บทที่ 1039 ยับยั้ง
เมื่อซุนจึ้นพูดแบบนี้แล้ว เหล่าพวกพ้องก็ไม่มีใครตอบรับ
ปกติพวกเขาได้รับการดูแลจากพี่หลิวเยอะมาก และรู้ว่าซุนจึ้นหมายความว่าจะเก็บฉินซีไว้ โดยไม่คำนึงถึงความเป็นความตายที่พี่หลิวถูกบีบบังคับเลย
แม้ว่าส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นจะน่าดึงดูดมาก แต่พวกเขาไม่สามารถตัดสินใจเลือกสิ่งนี้ได้ทันที
ซุนจึ้นไม่คิดว่าทุกคนจะเงียบแบบนี้ กวาดตามองหนึ่งรอบ เห็นทุกคนก้มศีรษะไม่ตอบสนอง แสยะยิ้ม “ได้ ไม่ไปกันใช่ไหม? ได้! ฉันไปเอง!”
ขณะที่พูดอยู่ เขาก็ม้วนแขนเสื้อขึ้น จะเดินไปข้างรถ
เขายังเดินไม่ถึงสองก้าว ประตูใหญ่ตระกูลฉินด้านหลังก็เปิดออกทันที
ใบหน้าฉินเฉิงเผยออกมา
เผชิญหน้ากับซุนจึ้นและกลุ่มอันธพาล เขาก็พ่นหัวเราะอย่างดูถูก ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง “เธอล่ะ?”
ซุนจึ้นไม่คิดว่ายังไม่ทันได้แก้ปัญหา คนของตระกูลฉินก็ออกมาแล้ว
ลังเลสักพักหนึ่งชี้ไปที่รถด้านนั้น “อยู่ในรถ……”
เขายังอยากพูดอีก แต่ฉินเฉิงไม่อดทนที่จะฟังต่อไป ยกเท้าเดินไปข้างๆ รถ ปากก็บ่นพึมพำ “ลูกพี่ลูกน้องก็เหมือนกัน มาถึงประตูแล้ว ให้พวกมันเข้าไปส่งโดยตรงก็ได้ ยังจะให้ฉันออกมาด้วยตัวเองอีก”
แต่เขายังเดินออกไปไม่กี่ก้าว รถด้านหน้าจู่ๆ ก็เลี้ยวขับตรงมาที่เขาทันที
“โอ๊ยไอ้บัดซบ!” ฉินเฉิงตกใจ กระโดดถอยหลังไปหนึ่งก้าว หันศีรษะกลับมาด่าซุนจึ้นอย่างกังวล “แกทำบ้าอะไรวะ? ใครขับรถคันนี้? อยากจะชนฉันเหรอ?”
ซุนจึ้นฝืนใจอยากอธิบาย รถคันนั้นก็ไม่คิดที่จะหยุดเลยสักนิด ขับตรงไปข้างหน้า
ตอนนี้ฉินเฉิงเข้าใจแล้ว เมื่อครู่นี้ไม่ได้คิดจะชนตัวเอง แต่จะขับออกไป แต่ตัวเองดันไปขวางทางเอง……
เฮ้ยไม่ใช่แล้ว! ในรถมีฉินซีไม่ใช่เหรอ? ทำไมจะขับออกไปล่ะ?
เขากระโดดอย่างกระวนกระวายใจ ถามใส่หน้าซุนจึ้นโครมๆ “เกิดอะไรขึ้น? มันอยู่ในรถไม่ใช่เหรอ? ทำไมจะขับออกไป?”
ซุนจึ้นยิ้มประจบสอพลอ “ไม่ใช่……คือฉินซีมันตื่นก่อนกำหนด คนที่ขับรถคือพวกพ้องฉัน ถูกเธอเอามีดจ่อคอบีบบังคับ……”
สมองฉินเฉิงใช้เวลาหลายวินาทีกว่าจะตอบสนองสิ่งที่ซุนจึ้นพูด จ้องมองเขาด้วยแววตาเหลือเชื่อ “ว่าไงนะ? ฉินซีบีบบังคับคนของแกหนีไปแล้ว?”
เห็นซุนจึ้นยังคงพยักหน้า ฉินเฉิงระเบิดความโกรธ ชี้ไปที่จมูกซุนจึ้นและตะโกนใส่ “ยังยืนบื้อทำอะไรอยู่! ตามไปสิ!”
……
พี่หลิวขับรถไปสักพักหนึ่ง ฉินซีก็รู้ว่าทำไมรถที่ขับกลับมาของพวกเขาต้องให้หัวหน้าใหญ่อย่างซุนจึ้นขับกลับ
——พี่หลิวไม่ชำนาญในการขับรถจริงๆ ขับได้โซเซมาก
“นายมีใบขับขี่ไหมเนี่ย?” ฉินซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถาม
พี่หลิวยิ้ม “มีสิ แต่ไม่ได้ขับตั้งนานแล้ว”
ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เขาก็สงบลง ถูกฉินซีบีบบังคับก็ไม่เห็นความตื่นตระหนกแล้ว สีหน้าเขาสงบนิ่ง ราวกับว่าสิ่งที่จ่อบนคอเป็นมีดของเล่น ไม่ใช่มีดคมที่สามารถตัดเส้นเลือดบนคอเขาได้จริงๆ
ค่อนข้างมองออกแล้วว่า ฉินซีไม่ได้ต้องการชีวิตเขาจริงๆ และไม่น่าจะลงมือโหดเหี้ยมได้จริงๆ ส่วนมากให้เห็นเลือดนิดหน่อยเพื่อข่มขู่เขา ไม่ได้ต้องการให้เขาตายจริงๆ
ดังนั้นน้ำเสียงเขาจึงมีความผ่อนคลายนิดหน่อย
“แล้วสรุปเราจะไปที่ไหน?” พี่หลิวถามอีก “ทางแยกข้างหน้าขับไปที่ไหน?”
สถานที่แรกที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองฉินซีคือรีสอร์ทชิงหยวน
แต่เธอก็ยับยั้งความคิดนี้อย่างรวดเร็วมาก
ไม่ใช่แค่เพราะเธอไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้กับรีสอร์ทชิงหยวน ตามความจริงแล้ว รีสอร์ทชิงหยวนอยู่ห่างจากที่นี่มากเกินไป ทักษะการขับรถของพี่หลิว เมื่อขับไปได้ครึ่งทางก็จะถูกคนด้านหลังมาขวางทางได้
ดังนั้นควรไปที่ไหนดี?
ฉินซีอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสับสนชั่วขณะ
ท้องฟ้ากว้างใหญ่ แต่กลับไม่มีที่พักพิงเลยเหรอ?
“ถ้าเธอไม่พูด ฉันจะเลี้ยวซ้ายแล้วนะ?” พี่หลิวเห็นเธอไม่ตอบ จึงตัดสินใจหมุนพวงมาลัยเอง
ฉินซีได้สติกลับมาทันที ระงับอารมณ์อ่อนแอของตัวเองเอาไว้ เงยศีรษะขึ้นพูดอย่างเย็นชา “ไม่ เลี้ยวขวา”
“เลี้ยวขวาเหรอ?” พี่หลิวค่อนข้างสงสัย แต่ถนนเส้นนี้เขาไม่คุ้นเคย ไม่ต้องพูดถึงมีดที่จ่อคอ ดังนั้นทำได้แค่ขับไปทางขวาตามคำสั่งของฉินซี
แต่เขาก็ยังถามอีกประโยคว่า “แล้วเลี้ยวขวาเสร็จล่ะ? จะไปไหน?”
ฉินซีแค่นหัวเราะ “ไม่ได้ไปไหนหรอก นายขับตรงไปก็พอ ด้านหน้ามีสถานีตำรวจอยู่ ฉันจะไปแจ้งความกับลุงตำรวจ”
พี่หลิวตกใจ มือที่จับพวงมาลัยอยู่สั่นอย่างกะทันหัน
ฉินซีขยับมีดในมือตัวเองอย่างลวกๆ “นายกังวลอะไร คนปกติเห็นเหตุการณ์เราในตอนนี้ จะคิดว่าฉันข่มขู่นายอยู่เหรอ?”
ดวงตาพี่หลิวหมุนวนอย่างลนลาน
ความสัมพันธ์ระบบความปลอดภัยในที่สาธารณะ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีเลย ไม่อย่างนั้นชีวิตคนที่อยู่ในมือพวกเขา จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้อย่างไร
แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขายังไม่ได้เจาะเข้าไปยังพื้นที่เขตนี้!
ตำรวจพวกนี้ไม่คุ้นเคยกับพวกเขาอย่างมาก ถ้าเข้าไปจริงๆ ต้องใช้ความพยายามนิดหน่อยในการออกมา แต่……ธุรกิจที่ได้รับมาหายไป ต้องใช้เวลาอย่างมาก สำหรับพวกเขาแล้ว การสูญเสียนี้มันเจ็บปวดมากเกินไป
แค่ไม่รอให้พี่หลิวคิดอะไรออก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงวุ่นวายบนถนนด้านหลัง
เขาหันศีรษะกลับเพื่อจะดู แต่ถูกฉินซียับยั้งเอาไว้
“ตั้งใจขับรถให้ดี” เสียงฉินซีฟังแล้วค่อนข้างเกร็ง
ทันใดนั้นไหล่พี่หลิวก็คลายออก
เขารู้ พวกพ้องของตัวเองได้ตามมาแล้ว
ถึงแม้จะรู้ว่าฉินซีไม่เอาชีวิตตัวเอง แต่มีมีดจ่ออยู่ที่คอก็ไม่ได้รู้สึกดี พี่หลิวหวังว่าตัวเองจะได้รับการปล่อยเร็วๆ หน่อย
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเชื่อมั่นในตัวพวกพ้องของตัวเอง ทุกคนมาด้วยกัน ไม่ต้องกังวลว่าจะพาฉินซีกลับไปอีกครั้งไม่ได้
ถึงตอนนั้น แม้ธุรกิจจะพลิกผันไปนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ ตัวเองพูดพล่ามอีกหน่อย ก็ยังได้ผลประโยชน์จากตระกูลฉินไม่น้อย
คิดแบบนี้แล้ว พฤติกรรมการขับรถของเขาก็ยิ่งไม่น่าพอใจ ขับช้ามาก เหมือนมือใหม่หัดขับ
“ขับรถให้ฉันดีๆ!” ฉินซีมองออกว่าการเคลื่อนไหวเขาแปลกๆ โดยธรรมชาติ พูดขึ้นด้วยเสียงดุเดือด
“ฉันไม่มีทางเลือกนี่หน่า คนข้างหน้าเยอะขนาดนี้ ฉันขับรถไม่ชำนาญ ทำได้แค่ขับช้าๆ แบบนี้” พี่หลิวน้อยใจ พูดโกหกได้อย่างเหมาะสม
ฉินซีเบนสายตาขึ้นมองกระจกมองหลัง
นักล่าที่อยู่ด้านหลังกำลังจะมาแล้ว
สี่แยกด้านหน้าก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งขวางทาง
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป กลัวว่าเธอยังไม่ทันไปถึงสถานีตำรวจ จะถูกคนด้านหลังตามทัน
ตระกูลฉินสร้างขึ้นในเขตตัวเมือง ถนนทุกเส้นที่ออกมาจะนำไปสู่ตัวเมือง มีรถยนต์และคนเป็นจำนวนมาก
ฉินซีเองก็อยากจะหนี แต่ก็ไอยากเอาชีวิตของคนอื่น
ทำอย่างไรดี……
ฉินซีแค่รู้สึกว่าสมองตัวเองแล่นอย่างรวดเร็วมานานมากแล้ว ถ้ามีหน่วยประมวลผลตรงกลาง เกรงว่ามันจะร้อนจัดแล้ว
แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจ
“ถึงสี่แยกนั้น เลี้ยวซ้าย” เธอพูดด้วยเสียงเย็นชา