Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1007

ตอนที่ 1007

บทที่ 1007 ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

ลู่เหวยไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ฉินซีก็สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงสบายๆของเขา จึงรู้ว่าไม่มีอะไรให้กังวล เลยไม่ได้ถามอะไรอีก

ลู่เหวยเอ่ยย้ำอีกครั้งว่า ทำอะไรให้ระวัง จากนั้นก็วางสายไป

ฉินซีรอให้ลู่เหวยตัดสายเสร็จ จากนั้นก็รีบโทรหาอานหยันทันที

“ฉินซี?” อานหยันแปลกใจนิดหน่อย “ทำไมจู่ๆถึงโทรมาล่ะ?”

ฉินซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งครัดว่า “คุณยังจำข้อมูลที่คุณส่งมาให้ฉันเมื่อไม่กี่วันก่อนได้ไหม?”

อานหยันครุ่นคิดอยู่สักพัก “ที่เอาให้คุณตอนกินหม้อไฟด้วยกันน่ะเหรอ?”

ฉินซีพยักหน้า “มะรืนนี้ คุณช่วยเผยแพร่บทความการปลอมแปลงเอกสารการเงินของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปให้หน่อยได้ไหม?”

พรุ่งนี้ก็เริ่มตรวจสอบแล้ว น่าจะมีสื่อไม่น้อยได้ยินข่าวลือแล้วเริ่มทำข่าว ถ้าอานหยันเผยแพร่บทความออกมาในวันมะรืนนี้ ก็จะสามารถลดความเสี่ยงให้เธอได้ในระดับหนึ่ง อีกอย่างผลลัพธ์ก็น่าจะออกมาดีด้วย

ถึงแม้อานหยันจะเป็นสายลับ รอบกายมีผู้คุ้มกันอยู่มากมาย แต่ฉินซีก็ยังไม่ค่อยวางใจ จึงอยากปกป้องเธอให้ปลอดภัยถึงที่สุด

ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องของเธอ เมื่อดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉินซีจึงรู้สึกไม่สบายใจ

น้ำเสียงของอานหยันเริ่มจริงจังขึ้นมาบ้าง ฉินซีได้ยินเสียงเธอกดแป้นพิมพ์อยู่สักพัก ถึงได้ตอบกลับมาว่า “ได้ ฉันจะเปลี่ยนข่าว แล้วปล่อยของคุณก่อนก็แล้วกัน”

ฉินซีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ขอบคุณมาก”

อานหยันโบกมือ “ไม่เป็นไร แล้วยังไง หาคนเปิดโปงได้แล้วหรือยัง?”

ฉินซีพยักหน้า แต่ก็ไม่สะดวกคุยกันผ่านโทรศัพท์ จึงพูดกำกวมออกไปว่า “ไม่นานก็จะเริ่มตรวจสอบแล้วล่ะ เตรียมของไปด้วยก็เรียบร้อยแล้ว”

เมื่ออานหยันได้ยินเธอพูดกำกวมออกมา ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ทำเพียงตอบรับ แล้วกดวางสายไป

ยังมีเรื่องอะไรอีกนะ?

สายตาของฉินซีจดจ้องอยู่ที่ถุงกระดาษบนตู้ตรงหัวเตียง

ต้องหลบคนของตระกูลฉินยังไง ถึงจะสามารถทำการสืบต่อได้……..

ฉินซีขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่สักพัก ทันใดนั้นก็มีไอเดีย

เธอนึกถึงคำพูดของลู่เหวยเมื่อกลางวันก่อนเขาจะไป

“แต่ฉันคิดว่า หนูควรลองไปหยั่งเชิงดูเขาก่อนจะดีกว่านะ ไปดูว่าเขาเป็นคนยังไงไหน แล้วค่อยตัดสินใจว่าควรใช้สิ่งหลอกล่อมากเท่าไหร่”

ในเมื่อตอนนี้เธอเองก็รีบร้อน สู้ไปพบเองจะไม่ดีกว่าเหรอ

เมื่อคิดได้ดังนี้ เธอก็ยื่นมือไปกดโทรหาทนายจ้าว

ทนายจ้าวยังกดรับสายเร็วเหมือนเดิม “ฉินซี?”

วันนี้ช่วงเช้าพวกเขาเพิ่งเจอกัน เขาคิดไม่ออกว่าทำไมตอนนี้จู่ๆฉินซีถึงติดต่อเขามา

ฉินซีนิ่งไปชั่วครู่ ตัดสินใจไม่พูดถึงเรื่องเปิดโปง เพียงแค่เอ่ยถามออกไปง่ายๆว่า “ทนายจ้าว ฉันอยากไปคุยกับเห้อเสียงเองโดยตรง ได้ไหมคะ?”

ทนายจ้าวแปลกใจ “คุยเอง?”

ตอนแรกเขาคิดว่า ฉินซีจะรอเขาเก็บข้อมูลเรื่องที่เห้อเสียงติดคุกให้เรียบร้อยก่อน เพื่อหาว่าพอจะเจอจุดลดโทษได้บ้างไหม แล้วค่อยไปเจรจา

ไม่คิดเลยว่าฉินซีจะใจร้อนขนาดนี้

น้ำเสียงของเขาดูลำบากใจ “ฉันไปเจอทนายที่รับผิดชอบคดีของเขาแล้ว ไม่นานก็น่าจะได้เอกสารรายละเอียดมา หนูรออีกหน่อยไม่ได้เหรอ? ถ้าไปเจอเขาโดยตรง ฉันบอกไม่ได้หรอกนะว่ามันจะเป็นวิธีที่ดีหรือเปล่า”

ฉินซียิ้มขมขื่นออกมาบางๆ

ทำไมเธอจะไม่รู้ ถ้ารออีกหน่อยบางทีอาจจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ก็ได้

แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญก็คือ ก็คือเวลา

“ฉันอยาก…ไปเจอเขา ได้ไปหยั่งเชิงดูเขาก่อนก็ยังดี” ฉินซีครุ่นคิดสักพัก แต่ก็ยังไม่ได้พูดความจริงออกไป “เพราะถ้าเขาถูกฉินซึ่งเทียนใส่ร้ายจริงๆ ยังไงก็คงโกรธแค้นฉินซึ่งเทียนมากแน่ๆ บางทีอาจจะอยากให้ฉันเสนอข้อแลกเปลี่ยนอะไรให้ก็ได้”

นี่เป็นคำพูดที่ดูเกินจริงสุดๆแล้ว ฉินซียังรู้สึกขำที่ตัวเองพูดออกมาแบบนี้

แล้วคนฉลาดอย่างทนายจ้าวทำไมจะฟังไม่ออก แต่ฉินซีก็ยังพูดอะไรแบบนี้ออกมา แสดงว่าเธอคงตัดสินใจมาแล้วว่าต้องเจอเห้อเสียงให้ได้

ดังนั้นทนายจ้าวจึงลังเลอยู่สักพัก ถึงได้เอ่ยปากออกมาว่า “ถ้าหนูยืนยันจะไปเจอเขาให้ได้ ฉันไม่แนะนำให้ไปคนเดียว ทางที่ดี…..พาทนายสักคนไปด้วยเถอะ”

ฉินซีขมวดคิ้ว “จำเป็นด้วยเหรอคะ?”

ทนายจ้าวพูดด้วยน้ำเสียงยืนกรานว่า “จำเป็นสิ ถึงยังไงหนูก็ไม่ได้ไปเยี่ยมธรรมดา แต่มีข้อเสนอไปแลกเปลี่ยน บางคำพูด ควรมีทนายไปพูดให้ก็ดีนะ”

ฉินซีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็พยักหน้า “คุณพูดถูก”

จะพูดว่าเธอไม่เข้าใจอะไรสักอย่างเกี่ยวกับกฎหมายก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่ได้ชำนาญขนาดนั้น อีกอย่างเรื่องร้ายๆที่เหยาหมิ่นถูกล่อลวงยังคงหลงเหลือผลกระทบเอาไว้เยอะ ดังนั้นเอกสารสัญญาต่างๆในมือเธอต้องผ่านสายตาของทนายจ้าวก่อนเธอถึงจะกล้าเซ็น

ส่วนเรื่องยื่นข้อเสนอกับเห้อเสียง เธอสามารถเจรจาได้ก็จริง แต่ถ้าเก่งถึงขนาดได้ผลแน่นอน ยังไงก็ยังต้องให้ทนายออกโรงด้วย

แต่หลังจากที่เธอตอบรับไป ก็เกิดลังเลอีกครั้ง

ต้องพาทนายไปด้วย?

ถ้าพูดถึงทนายที่เชื่อถือได้ รอบกายของฉินซีก็มีแค่ทนายจ้าวคนเดียว

แต่ว่าที่เธอจะไปไม่ใช่แค่ไปเจอเห้อเสียงอย่างเดียว แต่เธอจะหลบหนีด้วย จึงไม่รู้ว่าจะเสียเวลาอยู่ที่นั่นกี่วัน

ทนายจ้าวพอจะสละเวลานิดหน่อยไปกับเธอได้ แต่ถ้าให้เขาเสียเวลาอยู่ที่นั่นกับเธอตั้งไม่รู้กี่วัน ฉินซีก็เกรงว่าเขาคงรับไม่ได้แน่

อีกอย่าง เมื่อกี้เขายังพูดอยู่เลยว่า เขาได้เจอทนายเจ้าของคดีของเห้อเสียงแล้ว เขาต้องอยู่ที่นี่ ถึงจะสามารถติดตามข้อมูลต่อได้ มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่ที่เห้อเสียงจะยอมบอกทุกอย่างออกมาโดยที่ไม่ได้ต้องการข้อเสนออะไร สุดท้ายยังไงก็หนีไม่พ้นต้องหาข้อเสนออะไรไปแลกเปลี่ยนอยู่ดี ถึงจะสามารถงัดปากของเขาได้

ราวกับทนายจ้าวเองก็นึกถึงปัญหานี้เหมือนกัน ปลายสายฝั่งนั้นจึงนิ่งไปนาน แล้วเอ่ยพูดออกมาว่า “ไม่อย่างนั้น ให้ฉันไปกลับหนูไหมล่ะ ถ้ามีธุระค่อยกลับมาก็ได้”

ฉินซีพอจะคาดเดาข้อเสนอแนะของเขาออกตั้งแต่แรกๆ จึงปฏิเสธอย่างมั่นเหมาะว่า “ไม่ได้ค่ะ”

อย่าพูดว่าทนายจ้าวจะเสียเวลาเดินทางเลย ต้องพูดว่าอายุของทนายจ้าวก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ถ้าต้องไปๆกลับๆอย่างนี้ คงไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเขาแน่ๆ

“คุณพอจะมี…..ทนายที่เชื่อถือได้ มาแนะนำไหมคะ?” ฉินซีคิดอยู่สักพักก็เอ่ยพูดขึ้นมา

ทนายจ้าวเงียบไปนานกว่าเดิม ฉินซีไม่รู้ว่าตัวเองรอไปนานเท่าไหร่ ถึงได้ยินเขาพูดออกมาอย่างลังเลว่า

“……จ้าวจิ้ง”

“จ้าวจิ้ง?” ฉินซีรู้สึกคุ้นหูกับชื่อนี้มาก เธอขมวดคิ้วเบาๆ หวนนึกให้ดีๆอยู่สักพัก ก็พูดออกมาทันทีว่า “ลูก…..ลูกสาวคุณน่ะเหรอคะ?”

เสียงของทนายจ้าวยังเต็มไปด้วยความลังเล “ใช่ ลูกสาวฉันเอง หนูเชื่อใจเธอได้ เพราะว่า…..ตอนนี้เธอกำลังทดลองงานอยู่ที่บริษัทลู่ซื่อ”

ฉินซีแปลกใจ “บริษัทลู่ซื่อ?”

การที่ลูกสาวของทนายจ้าวจะสืบต่ออาชีพจากคนเป็นพ่อมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพียงแต่ว่าฉินซีแค่คิดไม่ถึงว่า จ้าวจิ้งทำงานอยู่ที่บริษัทลู่ซื่อด้วย?

“หนูเพิ่งหย่ากับลู่เซิ่น ความสัมพันธ์กับบริษัทลู่ซื่ออาจจะไม่ดีเท่าไหร่ ฉันกลัวว่าการที่จ้าวจิ้งทำงานอยู่ที่นั่น……จะไม่ค่อยสะดวกใจหนูเท่าไหร่”

ทนายจ้าวเป็นคนตรงฉับเฉียบขาดมาตลอด น้อยครั้งมากที่เขาจะพูดตะกุกตะกักเหมือนครั้งนี้

ฉินซีฟังจบ กลับอยากหัวเราะออกมา

ทนายจ้าวคงรู้เรื่องที่ตัวเองหย่ากับลู่เซิ่นแล้ว และคงกลัวว่าเธอกับบริษัทลู่เซิ่นจะเป็นคู่แค้นกัน จึงกลัวว่าจ้าวจิ้งจะช่วยเธอแค่พอลวกๆ และกลัวว่าหลังจากนี้จ้าวจิ้งจะมีการพัฒนาที่ไม่ดี เพราะคิดว่าจ้าวจิ้งจะจงรักภักดีกับบริษัทลู่ซื่อมากเกินไป จนไม่เต็มใจช่วยฉินซีให้เต็มที่สินะ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท