทั้งคู่นั่งหัวเราะอยู่นาน อานหยันจึงกลับเข้าสู่หัวข้ออีกครั้ง : “นั่นหมายความว่า เธอไม่ใช่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปอีกแล้ว ใช่ไหม?”
ฉินซีพยักหน้ารับ
“แต่เธอเพิ่งลาออก ก็มีข่าวเช่นนี้ คนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปซื่อกรุ๊ปก็ไม่ได้โง่ พวกเขาจะไม่สงสัยเธอเอาหรือ?”
อานหยันกำตะเกียบไว้ในมือ ด้วยสีหน้าสงสัย
ฉินซีกลับยิ้มอย่างใจเย็น : “พวกเขาสงสัยฉันสิ ถึงจะปกติ เงินอยู่ในมือ พวกเขาสงสัยฉันจะมีประโยชน์อะไร?”