Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1017

ตอนที่ 1017

บทที่ 1107 เซอร์ไพรส์

หลังจากที่เสี่ยวเฉินพูดจบ เขาก็เกาหัวอย่างอาย ๆ

ดูเหมือนว่าเขาจะอายุไม่มากนัก แต่ตามที่ลู่เซิ่นบอก ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดที่ดีที่สุดของตระกูลลู่

คิดว่าเขาน่าจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

ฉินซียิ้มเป็นนัยว่าให้ไปกินได้แล้ว จากนั้นตัวเองก็เดินกลับไปที่ห้อง จะได้ไม่สร้างความกดดันให้กับเขา

ทันทีที่ประตูปิดลง โทรศัพท์ของเธอก็สั่นขึ้นมา

คราวนี้เป็นข้อความที่ส่งมาจากอานหยัน

อานหยันส่งลิงก์มาก่อน จากนั้นก็ส่งข้อความตามมาว่า ‘mission clear (ภารกิจสำเร็จ)!’

ฉินซีสัมผัสได้ถึงความดีใจอันมากมายมหาศาลของเธอผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์

เธอยิ้ม ทว่าไม่ตอบข้อความของอานหยันกลับไปทันที แต่กลับกดเปิดลิงก์นั้นก่อน

ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของฉินซี นิตยสารในลิงก์นี้ไม่ได้มาจากสำนักพิมพ์ของอานหยัน แต่เป็นนิตยสารการเงินที่มีชื่อเสียงฉบับหนึ่ง

ฉินซีระงับความประหลาดใจแล้วรีบกวาดสายตาอ่านเนื้อหารายงานไปรอบหนึ่ง

นี่มันตรงข้ามกับที่เธอคาดหวังเอาไว้ไม่น้อย ดูเหมือนว่ารายงานฉบับนี้ของอานหยันอยากจะถูกเขียนขึ้นโดยนักเขียนมืออาชีพ ช่างเขียนได้อย่างลึกซึ้งและเรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมืออาชีพหรือคนนอกวงการที่ชอบดูเรื่องสนุกก็ล้วนอ่านแล้วเข้าใจได้

บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปใช้วิธีการไหนในการตกแต่งและปกปิดรายการเดินบัญชี ร่วมมือกับสำนักงานบัญชีปกปิดนักลงทุนและผู้ดูแลโครงสร้างยังไง มีระเบียบแบบแผนชัดเจน ทำให้คนที่อ่านสามารถเข้าใจได้ในทันที

และเนื่องจากได้รับการตีพิมพ์ลงบนนิตยสารระดับมืออาชีพ ทำให้พลังในการโน้มน้าวชักจูงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ฉินซีอ่านจบแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้ แต่กลับรู้สึกว่าบทความนี้ดูเหมือนจะยังไม่จบดี

เธอกดปุ่มย้อนกลับ จากนั้นก็ส่งสติ๊กเกอร์ชมเชยอีกฝ่ายลงไปในหน้าต่างสนทนา

อานหยันแทบจะตอบกลับมาทันที “ฉันเก่งมากใช่ไหมล่ะ”

ฉินซีหัวเราะก่อนจะกดโทรออก

ทันทีที่อานหยันรับสาย น้ำเสียงยียวนกวนส้นก็ดังขึ้นมา “ว่ายังไงจ๊ะ ตั้งใจจะโทรมาชมฉันโดยเฉพาะเลยใช่ไหม”

ฉินซีหัวเราะแล้วพูดว่า “ใช่จ้า ครั้งนี้เธอทำให้ฉัน…ประหลาดใจแล้วจริง ๆ ”

ถ้าอานหยันมีหาง เดาได้ว่ามันคงกระดกชี้ขึ้นไปบนฟ้าแล้วแน่ ๆ “นั่นสินะ ไม่เสียแรงที่ฉันอุตส่าห์ไปขอร้องให้นักข่าวทางด้านการเงินมาช่วยเขียนให้! แต่ว่าเมื่อเช้านี้เรื่องอื้อฉาวทางการเงินของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเพิ่งจะออกมา พวกเขาจึงเผยแพร่รายงานฉบับนี้พิเศษ คิดว่าคงสามารถดึงดูดคนจำนวนมากได้อย่างแน่นอน ไม่เลวเลย”

“มีข่าวออกมาแล้วอย่างนั้นเหรอ” ฉินซีถาม

“ใช่แล้วจ้า” อานหยันพูด “เพิ่งลองไปดูที่เวยป๋อเดี๋ยวก็เห็นเอง เอาละ ฉันไปทำงานก่อนนะ มีอะไรก็ติดต่อมาได้!”

ฉินซีพยักหน้า คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดเตือนเธอไปหนึ่งประโยค “ไม่แน่ว่าช่วงหลายวันนี้คนตระกูลฉินอาจจะสติแตกขึ้นมา เธอก็ระวังตัวเอาไว้หน่อยละ”

อานหยันตอบรับ จากนั้นทั้งสองคนก็วางสาย

ฉินซีเปิดเข้าไปในเวยป๋อ ทันทีที่รีเฟรชหน้าใหม่ ก็เห็นข่าว ‘บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมเกี่ยวกับการฉ้อโกงทางการเงิน’

อันดับการค้นหายอดนิยมค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

ฉินซีกดเข้าไปดู

มีคำอธิบายสั้น ๆ เขียนอยู่ที่ด้านล่างของหัวข้อหลัก “มีรายงานว่าเมื่อบ่ายวานนี้CSRCได้บุกเข้าไปตรวจสอบบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป จากแหล่งข่าวระบุว่า การบุกเข้าไปตรวจค้นครั้งนี้ อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมเกี่ยวกับการฉ้อโกงทางการเงิน”

อันดับหนึ่งในช่องการค้นหายอดนิยม ก็คือบทความที่อานหยันเพิ่งจะส่งให้เธอเมื่อกี้นี้

เมื่อเลื่อนลงไปข้างล่าง ก็ยังเห็นสัญลักษณ์ [ข่าวด่วน] ไม่น้อย

เนื่องจากพวกสื่อพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะดึงดูดนักอ่านเข้ามา พวกเขาจึงไม่อยากเห็นนิตยสารที่จัดทำโดยอานหยันไม่ได้รับสถิติที่เป็นรูปธรรม จึงเปลี่ยนวิธีมาแข่งขันกันด้วยการเล่าข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ และใช้ภาพถ่ายแทน

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ฉินซีก็ได้เห็นภาพที่ทีมสอบสวนบุกเข้าไปในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ภาพฉินซึ่งเทียนมาถึงบริษัทด้วยสีหน้าดำคล้ำ และภาพหลี่เหวยที่ร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสายฝน เธอยังเห็นข่าวซุบซิบกันว่าฉินซึ่งเทียนถูกกักขังเรียบร้อยแล้วอีกหลายข่าว

แต่ตอนหลังเธอวางมันลงด้วยรอยยิ้ม

ฉินซึ่งเทียนเป็นจิ้งจอกเฒ่ามาตั้งหลายปี เขาไม่มีทางที่จะถูกโค่นล้มอย่างรวดเร็วแบบนี้แน่

เพียงแต่ขณะที่กำลังคิดพิจารณาอยู่นั่นเอง เธอก็หยิบโทรศัพท์แล้วส่งบทความที่อานหยันส่งมากับโพสต์สองสามอันในเวยป๋อไปให้ลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นตอบข้อความกลับมาอย่างรวดเร็ว

“เริ่มแล้วเหรอ”

ฉินซีตอบกลับไป “เริ่มแล้วค่ะ”

ดูเหมือนว่าฝั่งลู่เซิ่นน่าจะกำลังยุ่งอยู่ เขาเพียงตอบกลับมาด้วยประโยคง่าย ๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ระวังตัวด้วย” จากนั้นก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรมาอีก

ฉินซีกดปิดแอปแชท ก่อนจะเข้าไปตลาดหุ้นแบบเรียลไทม์

หลังจากตลาดเปิดได้ไม่นานหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปร่วงต่ำลง

ฉินซีเดาว่าคืนนี้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปน่าจะระงับการซื้อขายหุ้นชั่วคราว

เพียงแต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ไม่สามารถแก้ไขโดยการระงับการซื้อขายหุ้นได้อีกแล้ว

ดูเหมือนว่าอานหยันจะจัดการเรื่องงานเสร็จแล้ว เธอถึงได้ส่งข้อความมาหาฉินซีไม่หยุด ‘เมื่อกี้นี้ฉันเพิ่งจะเห็นเรื่องน่าสนใจในเวยป๋อ’

จากนั้นก็มีภาพจากการบันทึกหน้าจอหลายภาพปรากฏขึ้น

— จริงป่ะเนี่ย คิดไม่ถึงเลยว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจะทำเรื่องเสียสติแบบนี้

— บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไปเหยียบเท้าใครเข้าหรือเปล่า ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ถูกตรวจสอบขึ้นมา

— ขอร้องละ บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปทำเรื่องฉ้อโกงจนเป็นแบบนั้น ยังจะโทษคนอื่นอยู่อีกเหรอ

— ทำไมพวกคุณเอาแต่พูดว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปฉ้อโกงล่ะ

— คุณไม่เห็นข่าวในสิ่งพิมพ์รายสัปดาห์เหรอ บทวิเคราะห์ชี้ชัดมากเลยนะว่าการเงินของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปในช่วงหลายปีมานี้มีปัญหา!

ฉินซีเลื่อนอ่านอยู่สักพักก็หัวเราะออกมาเบา ๆ

จะข้อวิจารณ์ของมวลชนหรือทรัพย์สินเงินทอง เธออยากให้ท้ายที่สุดแล้วฉินซึ่งเทียนต้องไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง

สำหรับฉินซึ่งเทียนแล้ว การที่ไม่เหลืออะไรเลยสักอย่างกับการที่ชื่อเสียงต้องพังพินาศ ไม่ต่างอะไรกับการอยู่ไม่สู้ตาย

หลังจากคุยกับอานหยันได้สักพัก เสียงเรียกเข้าจากลู่เซิ่นก็ดังขึ้น

ฉินซีกดรับสาย

ทันใดนั้นเธอก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่า ถึงแม้ช่วงหลายวันนี้ลู่เซิ่นจะเดินทางไปทำธุรกิจ แต่การพูดคุยระหว่างเราทั้งสองคนดูเหมือนจะมากกว่าตอนที่อยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้เสียอีก

ฉากหลังของลู่เซิ่นเป็นโรงแรม

“กลับโรงแรมแล้วเหรอคะ” ฉินซีถือโอกาสถาม

ลู่เซิ่นพยักหน้าก่อนจะใช้มือหนึ่งดึงเนคไทออก “เพิ่งกลับมาถึงน่ะ”

เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้หน้าจอ ฉินซีจึงมองเห็นชัด ๆ ว่าที่มุมตาของเขาแดงเล็กน้อย

…ลู่เซิ่นดื่มเหล้ามาอย่างนั้นเหรอ

หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมาหนึ่งปี ฉินซีก็รู้จักลู่เซิ่นดีตั้งนานแล้ว ความสามารถในการดื่มของเขาสูงมาก แต่หลังจากที่ดื่มเข้าไปมาก ๆ ตรงมุมตาก็จะปรากฏสีแดง

แต่ทั้งหมดนี้ถ้าไม่นับว่ามุมตาจะปรากฏสีแดง การแสดงออกของเขาชัดเจนมากจนไม่มีใครบอกได้ว่าเขาดื่มเยอะแค่ไหน

ลู่เซิ่นถอดเสื้อตัวนอกออก จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาแล้วมองไปที่ฉินซี “ทางฝั่งบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมีท่าทียังไงบ้าง”

ความคิดของฉินซีเลยถูกดึงกลับมา

เธอส่ายหน้า “ยังไม่มีอะไรชั่วคราว ช่วงหลายวันนี้พวกเขาน่าจะกำลังหมดแรงกับการรับมือคนของCSRC คงไม่มีเวลามารบกวนฉันสักพัก”

แต่ดูเหมือนลู่เซิ่นจะไม่เชื่อ เขาหรี่ตาลงแล้วถามซ้ำอีกครั้งว่า “จริงเหรอ”

ฉินซีเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะหลุบตาลงแล้วสารภาพว่า “เมื่อวานพวกเขาส่งข้อความเตือนมาให้ฉัน แต่ฉันให้คนไปตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์แล้ว”

ในตอนนี้เองสีหน้าของลู่เซิ่นจึงกลับมาเป็นปกติ จากนั้นก็พูดออกมาว่า “เธอส่งหมายเลขนั้นมาให้ฉัน คนของฉันตรวจสอบเองน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่า”

สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง

ถึงแม้ว่าเมื่อคืนวานฉินซีจะให้เสี่ยวเฉินไปสืบหาดูแล้ว แต่ช่วงนี้เสี่ยวเฉินต้องรับงานหลายด้าน ประสิทธิภาพจึงลดลงอย่างแน่นอน

ดังนั้นฉินซีจึงพยักหน้าตอบตกลง “ได้ค่ะ”

ลู่เซิ่นยกมือขึ้นนวดขมับ

ฉินซีมีสายตาที่เฉียบคม เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลใจเล็กน้อย “คุณดื่มมาเหรอคะ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท