บทที่ 1107 เซอร์ไพรส์
หลังจากที่เสี่ยวเฉินพูดจบ เขาก็เกาหัวอย่างอาย ๆ
ดูเหมือนว่าเขาจะอายุไม่มากนัก แต่ตามที่ลู่เซิ่นบอก ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดที่ดีที่สุดของตระกูลลู่
คิดว่าเขาน่าจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
ฉินซียิ้มเป็นนัยว่าให้ไปกินได้แล้ว จากนั้นตัวเองก็เดินกลับไปที่ห้อง จะได้ไม่สร้างความกดดันให้กับเขา
ทันทีที่ประตูปิดลง โทรศัพท์ของเธอก็สั่นขึ้นมา
คราวนี้เป็นข้อความที่ส่งมาจากอานหยัน
อานหยันส่งลิงก์มาก่อน จากนั้นก็ส่งข้อความตามมาว่า ‘mission clear (ภารกิจสำเร็จ)!’
ฉินซีสัมผัสได้ถึงความดีใจอันมากมายมหาศาลของเธอผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์
เธอยิ้ม ทว่าไม่ตอบข้อความของอานหยันกลับไปทันที แต่กลับกดเปิดลิงก์นั้นก่อน
ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของฉินซี นิตยสารในลิงก์นี้ไม่ได้มาจากสำนักพิมพ์ของอานหยัน แต่เป็นนิตยสารการเงินที่มีชื่อเสียงฉบับหนึ่ง
ฉินซีระงับความประหลาดใจแล้วรีบกวาดสายตาอ่านเนื้อหารายงานไปรอบหนึ่ง
นี่มันตรงข้ามกับที่เธอคาดหวังเอาไว้ไม่น้อย ดูเหมือนว่ารายงานฉบับนี้ของอานหยันอยากจะถูกเขียนขึ้นโดยนักเขียนมืออาชีพ ช่างเขียนได้อย่างลึกซึ้งและเรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมืออาชีพหรือคนนอกวงการที่ชอบดูเรื่องสนุกก็ล้วนอ่านแล้วเข้าใจได้
บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปใช้วิธีการไหนในการตกแต่งและปกปิดรายการเดินบัญชี ร่วมมือกับสำนักงานบัญชีปกปิดนักลงทุนและผู้ดูแลโครงสร้างยังไง มีระเบียบแบบแผนชัดเจน ทำให้คนที่อ่านสามารถเข้าใจได้ในทันที
และเนื่องจากได้รับการตีพิมพ์ลงบนนิตยสารระดับมืออาชีพ ทำให้พลังในการโน้มน้าวชักจูงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ฉินซีอ่านจบแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้ แต่กลับรู้สึกว่าบทความนี้ดูเหมือนจะยังไม่จบดี
เธอกดปุ่มย้อนกลับ จากนั้นก็ส่งสติ๊กเกอร์ชมเชยอีกฝ่ายลงไปในหน้าต่างสนทนา
อานหยันแทบจะตอบกลับมาทันที “ฉันเก่งมากใช่ไหมล่ะ”
ฉินซีหัวเราะก่อนจะกดโทรออก
ทันทีที่อานหยันรับสาย น้ำเสียงยียวนกวนส้นก็ดังขึ้นมา “ว่ายังไงจ๊ะ ตั้งใจจะโทรมาชมฉันโดยเฉพาะเลยใช่ไหม”
ฉินซีหัวเราะแล้วพูดว่า “ใช่จ้า ครั้งนี้เธอทำให้ฉัน…ประหลาดใจแล้วจริง ๆ ”
ถ้าอานหยันมีหาง เดาได้ว่ามันคงกระดกชี้ขึ้นไปบนฟ้าแล้วแน่ ๆ “นั่นสินะ ไม่เสียแรงที่ฉันอุตส่าห์ไปขอร้องให้นักข่าวทางด้านการเงินมาช่วยเขียนให้! แต่ว่าเมื่อเช้านี้เรื่องอื้อฉาวทางการเงินของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเพิ่งจะออกมา พวกเขาจึงเผยแพร่รายงานฉบับนี้พิเศษ คิดว่าคงสามารถดึงดูดคนจำนวนมากได้อย่างแน่นอน ไม่เลวเลย”
“มีข่าวออกมาแล้วอย่างนั้นเหรอ” ฉินซีถาม
“ใช่แล้วจ้า” อานหยันพูด “เพิ่งลองไปดูที่เวยป๋อเดี๋ยวก็เห็นเอง เอาละ ฉันไปทำงานก่อนนะ มีอะไรก็ติดต่อมาได้!”
ฉินซีพยักหน้า คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดเตือนเธอไปหนึ่งประโยค “ไม่แน่ว่าช่วงหลายวันนี้คนตระกูลฉินอาจจะสติแตกขึ้นมา เธอก็ระวังตัวเอาไว้หน่อยละ”
อานหยันตอบรับ จากนั้นทั้งสองคนก็วางสาย
ฉินซีเปิดเข้าไปในเวยป๋อ ทันทีที่รีเฟรชหน้าใหม่ ก็เห็นข่าว ‘บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมเกี่ยวกับการฉ้อโกงทางการเงิน’
อันดับการค้นหายอดนิยมค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
ฉินซีกดเข้าไปดู
มีคำอธิบายสั้น ๆ เขียนอยู่ที่ด้านล่างของหัวข้อหลัก “มีรายงานว่าเมื่อบ่ายวานนี้CSRCได้บุกเข้าไปตรวจสอบบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป จากแหล่งข่าวระบุว่า การบุกเข้าไปตรวจค้นครั้งนี้ อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมเกี่ยวกับการฉ้อโกงทางการเงิน”
อันดับหนึ่งในช่องการค้นหายอดนิยม ก็คือบทความที่อานหยันเพิ่งจะส่งให้เธอเมื่อกี้นี้
เมื่อเลื่อนลงไปข้างล่าง ก็ยังเห็นสัญลักษณ์ [ข่าวด่วน] ไม่น้อย
เนื่องจากพวกสื่อพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะดึงดูดนักอ่านเข้ามา พวกเขาจึงไม่อยากเห็นนิตยสารที่จัดทำโดยอานหยันไม่ได้รับสถิติที่เป็นรูปธรรม จึงเปลี่ยนวิธีมาแข่งขันกันด้วยการเล่าข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ และใช้ภาพถ่ายแทน
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ฉินซีก็ได้เห็นภาพที่ทีมสอบสวนบุกเข้าไปในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ภาพฉินซึ่งเทียนมาถึงบริษัทด้วยสีหน้าดำคล้ำ และภาพหลี่เหวยที่ร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสายฝน เธอยังเห็นข่าวซุบซิบกันว่าฉินซึ่งเทียนถูกกักขังเรียบร้อยแล้วอีกหลายข่าว
แต่ตอนหลังเธอวางมันลงด้วยรอยยิ้ม
ฉินซึ่งเทียนเป็นจิ้งจอกเฒ่ามาตั้งหลายปี เขาไม่มีทางที่จะถูกโค่นล้มอย่างรวดเร็วแบบนี้แน่
เพียงแต่ขณะที่กำลังคิดพิจารณาอยู่นั่นเอง เธอก็หยิบโทรศัพท์แล้วส่งบทความที่อานหยันส่งมากับโพสต์สองสามอันในเวยป๋อไปให้ลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นตอบข้อความกลับมาอย่างรวดเร็ว
“เริ่มแล้วเหรอ”
ฉินซีตอบกลับไป “เริ่มแล้วค่ะ”
ดูเหมือนว่าฝั่งลู่เซิ่นน่าจะกำลังยุ่งอยู่ เขาเพียงตอบกลับมาด้วยประโยคง่าย ๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ระวังตัวด้วย” จากนั้นก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรมาอีก
ฉินซีกดปิดแอปแชท ก่อนจะเข้าไปตลาดหุ้นแบบเรียลไทม์
หลังจากตลาดเปิดได้ไม่นานหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปร่วงต่ำลง
ฉินซีเดาว่าคืนนี้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปน่าจะระงับการซื้อขายหุ้นชั่วคราว
เพียงแต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ไม่สามารถแก้ไขโดยการระงับการซื้อขายหุ้นได้อีกแล้ว
ดูเหมือนว่าอานหยันจะจัดการเรื่องงานเสร็จแล้ว เธอถึงได้ส่งข้อความมาหาฉินซีไม่หยุด ‘เมื่อกี้นี้ฉันเพิ่งจะเห็นเรื่องน่าสนใจในเวยป๋อ’
จากนั้นก็มีภาพจากการบันทึกหน้าจอหลายภาพปรากฏขึ้น
— จริงป่ะเนี่ย คิดไม่ถึงเลยว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจะทำเรื่องเสียสติแบบนี้
— บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไปเหยียบเท้าใครเข้าหรือเปล่า ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ถูกตรวจสอบขึ้นมา
— ขอร้องละ บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปทำเรื่องฉ้อโกงจนเป็นแบบนั้น ยังจะโทษคนอื่นอยู่อีกเหรอ
— ทำไมพวกคุณเอาแต่พูดว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปฉ้อโกงล่ะ
— คุณไม่เห็นข่าวในสิ่งพิมพ์รายสัปดาห์เหรอ บทวิเคราะห์ชี้ชัดมากเลยนะว่าการเงินของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปในช่วงหลายปีมานี้มีปัญหา!
ฉินซีเลื่อนอ่านอยู่สักพักก็หัวเราะออกมาเบา ๆ
จะข้อวิจารณ์ของมวลชนหรือทรัพย์สินเงินทอง เธออยากให้ท้ายที่สุดแล้วฉินซึ่งเทียนต้องไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง
สำหรับฉินซึ่งเทียนแล้ว การที่ไม่เหลืออะไรเลยสักอย่างกับการที่ชื่อเสียงต้องพังพินาศ ไม่ต่างอะไรกับการอยู่ไม่สู้ตาย
หลังจากคุยกับอานหยันได้สักพัก เสียงเรียกเข้าจากลู่เซิ่นก็ดังขึ้น
ฉินซีกดรับสาย
ทันใดนั้นเธอก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่า ถึงแม้ช่วงหลายวันนี้ลู่เซิ่นจะเดินทางไปทำธุรกิจ แต่การพูดคุยระหว่างเราทั้งสองคนดูเหมือนจะมากกว่าตอนที่อยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้เสียอีก
ฉากหลังของลู่เซิ่นเป็นโรงแรม
“กลับโรงแรมแล้วเหรอคะ” ฉินซีถือโอกาสถาม
ลู่เซิ่นพยักหน้าก่อนจะใช้มือหนึ่งดึงเนคไทออก “เพิ่งกลับมาถึงน่ะ”
เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้หน้าจอ ฉินซีจึงมองเห็นชัด ๆ ว่าที่มุมตาของเขาแดงเล็กน้อย
…ลู่เซิ่นดื่มเหล้ามาอย่างนั้นเหรอ
หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมาหนึ่งปี ฉินซีก็รู้จักลู่เซิ่นดีตั้งนานแล้ว ความสามารถในการดื่มของเขาสูงมาก แต่หลังจากที่ดื่มเข้าไปมาก ๆ ตรงมุมตาก็จะปรากฏสีแดง
แต่ทั้งหมดนี้ถ้าไม่นับว่ามุมตาจะปรากฏสีแดง การแสดงออกของเขาชัดเจนมากจนไม่มีใครบอกได้ว่าเขาดื่มเยอะแค่ไหน
ลู่เซิ่นถอดเสื้อตัวนอกออก จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาแล้วมองไปที่ฉินซี “ทางฝั่งบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมีท่าทียังไงบ้าง”
ความคิดของฉินซีเลยถูกดึงกลับมา
เธอส่ายหน้า “ยังไม่มีอะไรชั่วคราว ช่วงหลายวันนี้พวกเขาน่าจะกำลังหมดแรงกับการรับมือคนของCSRC คงไม่มีเวลามารบกวนฉันสักพัก”
แต่ดูเหมือนลู่เซิ่นจะไม่เชื่อ เขาหรี่ตาลงแล้วถามซ้ำอีกครั้งว่า “จริงเหรอ”
ฉินซีเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะหลุบตาลงแล้วสารภาพว่า “เมื่อวานพวกเขาส่งข้อความเตือนมาให้ฉัน แต่ฉันให้คนไปตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์แล้ว”
ในตอนนี้เองสีหน้าของลู่เซิ่นจึงกลับมาเป็นปกติ จากนั้นก็พูดออกมาว่า “เธอส่งหมายเลขนั้นมาให้ฉัน คนของฉันตรวจสอบเองน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่า”
สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง
ถึงแม้ว่าเมื่อคืนวานฉินซีจะให้เสี่ยวเฉินไปสืบหาดูแล้ว แต่ช่วงนี้เสี่ยวเฉินต้องรับงานหลายด้าน ประสิทธิภาพจึงลดลงอย่างแน่นอน
ดังนั้นฉินซีจึงพยักหน้าตอบตกลง “ได้ค่ะ”
ลู่เซิ่นยกมือขึ้นนวดขมับ
ฉินซีมีสายตาที่เฉียบคม เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลใจเล็กน้อย “คุณดื่มมาเหรอคะ”