Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1011

ตอนที่ 1011

บทที่ 1011 มองเห็นภาพที่ทำให้คิดถึงความหลัง

ฉินซีนั่งที่เบาะหลังแล้วเหลือบมองพ่อบ้านผ่านกระจกรถ

เขายุ่งอยู่กับการให้คนมาจัดกระเป๋า ขณะเดียวกันก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นของตัวเองมาซับเหงื่อ

เวลาที่ฉินซีเผชิญหน้ากับเขา มักจะมีความรู้สึกเหมือนกำลังมองพ่อบ้านของบ้านตระกูลฉินที่คอยดูแลเอาใจใส่ตนเองคนนั้น

ราวกับว่าเขารับรู้ถึงสายตาของฉินซี จึงเงยหน้าขึ้นมา แล้วมองไปที่เธอ

เมื่อหันไปสบตากับฉินซี รอยยิ้มใจดีก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ออกไปทำธุระตั้งหลายวันขนาดนี้ คุณต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะครับ”

เมื่อได้ยินเสียงคนรับใช้คนอื่นเรียก เขาก็ก้มหัวให้ฉินซี แล้วหันกลับไปมองหาคนคนนั้น

เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเลย และคิดว่าเธอกำลังจะเดินทางไปทำธุระจริง ๆ

ฉินซีลังเลอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็ลดกระจกหน้าต่างลง แล้วส่งเสียงเรียกพ่อบ้าน

ฉินซียื่นมือออกมา แล้วตบหลังมือที่เหี่ยวย่นของเขาเบา ๆ “ช่วงนี้คุณต้องระวังตัวให้มาก ๆ พยายามออกไปข้างนอกให้น้อยที่สุดก็แล้วกันนะคะ”

ความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อบ้าน “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

ฉินซีส่ายหน้า เธอไม่สามารถพูดได้มากกว่านี้ ทำได้เพียงย้ำอีกครั้งว่า “ระวังตัวด้วยนะคะ”

พูดจบบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ขับรถก็หันมามองเธอ “คุณนายครับ พวกเราสามารถออกเดินทางได้แล้วครับ”

ฉินซีพยักหน้า เธอโบกมือให้พ่อบ้านจากนั้นก็ปิดหน้าต่างรถแล้วสั่งออกมาว่า “ออกรถเถอะ”

บอดี้การ์ดคนนั้นสตาร์ทรถ ฉินซีมองพ่อบ้านที่ยังคงยืนตะลึงอยู่ที่เดิมผ่านกระจกมองหลัง เงาร่างของเขาค่อย ๆ เล็กลง

ขอเพียงแค่คนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปตั้งใจสืบหาให้ลึกขึ้นอีกนิด ก็จะรู้ได้ทันทีว่าเธอกับลู่เซิ่นหย่ากันแล้ว พวกเขาก็ไม่น่าจะมาทำตัวเกะกะระรานที่รีสอร์ทชิงหยวน

แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบริษัทลู่ซื่อ บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็กล้าพอแค่จะใช้วิธีลอบโจมตีลับหลังเท่านั้น

แต่เธอรู้ดีว่าระบบรักษาความปลอดภัยของรีสอร์ทชิงหยวนนั้นสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก แทบที่จะไม่มีโอกาสให้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเลย

คำพูดที่เธอพูดกับพ่อบ้านเมื่อกี้นี้ ก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น…เพียงมองเห็นภาพที่ทำให้คิดถึงความหลังไปชั่วขณะ

พ่อบ้านของตระกูลฉินดีกับเธอมาก

เดิมทีเขาติดตามของคุณปู่ฉินซี แต่หลังจากที่คุณปู่เสียชีวิต ฉินซึ่งเทียนก็ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ เขาก็ได้ติดตามไปด้วย

ฉินซึ่งเทียนยังนับว่าความเคารพเขามาก จนกระทั่งเกิดเรื่องของเหยาหมิ่นขึ้น

ฉินซึ่งเทียนแค้นใจที่เขาคอยแอบส่งข่าวให้ฉินซีกลับมาที่บ้าน

คิด ๆ ดูแล้วเขาคงมองการกระทำของฉินซึ่งเทียนไม่ออก

ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองคนทวีความรุนแรงถึงขีดสุดเมื่อหลี่เหวยย้ายเข้ามาในตระกูลฉิน

แต่เมื่อพ่อบ้านได้รู้อายุของฉินหว่าน เขาก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างในทันที ดังนั้นเขาจึงตำหนิชีวิตส่วนตัวที่สำมะเลเทเมาของฉินซึ่งเทียนว่าเป็นการทำให้ขนบธรรมเนียมประเพณีของตระกูลฉินเสียหาย

ฉินซึ่งเทียนจะทนให้คนรับใช้ตัวเล็ก ๆ มาชี้หน้าด่าเขาได้ยังไง จึงปลดพ่อบ้านออกจากตำแหน่งผู้ดูแลบ้าน แล้วมอบหมายงานระดับล่างให้เขาทำแทน

ชายชราอายุไม่น้อยแล้ว ทว่าเขากลับไม่ยอมก้มหัว คิดไม่ถึงเลยว่าจะยอมทำงานระดับล่างอย่างการปัดกวาดซักล้างพวกนั้น

เป็นธรรมดาที่หลี่เหวยที่ถูกเขาชี้หน้าด่าทันทีที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาจะเกลียดเขาเป็นอย่างมาก พ่อบ้านคนใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งหลังจากนั้นก็เป็นคนที่เธอพาเข้ามา ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามที่จะกลั่นแกล้งและกดขี่ชายชรา

ในช่วงเวลาที่อากาศหนาวที่สุดของเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติ เขาถูกสั่งให้ออกไปกวาดหิมะข้างนอก จึงลื่นล้มลงบนแผ่นน้ำแข็ง หลังจากนั้นก็มีอาการเลือดออกในสมอง ทว่ากลับไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ

ชายชราคนนี้ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ไม่มีลูกหลาน แต่ฉินซึ่งเทียนกลับไม่แม้แต่จะจัดงานศพให้เขา เพียงส่งเถ้ากระดูกของเขาไปที่หอฌาปนกิจอย่างรวดเร็ว

ตอนนั้นฉินซีออกไปจากตระกูลฉินตั้งนานแล้ว ทั้งยังต้องเผชิญกับเคราะห์กรรมมากมาย แม้แต่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด จึงไม่มีกะจิตกะใจที่จะมาถามเรื่องของพ่อบ้าน

หลังจากที่เรื่องของเธอสิ้นสุดลง ทั้งยังเริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับชีวิตในรีสอร์ทชิงหยวนได้แล้ว ก็ได้รู้ข่าวร้ายนี้ตอนที่คิดจะไปเยี่ยมชายชรา

ฉินซียังจำได้ว่าเป็นคืนฤดูหนาวใกล้ปีใหม่

ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะโทรถามข่าวคราวความเป็นอยู่ของพ่อบ้าน

เธอตัดขาดการติดต่อกับตระกูลฉินมานานแล้ว พอโทรศัพท์หาพ่อบ้านโดยตรงกลับพบว่าเป็นหมายเลขว่างเปล่า

เธอรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี จึงจำเป็นต้องโทรศัพท์ไปหาสาวใช้ที่ตนเองสนิทมากที่สุดอย่างไม่มีทางเลือก

สาวใช้คนนั้นเป็นพี่เลี้ยงและแม่นมของเธอตอนสมัยเด็ก ๆ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอมาก

ตอนที่ได้รับสายโทรศัพท์จากฉินซี เธอก็ค่อนข้างที่จะรู้สึกแปลกใจ “คุณหนูเหรอคะ”

จากคำบอกเล่าของเธอ ฉินซีจึงรู้ว่าหลังจากที่เธอตัดความสัมพันธ์กับตระกูลฉินแล้ว ตำแหน่งในตระกูลฉินของคนรับใช้คนนี้ก็ถูกลดต่ำลงเช่นกัน ราวกับหลี่เหวยรู้ว่าเธอสนิทสนมกับฉินซี จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความลำบากให้กับเธอ

ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว จึงตัดสินใจออกจากตระกูลฉิน

ฉินซีได้ยินเธอพูดแล้วก็รู้สึกเหมือนว่าในหัวใจมีเปลวไฟกำลังแผดเผา ค่อย ๆ ทำให้ความเกลียดชังและความแค้นเคืองที่ถูกกลบฝังอยู่ในหัวใจของเธอปะทุขึ้น

“ถ้าอย่างนั้น…พ่อบ้านล่ะคะ”

หลังจากที่ฟังเธอคนนั้นพูดเรื่องของตัวเองจบ ฉินซีก็ถามคำถามที่ตัวเองอยากจะรู้ออกมา

“คุณ…ไม่รู้อย่างนั้นเหรอคะ” น้ำเสียงของสาวใช้คนนั้นทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

สาวใช้คนนั้นลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟัง

มือของฉินซีแทบจะจับโทรศัพท์เอาไว้ไม่อยู่

เธอยังคงจำความรู้สึกของตัวเองในตอนนั้นได้อยู่เสมอ ราวกับว่ามีฟ้าผ่าลงตรงข้างหู ทำให้เธอสูญเสียการรับรู้เรื่องราวของโลกภายนอกไปชั่วขณะ

เห็นได้ชัด ๆ ว่าข้างนอกอากาศหนาวมาก แต่เธอกลับรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะหนาวไปกว่าตัวเธอเองอีกแล้ว

ความเคียดแค้นชิงชังเก่าใหม่ทับถม ความเกลียดชังของเธอที่มีต่อฉินซึ่งเทียนและหลี่เหวยก็มาถึงจุดสูงสุด

ทว่าตอนที่เธอโกรธจนถึงที่สุด ภายนอกกลับดูสงบนิ่งเป็นอย่างมาก

ฉินซีพูดลาสาวใช้ กำชับให้เธอดูแลตัวเองให้ดี ๆ ก่อนจะวางสายโทรศัพท์

จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินออกไปจากห้อง

ลู่เซิ่นเก็บปืนพกไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงเพื่อป้องกันตัว

เขาไม่ได้ปิดบังฉินซี จึงกลายเป็นการสร้างความสะดวกให้กับเธอ

ตอนนี้ปืนกระบอกนั้นอยู่ในกระเป๋าของเธอ

สีหน้าของฉินซีดูไม่ต่างอะไรจากตอนปกติ เธอยังสามารถพยักหน้าทักทายให้คนรับใช้ที่ผ่านไปผ่านมาได้ ทว่าในความจริงนั้นเธอได้เสียสติไปแล้ว

แผนการแก้แค้นทั้งหมดถูกโยนทิ้งไปอีกด้าน ในชั่วพริบตาเธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทรัพย์สมบัติของฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวยมาได้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ไม่สู้ทำให้พวกเขาได้รับความเจ็บปวดเหมือนกับเหยาหมิ่นและพ่อบ้านเสียแต่ตอนนี้

ตอนที่เธอเดินลงมาชั้นล่างด้วยความโกรธ และกำลังจะเดินไปที่รถ ทันใดนั้นก็ได้พบกับพ่อบ้าน

“คุณจะออกไปข้างนอกเหรอครับ” พ่อบ้านรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ฉินซีพยักหน้า ไม่พูดอะไรมาก “ค่ะ”

ตามปกติแล้วพ่อบ้านจะไม่ถามเรื่องส่วนตัวของเธอ เขาเพียงถูฝ่ามือ แล้วถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วงว่า “อากาศหนาวขนาดนี้…คุณสวมเสื้อผ้าบางเกินไปแล้ว! คุณรอผมสักหนึ่งนาทีนะครับ!”

ฉินซีไม่สนใจจะเสียเวลาไปกับเขา รอให้พ่อบ้านออกไปไกลแล้ว เธอก็คิดที่จะขึ้นรถ

ทว่ามือของเธอกลับสั่นระริก ใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะสตาร์ทรถได้

“เดี๋ยวครับ!” พ่อบ้านวิ่งไล่ตามมาด้วยเนื้อตัวสั่น ๆ เมื่อเห็นไฟที่รถสว่างขึ้น เขาก็โบกมือไปมา “คุณฉิน! รอก่อนครับ!”

ฉินซีเห็นเขาวิ่งสะดุดจนล้มลงไปบนกองหิมะ จึงตกตะลึงไปชั่วขณะ

เงาร่างของพ่อบ้านกับเงาร่างของพ่อบ้านตระกูลฉินที่สาวใช้พูดถึงซ้อนทับกัน

พอเห็นว่าเขากำลังจะล้มลงอีกครั้ง ฉินซีจึงไม่สามารถนั่งในรถต่อไปได้ เธอรีบเปิดประตูลงมาจากรถทันที

เมื่อพ่อบ้านเห็นเธอเดินออกมาแล้ว เขาก็หอบหายใจแล้วพูดออกมาทั้งรอยยิ้มว่า “ถึงแม้ว่าคุณจะรีบก็ไม่ควรใส่เสื้อผ้าบางขนาดนี้ออกจากบ้านนะครับ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท