Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 996

ตอนที่ 996

บทที่ 996 รั้งสุดความสามารถ

แต่ลู่เซิ่นไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉินซีคิดอย่างชัดเจน

เขาในตอนนี้เต็มไปด้วยไฟโทสะ ใบหน้าหม่นหมองดำคล้ำ

ความเงียบของฉินซีคือคำตอบ เขาใช้แรงบีบคางเธอแน่น: “ฉินซี เธอคงอยากไปจากที่นี่ใจจะขาดสินะ?”

ฉินซีรู้สึกถึงความเจ็บที่แล่นเข้ามา เธอขมวดคิ้วเป็นปม : “ลู่เซิ่น คุณปล่อยมือก่อน”

เหมือนว่าลู่เซิ่นถูกจี้จุดเข้า เขาหดมือที่บีบคางเธอออก มืออีกข้างกลับกระชากฉินซีเข้ามาในอ้อมกอด : “คุณอย่าคิดว่าผมจะปล่อยคุณไป”

ฉินซีไม่ทันได้ตั้งตัว จมูกเธอชนเข้ากับอกกว้างอย่างจัง น้ำตาพลันเริ่มเอ่อ พร้อมกับอารมณ์ที่แล่นสูง : “ลู่เซิ่น!”

ลู่เซิ่นกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ไม่ให้โอกาสเธอได้ขยับแม้แต่น้อย

ฉินซีขมวดคิ้วเบาๆ

ฉินซีก่นด่าอานหยันในใจ

อะไรกันไหนบอกว่าบอกลู่เซิ่นตามตรงแล้วจะได้คำตอบ สถานการณ์เช่นนี้ หาคำตอบได้ไปที่ไหน?

แต่ไม่ว่าจะก่นด่าอานหยันอย่างไร ฉินซีก็ต้องคิดหาวิธีออกไป ไม่เช่นนั้นเขาอาจถูกลู่เซิ่นรัดจนขาดอากาศหายใจเป็นแน่

ลู่เซิ่นโมโหเพราะเธอบอกว่าจะย้ายออก คงต้องพูดเรื่องนี้กับเขาถึงจะได้ผล

เพียงแต่ใบหน้าของฉินซีซบอยู่ในอกของลู่เซิ่น เขาทำได้เพียงพยายามเปล่งเสียงออกมา : “แม้เซ็นสัญญาแล้ว แต่ว่า…..ฉันไม่คิดจะย้ายออกไปตอนนี้ ฉันจะไม่ไปกะทันหันหลอก”

จบประโยค เสมือนว่าลู่เซิ่นไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอเอ่ย เขายังคงกอดรัดเธอแน่นดั่งเก่า

ฉินซีถอนหายใจในใจ

“ลู่เซิ่น” เธอแหงนหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ต้องการจ้องเข้าไปในดวงตาคมลึกของเขา “พวกเรา…..หย่ากันแล้วไม่ใช่หรือ?”

เธอเอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับว่าเกรงลู่เซิ่นตระหนก

หากแต่ลู่เซิ่นเหมือนว่าถูกอะไรบางอย่างสะกิด

“หย่า…..”

คำนี้ล่องไปลอยมาในหัวเขา ฉินซีได้ยิน เธอกลับหดหู่ขึ้นมา

“ใช่ เราหย่ากันแล้ว” ลู่เซิ่นกลับมามีสีหน้าที่เย็นชาเช่นเดิม เขาถอยหลังหนึ่งก้าว

ฉินซีกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง แต่กลับรู้สึกไม่เป็นตัวเอง เธอก้าวไปข้างหน้า : “ลู่เซิ่น…..”

“ใช่ ไม่ผิดหลอก เราหย่ากันแล้ว” ราวกับว่าบุคคลที่กอดรัดเธอแน่น เสมือนกลัวเธอหายไปไม่ใช่เขา

“ลู่เซิ่น ฉันบอกแล้ว ฉันไม่ได้จะย้ายเดี๋ยวนี้” ฉินซีหยุดยืนอยู่ที่เดิม แหงนหน้าขึ้นมองลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นก้มหน้า สบสายตาเธอ : “เธอ…..ไม่ได้จะย้ายออกเดี๋ยวนี้หลอกหรือ?”

ฉินซีพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล

เธอไม่ได้หลอกลู่เซิ่น เมื่อตอนที่เธอเลือกดูบ้าน เธอมีคำตอบอยู่แล้ว ตัวเธอเองไม่อยากย้ายไปไหน

ไม่เช่นนั้น เธอคงไม่นำบ้านทุกหลัง เปรียบเทียบกับรีสอร์ทชิงหยวน

หากแต่ลู่เซิ่นยังคงเผยรอยยิ้ม : “แต่ว่า เราได้หย่ากันแล้ว ยังไงเธอก็ต้องไป ใช่ไหม?”

ฉินซีไม่รู้ตอบยังไงกับคำถามนี้ เธอปริปาก แต่กลับเอ่ยไม่เป็นประโยคอยู่นาน : “ฉัน…..”

“พอได้แล้ว” ราวกับว่าลู่เซิ่นไร้ความอดทน ขัดประโยคเธอ “ผมรู้แล้ว”

ฉินซีขมวดคิ้วเบาๆ

คุณรู้แล้ว?

ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย คุณจะรู้อะไร?

ลู่เซิ่นถอยหลังไปอีกก้าว จับจ้องไปที่ใบหน้าของฉินซี ฉินซีกลับไม่รู้ความหมาย

“ฉันรู้ เราหย่ากันแล้ว เธอรู้สึกว่าอยู่กับฉันต่อไป ไม่ดีต่อตัวเธอ” ลู่เซิ่นเอ่ยอย่างมั่นคง “แต่เธอไม่ต้องรีบย้ายหลอก ฉันจะออกไปข้างนอกเร็วๆนี้ เธอ….อยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนต่อไปได้”

ฉินซีอ้าปากเล็กน้อย

ลู่เซิ่น…..จะไปไหน?

ลู่เซิ่นในตอนนี้ไม่ฟังคำใครทั้งนั้น : “ระยะเวลาที่ฉันไม่อยู่ เธอก็อยู่ที่นี่ต่อไป ไม่เกิดปัญหาอะไรหลอก สำหรับหลังจากฉันกลับมา เราค่อยว่ากัน”

ฉินซีขมวดคิ้ว ต้องการอธิบาย แต่กลับถูกลู่เซิ่นขัดขึ้น : “ฉันหวังว่าคุณจะไม่ย้ายออกไปเองในช่วงเวลานี้ ยังไงซะ…..เราเคยเป็นสามีภรรยากันหลายเดือน รอฉันกลับมา ฉันจะไปส่งเธอเองได้ไหม?”

ตัวเขาเองยังสับสนในสิ่งที่ตนได้เอ่ยไป เพียงแต่ทั้งที่ไม่มีใครที่ได้สติดี ฉินซีจึงรับข้อตกลง

ฉินซีพินิจเข้าไปในดวงตาที่คมลึก พร้อมพยักหน้า

ลู่เซิ่นที่เห็นเธอพยักหน้า ถือว่าเธอได้ตกลงแล้ว เขาจึงควักโทรศัพท์ออกมา ก่อนเดินออกไป

ฉินซีไม่ไล่ตามไปแต่อย่างใด

เธอรู้ดี ไล่ตามไปก็ไร้ประโยชน์

คนรับใช้ในห้องอาหารต่างหลบออกไปตั้งนานแล้ว เหลือเพียงห้องที่ว่างเปล่า ที่มีเพียงฉินซี

เธอจะดูไม่ออกได้อย่างไร ไปต่างจังหวัดของลู่เซิ่นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น?

เขา…..รั้งเธอเอาไว้สุดความสามารถ

เพราะเหตุใด

ฉินซีมองไปรอบๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก

เธอมีคำว่าทำไมมากมายเหลือเกินที่อยากได้คำตอบจากลู่เซิ่น แต่เธอกลับไม่แน่ใจ คำตอบของลู่เซิ่น เป็นคำตอบที่ตนอยากรู้

เธอยังคงตกอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

ปลายสายไม่ใช่ใครอื่น เป็นอานหยันเจ้าของแผนการนี้

“เป็นไงบ้าง?” เธอเข้าตรงประเด็น มั่นใจว่าฉินซีต้องบอกลู่เซิ่นเรื่องย้ายออก

ฉินซีที่นิ่งไปหลายวินาที เอ่ยเสียงดังลั่นกะทันหัน : “คำแนะนำบ้าอะไรของเธอ!”

อานหยันถูกเอ็ด เวลาอันสั้นเธอตั้งสติไม่ทัน “เอ๊ะ มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”

ฉินซีมุ่งไปยังหน้าต่าง จับจ้องลู่เซิ่นที่กำลังคุยโทรศัพท์ ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ : “มีคำตอบอะไรที่ไหนกัน?”

อานหยันนิ่งไปชั่วขณะ : “เป็นไปได้ยังไง ? เขาไม่รั้งเธอหรือ? เขาต้องไม่อยากให้เธอไปสิ?”

ฉินซีพยักหน้า : “เขา…..ไม่อยากให้ฉันไปจริงๆนั่นแหละ”

อานหยันเสียงสูงขึ้นมา : “ก็ดีแล้วนี่! เขาไม่ได้ว่าอะไรอื่นอีกหรือ?”

ฉินซีตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “เขารั้งฉันไว้ แต่เขาไปเอง”

อานหยันพูดอะไรไม่ออก ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น “เอ่อ” อยู่ครึ่งค่อนวัน พูดไม่ออกแม้สักประโยคเดียว

“อานหยัน” ฉินซีเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ แต่อานหยันกลับรู้สึกถึงความสงบก่อนลมฝนกระหน่ำ “คืนวันนั้น เขาพูดอะไรกันแน่?”

อานหยันจับจ้องมือถือของตน ข้อความที่ลู่เซิ่นส่งให้เธอ ด้วยความลังเล

เนื้อความว่า : “ผมหวังว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่ผมไปรับฉินซี คุณจะไม่เปิดเผยให้ฉินซีได้รับรู้ นี่เป็นเรื่องของเราสองคน ให้พวกเราแก้ปัญหากันเอง”

แต่ปลายสาย น้ำเสียงที่เป็นกังวลของฉินซี

อานหยันไม่รู้ว่าลู่เซิ่นจะแก้ปัญหาอย่างไร ไม่รู้ว่าเขาจะทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่ ทำให้ฉินซีรู้สึกครึ่งๆกลางๆระหว่างความหวังและสิ้นหวัง แต่เธอเองไม่แน่ใจ ตน…..สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไม่

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท