Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1001

ตอนที่ 1001

บทที่ 1001 เสียทั้งแรงกายเสียทั้งแรงใจ

ในตอนที่นำหลักฐานการปลอมแปลงเอกสารการเงินของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไปให้อานหยัน ฉินซีเคยพูดไว้แล้วว่า จะส่งคนไปสำนักงานกำกับหลักทรัพย์เพื่อเปิดโปงบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป พร้อมทั้งรายงานข่าวไปในตัว ถึงจะสามารถทำให้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้รับความเสียหายอย่างสาสม

บุคคลที่เธอพิจารณาไว้ในตอนแรก ก็คือทนายจ้าว

การเปิดโปงเรื่องนี้ ขั้นตอนการดำเนินเรื่องต่างๆต้องเป็นสายตุลาการ และในบรรดาบุคคลที่ฉินซีรู้จัก ทนายจ้าวคือคนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

เธอคิดไว้แบบนี้ และกะว่าจะทำตามที่คิดไว้  ตอนที่ขึ้นมาบนตึก เธอถึงกับถือแฟลชไดรฟ์ติดมือมาด้วยซะดิบดี

แต่หลังจากที่วันนี้ได้เจอกับทนายจ้าว เธอกลับต้องล้มเลิกความคิดนี้

ทนายจ้าวทำอะไรเพื่อเธอมามากพอแล้ว

ก่อนหน้านี้ก็ทำเรื่องการโอนสิทธิ์ผู้ถือหุ้นให้เธอ จนถูกผู้ไม่หวังดีส่งจดหมายมาข่มขู่ เรื่องแต่งงานก็ได้เขาช่วยเอาไว้ มาคราวนี้ตัวเองมุ่นอยู่กับการจัดการฉินซึ่งเทียน จนต้องพักเรื่องของเหยาหมิ่นไว้ก่อนชั่วคราว แต่เขากลับไม่ลืมที่จะสละเวลาไปสืบหาประวัติก่ออาชญากรรมของเห้อเสียงให้

พูดได้เลยว่าเขาคือ “ผู้ร่วมเดินทางที่บังเอิญได้เจอกัน” และแน่นอนว่ามันเป็นคำพูดที่ทำให้ฉินซีรู้สึกเบาใจด้วยเช่นกัน

ฉินซีพอจะจินตนาการออก ว่าเขาต้องเสียเวลาไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ถึงสามารถตามหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์ได้เรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาเรื่องแล้วเรื่องเล่า ต่างก็เป็นเรื่องที่เสียทั้งแรงกายเสียทั้งแรงใจ

เมื่อก่อนเธอคิดแค่ว่า เพราะทนายจ้าวเป็นเพื่อนสนิทของเหยาหมิ่น จึงเต็มใจอยากช่วยเธอ

แต่วันนี้หลังจากได้รู้ว่าที่เขาช่วยเป็นเพราะความรู้สึกผิดเหล่านั้นที่ก่อเกิดขึ้นมาในใจ เธอจึงไม่กล้าไปรบกวนขอให้เขาช่วยอีกแล้ว

เพราะถ้าเธอทำแบบนั้น มันก็ไม่ต่างจากการตอกย้ำว่า “เขาควรชดใช้ความผิดให้เหยาหมิ่น”

ฉินซีไม่ใช่ฉินซึ่งเทียน เธอทำลายคนอื่นแบบนี้ไม่ลงหรอก

อีกอย่างการเปิดโปงเรื่องนี้ ถึงแม้จะเป็นการรายงานโดยไม่ระบุชื่อ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหาเบาะแสอะไรไม่เจอ แม้ว่าทนายจ้าวจะเป็นผู้รอบรู้ในวิชาชีพ แต่ถ้าเทียบกับตระกูลฉินแล้ว ก็ยังถือว่าไม่มีอำนาจเพียงพอ

ถ้าหากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปสืบหาเจอว่าเป็นเขาจริงๆล่ะก็ ฉินซีจินตนาการไม่ออกเลยว่า เขาจะต้องเผชิญกับเรื่องอะไรบ้าง

ดังนั้นถ้าทนายจ้าวรู้ เขาต้องรับทำเรื่องนี้ทั้งๆที่ฉินซียังไม่ได้บอกเงื่อนไขว่าเขาต้องไปทำอะไรยังไงแน่ๆ

อย่างมากก็แค่ต้องจัดการเองแล้วล่ะ

ฉินซีกำพวงมาลัยรถพร้อมกับใคร่ครวญ

ถึงยังไงก็คงถูกฉินซึ่งเทียนเล็งเป้าไว้อยู่แล้ว ก็คงไม่เลวร้ายต่างจากเรื่องนี้สักเท่าไหร่หรอก

เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในรีสอร์ทชิงหยวน ฉินซีก็ตัดสินใจได้

แต่เมื่อจอดรถ เธอถึงได้เพิ่งสังเกตว่า ในลานจอดรถ ยังมีรถอีกคันหนึ่งจอดอยู่ เมื่อมองดูชัดๆ ก็รู้สึกว่าไม่คุ้นเอาซะเลย

มีแขกเหรอ?

ฉินซีขมวดคิ้ว

ตอนนี้ลู่เซิ่นก็ไม่อยู่ด้วย พอมีแขกมา เธอก็ไม่รู้ว่าต้องไปต้อนรับในฐานะอะไร

แต่ไหนๆเธอก็กลับมาถึงแล้ว คงไม่มีเหตุผลอะไรให้หลบหลีก เธอครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นฉินซีก็ก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปในตัวบ้าน

เธอเดินเข้ามาได้ไม่ทันไร พ่อบ้านก็เดินเข้ามาต้อนรับ

“ประธานลู่มาครับ!”

ประธานลู่?

ฉินซีเลิกคิ้วขึ้น

ได้ยินทีแรก ก็นึกว่าลู่เซิ่นกลับมาแล้วจริงๆ

แต่สมองของฉินซีก็ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว

ถ้าลู่เซิ่นกลับมาจริงๆ พ่อบ้านจะไม่พูดว่า “ประธานลู่มาครับ” แต่จะพูดว่า “ประธานลู่กลับมาแล้วครับ”

อีกอย่างลู่เซิ่น…….ก็ไม่น่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้

ดังนั้นประธานลู่ที่ว่า จะเป็นใครคนอื่นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่……ลู่เหวย

ฉินซีรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันใด

เธอยังไม่ได้คิดเลยว่าต้องไปเจอลู่เหวยในฐานะอะไร

แต่โชคชะตากลับไม่ให้เวลาเธอได้ปรับตัวเลย

เพราะเมื่อลู่เหวยได้ยินว่ามีคนมา ก็เดินออกมาข้างนอกเอง จึงได้สบตากับฉินซีเข้าพอดี

“ฉินซี?” ลู่เหวยมีท่าทางประหลาดใจ “หนู…….”

“ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ย้ายออกค่ะ” แม้ว่าจะดูเสียมารยาท แต่ฉินซีก็ยังตัดบทของเขาด้วยความรวดเร็ว

เพราะฉินซีรู้ว่าเขากำลังจะถามอะไร แต่พ่อบ้านยังยืนอยู่ข้างๆ

พูดออกไปก็ค่อนข้างจะรู้สึกกระดากใจ ตั้งหลายวันแล้ว แต่ฉินซีก็ยังไม่ได้บอกเขาเรื่องที่ตัวเองกับลู่เซิ่นหย่ากันแล้วเลยสักคำ

เดิมทีเธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะบอกทุกอย่างกับพ่อบ้านในวันที่เธอย้ายออก แต่วันที่ต้องย้ายออกกลับถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เรื่องที่เธอจะบอกพ่อบ้านก็จำต้องเลื่อนเวลาออกไปเรื่อยๆเช่นเดียวกัน

ไม่รู้ว่าเพราะลู่เหวยรู้ว่าเธอกำลังติดอะไรอยู่หรือเปล่า ถึงไม่ได้ถามเรื่องนี้กับเธออีก แต่กับชี้ไปทางห้องทานอาหารแทนแล้วพูดว่า “กินข้าวหรือยัง?”

ฉินซีส่ายหน้า จากนั้นก็เดินตามลู่เหวยเข้าไปในห้องทานอาหาร

ไม่นานคนใช้ก็นำอาหารมาเสิร์ฟ จากนั้นลู่เหวยก็โบกมือส่งสัญญาณให้คนใช้ออกไปข้างนอก พร้อมทั้งปิดประตูห้องอาหารให้ด้วย

“ฉินซี” ท่าทางของลู่เหวยยังคงอบอุ่นและสง่าเหมือนอย่างเคย ทว่าในน้ำเสียงกลับจี้เอาคำตอบ “ฉันตกใจมากเลยนะ ไม่คิดเลยว่า…..หนูจะยังอยู่ที่นี่ต่อ”

เมื่อฉินซีถูกเขาพูดใส่แบบนั้น ใบหน้าก็รู้สึกแสบร้อน เธอหลุบตาลง ไม่ได้มองตาเขา “ตอนนี้ยังหาบ้านที่ถูกใจไม่เจอน่ะค่ะ……”

คำพูดของเธอ ฟังแค่ครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นแค่ข้ออ้าง

ลู่เซิ่นมีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในครอบครองมากตั้งเท่าไหร่ ถ้าหากอยากให้ฉินซีย้ายออกไป ก็คงหาบ้านที่พอดีให้เธอได้ในทันที หรือต่อให้ฉินซีหาเอง ก็ไม่มีทางที่จะใช้เวลาหลายวันในการหาที่อยู่ และยังอาศัยอยู่ในบ้านของอดีตสามีนานขนาดนี้

ความเป็นไปได้หนึ่งเดียว ก็คืออีกคนไม่อยากให้ไป และอีกคนก็อยากอยู่ต่อ

ที่พวกเขาสองคนทำให้มันพัวพันยุ่งเหยิงอย่างนี้ พอผู้ใหญ่เอ่ยปากถาม ก็เริ่มรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่แล้ว

อีกอย่างตอนที่ฉินซีบังเอิญเจอกับลู่เหวยในครั้งก่อน เธอก็เคยเอ่ยปากออกมาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าพวกเขาทั้งสองหย่ากันแล้ว

ยังดีที่ลู่เหวยไม่ได้มีนิสัยพูดซ้ำเติมคนอื่น เห็นได้ชัดว่าเขาดูออกว่าฉินซีกำลังตบตา เขาจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจในเจตนาของเธอ ไม่ได้พูดจี้จุดอะไรออกมา “งั้นหรอกหรือ”

ฉินซีรับรู้ได้แค่ความร้อนหวือๆบริเวณข้างหู จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คุณลุงมาหาลู่เซิ่นเหรอคะ?”

ลู่เหวยพยักหน้า “เขาไม่ยอมกลับบ้านนานแล้ว ถึงยังไงเขาก็เพิ่งหย่า อารมณ์คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันเลยคิดว่ามาหาเขาเองดีกว่า”

แม้ว่าลู่เหวยไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ฉินซีก็พอจะฟังความหมายโดยนัยออก

ลู่เซิ่นอารมณ์ไม่ดี เลยไม่ได้กลับไปที่ตระกูลลู่นานแล้ว?

ฟังแล้วดูเหมือน กำลังจะบอกว่าสาเหตุมาจากเธอ?

เรื่องความรักที่เธอทิ้งไว้ข้างหลังตอนเธอตื่นขึ้นมาคราวนี้กลับย้อนเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง

ที่ลู่เซิ่นกับตระกูลลู่ผิดใจกัน เป็นเพราะวิธีที่คุณหญิงลู่บีบบังคับให้เธอหย่าจนทำให้เขาอึดอัด หรือเป็นเพราะตัวเธอ…..กันแน่?

ตอนนี้มีสองฝ่ายตีกันอยู่ในหัวของฉินซี จนเธอต้องห้ามมันเอาไว้

“แต่น่าเสียดาย” ฉินซีพูด “เมื่อวานเขาเพิ่งออกไปทำงานนอกสถานที่ ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ด้วยค่ะ”

แต่ลู่เหวยกลับส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ได้มาเจอหนูที่นี่แทน ก็ถือว่าไม่เสียเที่ยวล่ะนะ”

ในสายตาของฉินซีเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ลู่เหวยทำแค่ยิ้มออกมาอย่างไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ และไม่คิดจะอธิบายอะไรให้กระจ่าง

เขามาที่นี่ สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะลู่เซิ่นไม่ได้กลับไปที่บ้านนานแล้ว ยังมีอีกสาเหตุส่วนหนึ่ง……เขาจำรอยยิ้มที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้จากใบหน้าของลู่เซิ่นตอนที่ตัวเองถามเขาว่าจะหย่ากับฉินซีจริงๆใช่ไหม

ผ่านไปตั้งนาน สูหยิงก็ป่าวประกาศไปทั่วว่าลู่เซิ่นกลับมาโสดแล้ว ลู่เซิ่นรับรู้ทุกอย่าง แต่กลับไม่เคยออกมาปฏิเสธอะไร และฉินซีก็ยอมรับออกมาเองว่าหย่ากับลู่เซิ่นแล้ว

ลู่เหวยไม่เข้าใจว่าตกลงแล้วลู่เซิ่นคิดจะทำอะไรกันแน่ เขาไม่กล้าวางใจ จึงมาหาที่นี่ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท