Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1018

ตอนที่ 1018

บทที่ 1018 ลู่เซิ่นเมามาย

มือที่นวดอยู่ตรงขมับของลู่เซิ่นหยุดชะงัก ก่อนจะหันไปมองหน้าจอ “เธอเป็นห่วงฉันอย่างนั้นเหรอ”

ฉินซีพูดไม่ออกเล็กน้อยกับประเด็นที่แปลกประหลาดของเขา “ปวดหัวเหรอคะ ให้หลินหยังทำน้ำผึ้งผสมน้ำมาให้ หรือไม่ก็ลองไปดูที่ข้างในกระเป๋าเดินทางของคุณ ว่าพ่อบ้านได้เตรียมยาแก้แฮงค์เอาไว้ให้หรือเปล่า”

แต่ลู่เซิ่นกลับนั่งนิ่ง มองไปที่กล้องอย่างไร้ยางอาย แล้วพูดซ้ำออกมาอีกครั้งว่า “เธอเป็นห่วงฉันอย่างนั้นเหรอ”

เธอแน่ใจแล้วว่าเขาดื่มไปมากจริง ๆ จึงพูดเหมือนกำลังหยอกล้อพวกเด็ก ๆ ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง “ค่ะ ฉันเป็นห่วงคุณ อย่าลืมให้หลินหยังต้มน้ำแกงแก้แฮงค์ให้ด้วยนะคะ”

นี่ก็ต้องขอบคุณที่พ่อบ้านเคยบอกไว้ เธอจำได้ชัดเจนว่า หากลู่เซิ่นเมา วันถัดไปเขามักจะปวดหัวเอามาก ๆ เสมอ

ลู่เซิ่นตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจว่า “อืม” ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้ยินหรือเปล่า

ฉินซีหันไปมองเวลา ตอนนี้ทางฝั่งของลู่เซิ่นก็น่าจะไม่เช้าแล้ว ถึงพูดออกมาว่า “คุณไปอาบน้ำแล้วรีบพักผ่อนเถอะค่ะ”

แต่ลู่เซิ่นกลับเอาแต่จ้องหน้าจอไม่ยอมขยับ ทั้งยังไม่ตอบอะไรกลับมาทั้งนั้น

“ลู่เซิ่นคะ” ฉินซีเรียกเขาอีกครั้ง “สัญญาณทางฝั่งคุณค้างอย่างนั้นเหรอ”

แต่ทันใดนั้นลู่เซิ่นก็พูดออกมาว่า “ฉินซี เธอคิดถึงฉันไหม”

“อะไรนะคะ” ฉินซีคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าอยู่ๆเขาจะถามคำถามแบบนี้ออกมา

ทางฝั่งของเธอยังเป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ แสงอาทิตย์ลอดผ่านหน้าต่างส่องกระทบลงบนร่างของเธอ อยู่ ๆ ต้องมาพูดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อะไรแบบนี้ ฉินซีจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย

“ว่ายังไง” แต่ลู่เซิ่นกลับดึงดันไม่ยอมปล่อย อยากจะเอาคำตอบให้ได้

“อืม” ฉินซีหลุบตาลง ไม่มองไปที่หน้าจอโทรศัพท์อีก ก่อนจะตอบออกมาอย่างลวก ๆ คิดจะจัดการกับลู่เซิ่นที่กลายเป็นผีขี้เมาให้พ้น ๆ ไป

ลู่เซิ่นกับยิ้มขึ้นมาเบา ๆ “ฉันเองก็เหมือนกัน”

พูดจบเขาก็วางสายไป

ทิ้งฉินซีให้มองหน้าจอสีดำของโทรศัพท์ที่อยู่ในมือด้วยความตกตะลึงคนเดียว

คิดไม่ถึงเลยว่าพอลู่เซิ่นเมาแล้วจะมีสภาพแบบนี้…

เห็นชัด ๆ เลยว่าตอนแรกที่โทรไปก็เพราะอยากจะพูดเรื่องสำคัญ แล้วทำไมอยู่ๆถึงกลายมาเป็นเรื่องแบบนี้ได้…

ฉินซีจงใจเมินใบหูที่ร้อนผ่าวราวของตัวเอง ราวกับไม่ยอมรับว่าตนเองกำลังเขินอยู่ เธอไม่ได้เขินจริง ๆ นะอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากใช้เวลาในห้องอยู่นาน แค่พริบตาเดียวก็ใกล้จะเที่ยงวันแล้ว

ฉินซีเริ่มกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของจ้าวจิ้งทว่าในที่สุดด้านนอกก็มีการเคลื่อนไหว

เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วเปิดประตูเดินออกไปข้างนอก

จ้าวจิ้งกับเสี่ยวหลี่กลับมาแล้วจริง ๆ

ใบหน้าของจ้าวจิ้งปรากฏร่องรอยความเหนื่อยล้าอยู่หลายส่วน

“โทรสั่งให้คนยกอาหารเที่ยงมา” ฉินซีสั่งเสี่ยวเฉิน จากนั้นก็หันไปมองจ้าวจิ้ง “สถานการณ์เมื่อตอนเช้าเป็นยังไงบ้าง”

จ้าวจิ้งโบกมือ “รอฉันดื่มน้ำเสร็จแล้วจะค่อย ๆ พูด”

เสี่ยวเฉินกับเสี่ยวหลี่กลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างรู้งาน ฉินซีกับจ้าวจิ้งไม่ได้กลับเข้าไปในห้อง แต่นั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแทน

จ้าวจิ้งดื่มน้ำจนหมดแก้วในทีเดียว ยังรู้สึกเหมือนว่าถึงแม้เรื่องทั้งหมดจะผ่านไปด้วยดีแต่ว่าก็มีจุดสิ้นสุดที่ไม่น่าพอใจนัก “ข้าวต้มที่กินไปเมื่อเช้า…รสชาติพิลึกมากจริง ๆ ”

ฉินซีคิดไปถึงอาหารที่ตัวเองกินเมื่อตอนเช้าก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

จ้าวจิ้งยกยิ้มเบา ๆ จากนั้นก็หยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋า แล้วลดรอยยิ้มบนใบหน้าลง

“เรื่องเมื่อตอนเช้าก็ยังพอนับได้ว่าเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากที่ฉันลงชื่อขอเข้าเยี่ยม ฝ่ายตรงข้ามก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว”

ขณะที่จ้าวจิ้งกำลังพูด เธอก็หยิบปากกาบันทึกเสียงออกมาจากกระเป๋า แล้ววางไว้บนโต๊ะน้ำชา “ส่วนที่ว่าพูดอะไรบ้างนั้น คุณก็ลองเอาไปฟังดูนะคะ”

ฉินซีรับปากกาบันทึกเสียงมา ราวกับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทันใดนั้นจึงถามออกมาว่า “ตอนนี้เขา…สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง”

จ้าวจิ้ง “ไม่นับว่าดีเท่าไหร่”

ฉินซีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็กดปุ่มเล่นเสียง

หลังจากเงียบอยู่สักพัก เสียงผู้ชายที่ไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้น น่าจะเป็นเสียงของเห้อเสียง “เธอเองเหรอที่อยากพบฉัน”

จ้าวจิ้งตอบกลับไปว่า “ใช่”

จากนั้นความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง ราวกับว่าเห้อเสียงกำลังประเมินจ้าวจิ้งอยู่

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ข้อสรุปใด ๆ “ฉันไม่รู้จักเธอ เธออยากจะพบฉันทำไม”

เสียงของจ้าวจิ้งเยือกเย็นเป็นอย่างมาก “ฉันเป็นทนายความที่ได้รับมอบหมายให้มาพบคุณ”

น้ำเสียงของเห้อเสียงเต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว “ทนายความอย่างนั้นเหรอ”

จ้าวจิ้งยื่นมือไปกดปุ่มหยุดชั่วคราว จากนั้นก็หันไปมองฉินซี “พอถึงตรงนี้ หลังจากที่ฉันบอกสถานะของตัวเองให้เขาฟัง สีหน้าของเขาก็แย่ลงเป็นอย่างมาก ฉันสงสัยว่า…เขาน่าจะโดนทนายใส่ร้ายตอนที่ฟ้องร้องคดีเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่ามีคนเข้ามาจัดการเรื่องนี้หรือเปล่า ต้องลองตรวจสอบดู”

ฉินซีพยักหน้า

จ้าวจิ้งจึงกดเล่นการบันทึกเสียงต่อ

“ใช่ค่ะ ฉันเป็นทนาย” น้ำเสียงของจ้าวจิ้งอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “ลูกความของฉันต้องการทราบข้อมูลจากคุณ”

น้ำเสียงของเห้อเสียงยังคงแฝงไปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก “ข้อมูลอะไร ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น!”

จ้าวจิ้งเพิ่มความอ่อนโยนในน้ำเสียงขึ้นอีกนิด “ฉันรู้ว่าคุณเปิดโรงแรมมาก่อน และข้อมูลที่ลูกความของฉันต้องการถามก็เกี่ยวข้องกับโรงแรมของคุณ”

จ้าวจิ้งกดปุ่มหยุดชั่วคราวอีกครั้ง

“หลังจากที่ฉันพูดถึงโรงแรมแล้ว สีหน้าของเห้อเสียงฉายแววตื่นตระหนกเล็กน้อย ฉันสรุปได้ทันทีว่าเขาน่าจะรู้อะไรบางอย่าง”

ฉินซีขมวดคิ้วเบา ๆ “ เป็นเรื่องของคนอื่นหรือเปล่า”

จ้าวจิ้งส่ายหน้า “คุณฟังต่อก็จะรู้เอง”

จากนั้นก็กดเปิดบันทึกอีกครั้ง

“โรงแรมอย่างนั้นเหรอ” เสียงของเห้อเสียงแหบพร่าเล็กน้อย จากนั้นก็พูดออกมาอย่างเย้ยหยันว่า “ตอนนี้ฉันไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับโรงแรมนั่นอีกแล้ว เธออยากรู้อะไรก็ไม่ควรจะมาหาฉัน”

เสียงของจ้าวจิ้งฟังดูจริงใจมาก “ไม่ค่ะ เรื่องที่ลูกความของฉันอยากจะถามเป็นเรื่องที่เกิดก่อนเหตุการณ์ที่คุณจะขายโรงแรมทิ้ง เป็นช่วงเวลาเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน คุณน่าจะจำอะไรได้บ้าง”

บางทีอาจเป็นเพราะจ้าวจิ้งไม่ได้แสดงนิสัยที่ดุดันออกมา แล้วบอกเป็นนัยถึงความผิดของเห้อเสียง

เขาหัวเราะเบา ๆ “หนึ่งปีก่อนเหรอ หนึ่งปีก่อนเกิดเรื่องตั้งมากมาย สาวน้อย ดูเธอก็อายุไม่มากนะ ไม่ควรไปหาเรื่องกวนโมโหของคนที่ไม่ควรกวนเข้า และอย่าได้ถามคำถามที่ไม่ควรถาม”

จ้าวจิ้งไม่ได้โกรธกับคำพูดดูถูกของเขา น้ำเสียงของเธอก็ดูสงบนิ่งเป็นอย่างมาก “คนที่ไม่ควรกวนโมโหอย่างนั้นเหรอคะ คุณเลือกคนที่ฉันอยากจะถามเอาไว้ในใจแล้วสินะ”

เห้อเสียงคิดไม่ถึงว่าอยู่ ๆ จะถูกเธอจับพิรุธได้ น้ำเสียงจึงเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที “พูดอะไรของเธอน่ะ! หยุดพูดเองเออเองเดี๋ยวนี้นะ!”

เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างวางลงไปบนโต๊ะดังขึ้นมาจากปากกาบันทึกเสียง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของจ้าวจิ้ง “ถ้าคุณคิดจะพูดถึงเรื่องคนคนนี้ ฉันคิดว่าคุณลองอ่านข่าวนี้ดูก่อนก็ไม่เสียหาย”

จ้าวจิ้งหันไปมองฉินซีตอนที่การบันทึกเสียงมีช่องว่าง “ฉันเอาข่าววันนี้ของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปให้เขาอ่าน”

ฉินซีพยักหน้า

หลังจากเงียบไปเกือบนาที เสียงทุ้มต่ำของเห้อเสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้มีเสียงของความตื่นเต้นที่ควบคุมไม่ได้อยู่หลายส่วน “ที่เธอให้ฉันอ่านนี่เป็นความจริงอย่างนั้นเหรอ”

ดูเหมือนว่าจ้าวจิ้งกำลังเก็บโทรศัพท์กลับมา หลังจากผ่านไปสักพักก็ตอบกลับไปว่า “ฉันจะโกหกคุณให้ได้อะไร คุณลองไปถามผู้คุมเรือนจำก็จะได้รู้ว่าเป็นความจริง”

เสียงของเห้อเสียงสูงขึ้นอีกนิด “เธอเป็นตัวแทนของใครกันแน่”

จ้าวจิ้งตอบอย่างใจเย็น “ถ้าคุณยอมตกลงว่าจะนึกถึงเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อนออกมาให้ได้ ฉันก็สามารถบอกคุณได้”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท