Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1016

ตอนที่ 1016

บทที่ 1016 เชื่อใจฉันมากขึ้นอีกสักหน่อย

หลังจากที่ได้ยินคำถามที่แฝงไปด้วยความสงสัยของฉินซี ลู่เซิ่นก็ค่อย ๆ คลายคิ้วที่ขมวดลง

“ฉินซี” เขากระซิบ “สำหรับคำถามนี้ ฉันอยากรอไปพูดต่อหน้าเธอตอนที่ฉันกลับไปแล้วมากกว่า”

คราวนี้เปลี่ยนเป็นฉินซีที่ต้องขมวดคิ้ว “ทำไมคะ”

เธออยากรู้คำตอบนี้จะตายอยู่แล้ว แต่ทำไมลู่เซิ่นกลับเอาแต่ทำตัวไม่สะทกสะท้านในสถานการณ์ที่จริงจังเคร่งเครียดแบบนี้ ไม่รู้สึกร้อนใจเลยสักนิดอย่างนั้นเหรอ

ทว่าลู่เซิ่นกลับส่ายหน้า “สำหรับฉันแล้วนี่ยังตั้งใจไม่พอ”

ฉินซีเงียบไป

ตั้งใจอย่างนั้นเหรอ

ลู่เซิ่นเขา…คิดจะพูดอะไรกันแน่

เธอแอบคาดเดาอยู่ในใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเธอรู้สึกมากเกินไปเองหรือเปล่า

“ฉินซี” ราวกับลู่เซิ่นจะมองความคิดของเธอออก เขาจึงพูดต่อว่า “รอฉันกลับไปแล้ว ฉันจะมอบคำตอบที่น่าพอใจให้กับเธอ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว ฉินซีก็รู้ได้ทันทีว่าไม่มีประโยชน์ที่เธอจะที่ไล่ถามต่อไป

เห็นได้ชัดว่าลู่เซิ่นมีแผนการของตัวเอง

แต่เขาวางแผนอะไรไว้ เธอก็ไม่ได้ใคร่อยากจะรู้

“ได้ค่ะ” ท้ายที่สุดแล้วฉินซีก็ตอบรับกลับไป “หลังจากคุณกลับมาแล้ว คุณต้องให้คำตอบกับฉันนะคะ”

“แต่ว่าฉินซี” ลู่เซิ่นจับจ้องไปยังฉินซี ความอบอุ่นในแววตาของเขาราวกับว่าจะสามารถทะลุหน้าจอโทรศัพท์ออกมาได้ “ฉันหวังว่าตั้งแต่ตอนนี้ไป เธอจะรู้จักพึ่งพาฉันมากกว่านี้อีกสักนิด เชื่อใจฉันมากขึ้นอีกสักหน่อย”

ฉินซีจ้องมองเขาอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ ฉันจะลองดูค่ะ”

ในที่สุดคิ้วที่ผูกกันแน่นของลู่เซิ่นก็คลายออก เขามองสภาพแวดล้อมด้านหลังฉินซีอย่างละเอียด “พ่อบ้านจองห้องให้เธออย่างนั้นเหรอ”

ฉินซีพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

ลู่เซิ่นพิจารณาต่ออีกสักพัก ก่อนจะฝืนตัวเองให้พยักหน้า “หลายวันต่อจากนี้ต้องลำบากเธอแล้ว”

ในที่สุดฉินซีก็ได้รู้ ว่านิสัยชอบเก็บกระเป๋าสัมภาระถึงสี่ใบของพ่อบ้านนั้น มาจากความเคยชินในการปรนนิบัติดูแลลู่เซิ่น

หลังจากเสียเวลาไปเกือบครึ่งวัน ในที่สุดทั้งสองคนก็เข้าประเด็นสำคัญเสียที

“เธอวางแผนจะไปพบเห้อเสียงพรุ่งนี้อย่างนั้นเหรอ”

เห็นได้ชัดว่าลู่เซิ่นรู้เรื่องทุกอย่างมาจากลู่เหวย แม้แต่ชื่อของเห้อเสียงก็รู้อย่างทะลุปรุโปร่ง

ฉินซีส่ายหน้า “พรุ่งนี้ฉันมอบหมายให้คุณทนายไปทำแทนค่ะ หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้วฉันค่อยไปด้วยตัวเอง”

ลู่เซิ่นลูบ ๆ คาง “โอเค นี่เหมือนจะปลอดภัยขึ้นอีกหน่อย เรื่องคดีของเห้อเสียง ฉันจะให้คนไปลองตรวจสอบดู”

ฉินซีกำลังเผลอคิดที่จะปฏิเสธ แต่ทันใดนั้นก็รีบปิดปากทันที

เมื่อกี้นี้เธอเพิ่งจะพูดไปเองว่าต้องเชื่อใจลู่เซิ่นมากขึ้นกว่านี้อีกหน่อย ถ้าหากปฏิเสธออกไปทันที ก็คงจะดูไร้เหตุผลเกินไปหน่อย

เธอจึงฝืนตัวเองให้พยักหน้า

ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นมองไม่เห็นท่าทางฝืนขืนของฉินซี หรือแกล้งทำเป็นไม่เห็นกันแน่ พอเห็นเธอพยักหน้า เขาก็ไม่ถามเรื่องนี้ต่ออีก แต่เปลี่ยนคำถามเป็น “ฉันได้ยินคุณพ่อบอกว่าเขาส่งบอดี้การ์ดสองคนที่ดีที่สุดในบ้านตระกูลลู่ไปให้เธอ พวกเขาอยู่ห้องข้างนอกอย่างนั้นเหรอ”

ฉินซีพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

ลู่เซิ่นชะงักไปพักหนึ่ง ทันใดนั้นก็ถามขึ้นมาว่า “เธอ…พกปืนไปด้วยไหม”

ฉินซีตะลึง เผลอมองไปที่กระเป๋าตรงชั้นวางใกล้หัวเตียงโดยไม่รู้ตัว

ทว่าคนจากข้างในวิดีโอมองเห็นการขยับสายตาของเธอได้อย่างชัดเจน ลู่เซิ่นเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างทันที

“เอามาก็ดีแล้ว” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “จำเอาไว้ว่าตอนนั้นฉันสอนเธอไว้ยังไง จะต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ ”

ฉินซีกัดริมฝีปากแล้วพยักหน้า

ตอนที่ลู่เซิ่นยังคิดจะพูดอะไรต่ออีก ทันใดนั้นข้างหลังเขาก็มีเสียงคนเรียกขึ้นมาว่า “ประธานลู่!”

ลู่เซิ่นหันกลับไปมอง จากนั้นก็คุยกับคนที่มาพักหนึ่ง

ฉินซีเพิ่งสังเกตว่าลู่เซิ่นใส่สูทที่ดูเป็นทางการมาก ตามเวลาแล้วฝั่งนั้นน่าจะเป็นช่วงสิบโมงกว่า ๆ เป็นเวลาทำงานเช้าพอดี ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นถึงออกมากดรับสายโทรศัพท์ของเธอระหว่างที่ประชุมอยู่หรืออย่างไร

ฉินซีรู้สึกถึงความเปรี้ยวฝาดที่ไม่อาจบรรยายได้ในใจชั่วขณะ

“เอาเถอะ ทางฝั่งนั้นมีคนมาตามตัวฉันแล้ว แต่ถ้าไม่มีเรื่องอะไรจำไว้ว่าต้องโทรหาฉัน” ในที่สุดลู่เซิ่นก็พูดกับคนที่มาหาจบแล้ว จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองโทรศัพท์

ฉินซีพยักหน้า “คุณไปเถอะค่ะ”

“อืม เธอก็รีบพักผ่อนเสียล่ะ” ลู่เซิ่นพูด

ตอนที่วางสาย โทรศัพท์ก็เริ่มร้อนขึ้นมานิดหน่อย

ฉินซีถือโทรศัพท์ไว้ แล้วล้มตัวนอนลงบนเตียง ในหัวมีข้อมูลมากมายปนเปกันเต็มไปหมด เดี๋ยวก็เป็นหน้าของลู่เซิ่น เดี๋ยวก็เป็นเอกสารของเห้อเสียง เดี๋ยวก็เป็นบันทึกของจ้าวจิ้ง หมุนวนไปมาอยู่ในสมอง

ฉินซีปิดตาลงอย่างง่วงงุน จากนั้นก็หลับไปทั้งแบบนี้

เช้าวันรุ่งขึ้นฉินซีถูกปลุกด้วยเสียงจากข้างนอก

แม้ว่าห้องจะถูกปูด้วยพรมหนาที่คอยซับเสียงฝีเท้า เสียงพูดของจ้าวจิ้งก็เบาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ฉินซีก็ยังตื่นขึ้นมาอยู่ดี

จ้าวจิ้งโทรศัพท์แล้วพาเสี่ยวหลี่ออกจากห้องไป ส่วนเสี่ยวเฉินติดต่อให้รูมเซอร์วิสมาส่งอาหารเช้า

การเคลื่อนไหวทั้งหมดแม้จะไม่ชัดเจนมากนัก แต่ฉินซีก็สัมผัสได้

เธอรู้ว่านี่เป็นปัญหาที่เธอมักจะเกิดขึ้นหลังจากที่เธอต้องย้ายมาอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ

การระแวดระวังกับการเคลื่อนไหวรอบตัวมากเกินไป ทำให้ยากที่จะพักผ่อนดี ๆ ได้

การที่ต้องออกไปทำธุระแล้วต้องเข้าไปอยู่ในสถานที่ใหม่ ๆ ทำให้เธอยากที่จะหลีกหนีจากเรื่องพวกนี้ได้

ข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียว เกรงว่าจะมีเพียงตอนที่ไปอยู่บ้านอานหยันสองสามครั้ง แล้วก็…รีสอร์ทชิงหยวนแล้ว

ต้องขอบคุณลู่เซิ่นที่ไม่ปล่อยเธอตอนที่เธอย้ายเข้าไปอยู่ในรีสอร์ทชิงหยวนคืนแรก ดังนั้นฉินซีจึงได้หลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เวลาที่เธอต้องใช้ในการปรับตัวให้เข้ากับรีสอร์ทชิงหยวนสั้นเป็นพิเศษ

เมื่อรู้สึกตัวว่าตนเองกำลังคิดถึงลู่เซิ่นอีกแล้ว ฉินซีก็ส่ายหัว ราวกับว่าพยายามจะโยนภาพของลู่เซิ่นออกไปจากสมอง

เมื่อเธอจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จก็เปิดประตูออกไป เสี่ยวเฉินรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้ว

“คุณนะ…คุณฉิน” ทันทีที่ถูกฉินซีจ้องมอง เสี่ยวเฉินก็เปลี่ยนคำเรียกอย่างยากลำบาก จากนั้นก็ชี้ไปที่อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ “ผมสั่งอาหารเช้าของโรงแรมมา ลองทานดูแล้วไม่มีปัญหาอะไร รสชาติก็ใช้ได้”

ฉินซีพยักหน้าแล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหาร

พ่อบ้านน่าจะกำชับเสี่ยวเฉินไว้แล้ว ดังนั้นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะจึงเป็นอาหารเช้าแบบจีน เหมือนกับที่ฉินซีเคยกินตอนอยู่รีสอร์ทชิงหยวน

แต่ทันทีที่ดื่มน้ำเต้าหู้เข้าไป ฉินซีก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

รสชาติแบบนี้…จะต่างจากที่รีสอร์ทชิงหยวนเกินไปแล้ว

โชคดีที่เสี่ยวเฉินหันหลังให้เธอ จึงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าฉินซี

ฉินซีกลืนเข้าไปอย่างยากลำบาก จากนั้นก็หันไปลองชิมเกี๊ยวทอด

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ก็หาความพอใจกับอาหารบนโต๊ะไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ฉินซีถอนหายใจเบา ๆ ‘ตัวเองถูกพ่อครัวของรีสอร์ทชิงหยวนทำให้ปากสูงไปแล้วจริง ๆ ’

เมื่อได้ยินเสียงฉินซีถอนหายใจ เสี่ยวเฉินก็รีบหันกลับมาทันที “ไม่ถูกปากเหรอครับ”

ฉินซีส่ายหน้ายังไม่รู้สึกผิดบาป “เปล่าหรอก อร่อยมาก ขอบใจนะ”

อาหารเช้าพวกนี้ล้วนเป็นของที่เธอชอบกินทั้งหมด ฉินซีรู้ว่าเสี่ยวเฉินใส่ใจกับเรื่องนี้มาก

เพียงแต่ว่ารสชาติ…ก็โทษเขาไม่ได้

เธอบีบจมูกของตัวเองแล้วกินลงไปอีกสองสามคำ พอรู้สึกว่าได้มีอะไรมารองท้องก็หยุดตะเกียบ

เสี่ยวเฉินเห็นเธอลุก ก็หันไปมองที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง ก่อนจะถามอย่างประหลาดใจว่า “คุณทานน้อยไปหรือเปล่าครับ”

ฉินซีโบกมือ “พรุ่งนี้ไม่ต้องสั่งมาเยอะขนาดนี้ก็ได้ คุณกินแล้วหรือยัง”

เสี่ยวเฉินพยักหน้า “ทานแล้วครับ”

แต่ฉินซียังเห็นว่าสายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เกี๊ยวต้ม เห็นได้ชัดว่าเขายังกินไม่อิ่ม จึงยิ้มแล้วพูดว่า “เสียดายที่เหลืออยู่ตั้งเยอะขนาดนี้ ถ้าคุณไม่รังเกียจ เกี๊ยวต้มพวกนั้นฉันยังไม่ได้กิน คุณจะลองกินดูไหม”

เสี่ยวเฉินรีบลุกขึ้นยืนทันที “ไม่รังเกียจครับ!”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท