Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1006

ตอนที่ 1006

บทที่ 1006 พูดถึงแต่เพียงเท่านี้

เมื่อคืนฉินซีนอนไม่ค่อยหลับ วันนี้ยังตื่นแต่เช้าอีก ในตอนที่ไปเจอทนายจ้าว จึงดูเหนื่อยล้านิดหน่อย พอกินข้าวเที่ยงเสร็จก็อยู่คุยกับลู่เหวยตั้งนานสองนาน ดังนั้นในตอนนี้จึงรู้สึกง่วงและอ่อนเพลีย

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวิดีโอคอลกับลู่เซิ่นหรือเปล่า ตอนที่ฉินซีห่มผ้าเตรียมนอนกลางวัน ถึงได้รู้สึกสบายใจยิ่งกว่าเมื่อคืน จากนั้นไม่ถึงนาทีก็ตกเข้าสู่ห้วงนิทรา หลับลึกขนาดไม่ฝันอะไรเลย

ราวกับว่า…..ลู่เซิ่นอยู่ข้างๆกายอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ดวงอาทิตย์ก็เริ่มตกแล้ว

เธอบิดขี้เกียจ เมื่อรู้สึกว่านอนเต็มอิ่มแล้ว

จึงเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อจัดการรูปภาพสองสามรูป จากนั้นก็ทานข้าวเย็น และในตอนที่กำลังจะขึ้นชั้นบนไปทำงานต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

คนที่โทรมาไม่ใช่ใครคนอื่น เป็นลู่เหวยที่เพิ่งมาที่นี่เมื่อตอนกลางวัน

ฉินซีขมวดคิ้วนิดหน่อย เดินออกจากห้อง แล้วจึงกดรับโทรศัพท์ “คุณลุง?”

น้ำเสียงของลู่เหวยดูเคร่งเครียด ทักทายแค่ประโยคสั้นๆจากนั้นก็เข้าประเด็นทันที “เรื่องข้อมูลเปิดโปงฉันให้คนไปจัดการแล้ว คิดว่าพรุ่งนี้น่าจะได้ เร็วที่สุดก็คงได้เริ่มตรวจสอบพรุ่งนี้ตอนบ่าย”

ฉินซีประหลาดใจ “ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะคะ?”

ลู่เหวยพูดออกมาด้วยความเร็วที่เร็วกว่าปกติ “รีบจัดการให้เสร็จเร็วๆจะดีกว่า ในเมื่อหนูบอกว่าฉินซึ่งเทียนต้องเก็บหุ้นไว้กับตัว ยังไงเขาก็ไม่ยอมขาย และถ้าหากเขาเดาเจตนาของหนูออกล่ะก็ ต้องหาทางทำลายหลักฐานการปลอมแปลงเอกสารแน่ ถึงตอนนั้นถ้าจะตรวจสอบ ก็คงไม่สะดวกแล้ว”

ฉินซีพยักหน้า “ค่ะ”

ไม่ใช่เธอไม่เข้าใจเหตุผลที่ว่ายิ่งเร็วยิ่งดี แต่ถ้าเอาตามการคาดคะเนของเธอก่อนหน้านี้ ถ้าเธอลงมือเอง ก็ต้องเดินเรื่องเอกสารตามขั้นตอนปกติ ระหว่างนั้นเอกสารก็ต้องผ่านมือหลายคน เธอรู้ดีว่าต้องส่งต่อให้ตั้งกี่แผนกถึงจะสามารถเริ่มตรวจสอบได้อย่างเป็นทางการ

หลายต่อขนาดนี้ มีความเป็นไปได้ว่าบริษัทฉินซี่อกรุ๊ปอาจจะรู้เรื่องก่อนทีมสืบสวนจะทำงานก็ได้ ดังนั้นลงมือจัดการหลักฐานก่อนเพื่อเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ถึงแม้จะเสียดาย แต่ความคาดหวังในใจของฉินซีจริงๆแล้วก็ไม่ได้สูงมากนัก ขอแค่ได้ดำเนินการตรวจสอบบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็พอแล้ว

แต่ไหนแต่ไรในวงการตลาดหุ้นก็มีแต่พวกหูตาไวอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงแค่โดนหางลมล่ะก็ ก็คงสามารถจุดชนวนการไหวตัวของหุ้นได้ในระดับที่มาก

“คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จะดำเนินการตรวจสอบบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป” รวมถึงข่าว “การปลอมแปลงเอกสารการเงิน” ที่อานหยันหามาได้ ถ้าทำสองสิ่งพร้อมกัน ต่อให้ฉินซึ่งเทียนจัดการทำลายหลักฐานไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ไม่สามารถห้ามให้หุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปร่วงลงได้

ตอนนี้เขาถือครองหุ้นของบริษัทไว้ในมือห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ตราบใดที่หุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปหยุดชะงัก ทรัพย์สินในมือของเขาก็จะหดหายไปเยอะพอสมควร

อีกอย่าง ถ้าข้อมูลส่วนนี้ถูกรายงานออกไป ก็คงส่งผลต่อชื่อเสียงของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปและฉินซึ่งเทียนเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะหาหลักฐานไม่ได้ แต่ก็สามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้อยู่ดี ด้วยเหตุนี้หลังจากนั้น เธอก็จะหาหลักฐานที่ฉินซึ่งเทียนทำผิดมาเปิดเผยสู่สาธารณะเพื่อเป็นการปูทาง

สิ่งที่เธอต้องการในทีแรกก็ถือว่าเยอะมากแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า ที่ลู่เหวยจัดการให้ จะมากกว่าที่เธอจินตนาการไว้เสียอีก

เธอรู้ดี ดูจากนิสัยของลู่เหวยแล้ว ถึงเขาจะใช้ถ้อยคำอย่างรอบคอบ ด้วยคำว่า “เร็วที่สุดพรุ่งนี้ตอนบ่าย” ก็ตาม แต่เมื่อเขาพูดออกมาถึงขนาดนี้แล้ว ร้อยทั้งร้อยคงมั่นใจแล้วล่ะว่า พรุ่งนี้ตอนบ่ายบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจะถูกตรวจสอบ

ได้รับข้อมูลตอนเช้า ตอนบ่ายก็สามารถทำการตรวจสอบได้ ต่อให้สายข่าวของฉินซึ่งเทียนเร็วขนาดไหน ก็คงไม่สามารถทำลายหลักฐานได้ทันทั้งหมดหรอก เมื่อเป็นแบบนี้ ถึงจะไม่สามารถโจมตีบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจนล้มดับได้ แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายให้บริษัทฉินซึ่งกรุ๊ปได้มากพอสมควร

ผลลัพธ์ที่ได้ดีกว่าที่ฉินซีไปจัดการด้วยตัวเองเสียอีก

ที่ได้ผลรวดเร็วแบบนี้ เกรงว่าลู่เหวยคงใช้ประโยชน์จากคอนเน็กชันของตัวเอง ไม่ได้ทำตามวิธีปกติ ถึงได้จัดการได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ลู่เหวยนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยพูดด้วยความลังเลนิดหน่อย “ฉินซี ในระหว่างที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปถูกตรวจสอบ ถ้าพูดแบบทั่วไปไม่น่าจะควบคุมคนในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้อย่างเข้มงวดเท่าไหร่ อยากให้ฉันส่งหนูไปที่อื่น เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ไหม”

ฉินซีเงียบ

เมื่อสักครู่…….เธอก็เพิ่งคิดถึงประเด็นนี้

ถ้าพรุ่งนี้ทุกอย่างเริ่มดำเนินการตรวจสอบ คนในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอาจจะตื่นตระหนกในตอนแรก จากนั้นก็จะคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังต้องเป็นฉินซีที่มีส่วนในการจุดชนวนขึ้นมาแน่ๆ

เพราะเธอเพิ่งโอนหุ้นส่วนออกไป เมื่อมีเรื่องนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าใคร ก็คงสงสัยเธอทั้งนั้น

ถึงแม้ลู่เหวยจะนำความสงสัยเหล่านั้นมาไว้กับบริษัทลู่ซื่อ แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าคนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจะยอมปล่อยฉินซีไป

คนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เก่งเรื่องทำร้ายคนอื่นลับหลังเหมือนฉินซึ่งเทียนนั่นแหละ และก็ชอบแก้ไขปัญหาอย่างลวกๆหยาบๆเหมือนฉินเฉิงฉินซิงด้วย จินตนาการออกเลยว่า ถ้าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปถูกไล่ต้อนด้วยการวิพากษ์วิจารณ์จากกระแสสังคม พวกคนกลุ่มนี้ ก็คงเหมือนหมาจนตรอกเข้าสักวัน

พอทำอะไรบริษัทลู่ซื่อไม่ได้ ก็จะมารบกวนฉินซี

และเรื่องที่เธอหย่ากับลู่เซิ่นไม่ช้าก็เร็วคงถึงหูทุกคนในตระกูลฉิน ตอนนี้ลู่เซิ่นก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะมีคนคอยคุ้มกัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกิดเรื่องอะไรเลย

ฉินซีไม่อยากเพิ่มปัญหาให้คนอื่น ตอนแรกจึงวางแผนไว้เสร็จสรรพ ว่าจะเดินเรื่องหลายขั้นตอนด้วยตัวเอง พอจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย ก็จะไปต่างประเทศ ไปอยู่ในที่ที่คนของตระกูลฉินสืบสาวหาเธอไม่เจอสักพัก รอให้ทุกอย่างสงบค่อยกลับมา

แต่เมื่อลู่เหวยยื่นมือเข้ามาช่วย จังหวะเวลาก็รวดเร็วไปเสียหมด เธอต้องวางแผนว่าจะเอายังไงต่อไป

ถ้ายอมรับความช่วยเหลือจากลู่เหวย ให้เขาส่งเธอไปที่อื่นสักพัก ฉินซีมั่นใจว่าเขาสามารถรับรองความปลอดภัยให้เธอได้แน่ เพียงแต่ว่า………

เธอยังมีงานที่ต้องทำให้เสร็จ และที่สำคัญก็คือ เรื่องของเหยาหมิ่น เธอยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย

ถ้าการที่เจ้าของโรงแรมติดคุกมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉินซึ่งเทียนจริงๆ ดังนั้นถ้าเขาเผชิญหน้ากับการที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปตกอับ ก่อนที่ตัวเองจะหมดอำนาจ บางทีเขาอาจจะหาทางกำจัดเห้อเสียง เพื่อที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ป้องกันไม่ให้มีใครหลุดปากเรื่องของเหยาหมิ่นออกมา เพราะจะเป็นการเพิ่มปัญหาให้เขา

เธอต้องทำเวลาให้ทัน ก่อนที่ฉินซึ่งเทียนจะนึกขึ้นได้และลงมือกับเห้อเสียง ต้องถามเอาความจริงในตอนนั้นจากเห้อเสียงให้ได้เร็วที่สุด

ดังนั้นเธอจึงส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ลุงลู่ ช่วงนี้แค่ฉันไม่ออกไปไหนก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะยังมีอีกหลายอย่าง ที่ฉันต้องจัดการให้เรียบร้อย ฉันไม่สามารถไปที่อื่นได้จริงๆค่ะ”

ไม่ต้องพูดให้มากความ เธอพูดถึงแต่เพียงเท่านี้

“ได้” ไม่รู้ว่าลู่เหวยเข้าใจว่าเธอยังอยากตามหาเห้อเสียงอยู่หรือเปล่า ถึงไม่ได้ถามอะไรออกมาอีก เพียงแค่เอ่ยกำชับออกมาว่า “ถ้าต้องการบอดี้การ์ด บอกฉันได้เลยนะ”

“ค่ะ” ฉินซีพยักหน้าตอบรับ

ในตอนที่กำลังจะวางสาย ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ “ลุงลู่ ที่คุณลุงทำแบบนี้…….คุณหญิงลู่รู้เรื่องไหมคะ?”

เมื่อก่อนตอนที่เขาช่วยเหยาหมิ่นสืบคดี ก็มีสูหยิงคอยขัดขวาง จึงต้องคอยหลบๆซ่อนๆ มาคราวนี้การส่งคนไปทำเรื่องเปิดโปง มันเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควร ทำไมไม่ถูกสูหยิงห้ามเลยล่ะ?

ลู่เหวยเพียงแค่หัวเราะ “รู้สิ”

ไม่ใช่แค่รู้อย่างเดียว แต่เธอยังช่วยด้วยอีกคน

แค่บอกเธอว่า บริษัทฉินซื่อใส่ร้ายลู่เซิ่นว่าขโมยความลับของบริษัทไปยังไงบ้าง เธอก็ทนไม่ไหวแล้ว

สูหยิงเป็นแม่ที่อารมณ์ร้อน ไม่มีทางยอมปล่อยให้ใครมาว่าลู่เซิ่นไม่ดีหรอก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท