Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1027

ตอนที่ 1027

ทที่ 1027 กระต่ายตื่นตูม

จนถึงตอนนี้ ข้อมูลที่เห้อเสียงเปิดเผยโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจนั้น พวกเธอรู้แล้ว เห้อเสียงมีบันทึกเสียงบทสนทนาที่คุยกับฉินซึ่งเทียน และรายงานผลการทดสอบยาที่ฉินซึ่งเทียนให้

ถ้าพวกเขาได้หลักฐานเหล่านี้มา ก็จะเป็นไปได้อย่างมากที่จะพลิกคดีเหยาหมิ่น

แต่เห็นได้ชัดว่า เห้อเสียงจิ้งจอกเฒ่าคนนี้ไม่ยอมมอบของเหล่านี้ให้ตามใจชอบ

“ภายหลังมันเกิดอะไรขึ้น? ” จ้าวจิ้งเคลียร์ลำคอ หันศีรษะไปมองเห้อเสียง และถามต่อ

รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าเห้อเสียงเมื่อครู่นี้ค่อยๆ หายไป เขากัดฟันพูดขึ้น “ฉันไม่คิดเลยว่าฉินซึ่งเทียนมันจะชั่วได้ขนาดนี้”

……

ตามคาด ภายในครึ่งชั่วโมง เหยาหมิ่นก็มาถึงโรงแรม

เห้อเสียงบอกคนเฝ้าประตูล่วงหน้า เมื่อเห็นเหยาหมิ่นแล้วให้แจ้งเขาทันที ดังนั้นไม่นานก็รู้ว่าเหยาหมิ่นมาถึงแล้ว

เขายืนอยู่มุมห้องโถง เห็นเธอยื่นกระเป๋าในมือให้แผนกต้อนรับ แล้วนั่งโซฟาที่ล็อบบี้ตามคำแนะนำของแผนกต้อนรับ เขาโบกมือเพื่อให้แผนกต้อนรับเข้ามา ส่งแก้วน้ำในมือให้กับเธอ “นั่นคุณนายของประธานฉิน อย่าละเลยเธอ เอาน้ำไปเสิร์ฟเธอ”

แผนกต้อนรับปฏิบัติตามโดยธรรมชาติ

เป็นแค่น้ำจากแผนกต้อนรับ คือน้ำที่เห้อเสียงวางไว้ในถาดของเธอล่วงหน้าซึ่งใส่ยานอนหลับไว้แล้ว

เขายืนในห้องโถง มองเหยาหมิ่นดื่มน้ำในมือจนหมด จากนั้นก็จะเดินออกมา

ไม่คิดว่าจู่ๆ ก็ถูกใครบางคนตบไหล่

เดิมทีเขาทำสิ่งที่ไม่ดี ถูกตบแบบนี้ก็ตกใจสะดุ้งโหยง เกือบจะตะโกนออกมา

โชคดีที่เขารีบปิดปากได้ทัน หันศีรษะกลับไปเห็นว่าเป็นฉินซึ่งเทียน ก็ลูบหน้าอกด้วยความกลัว “นายมาที่นี่ทำไม? ฉันตกใจเกือบตาย”

เห็นได้ชัดว่าความสนใจของฉินซึ่งเทียนไม่ได้อยู่ที่ตัวเขา โบกมือแบบชุ่ยๆ “นายมาทำอะไรที่นี่ ฉันก็เหมือนกันแหละ”

เห้อเสียงถูกปิดกั้นด้วยคำพูดของเขา พูดคัดค้านอะไรไม่ออกชั่วคราว ทำได้เพียงมองฉินซึ่งเทียนยืนตำแหน่งที่ตัวเองอยู่เมื่อครู่นี้ จ้องมองเหยาหมิ่น

เขาไม่รู้ชั่วขณะหนึ่งว่าควรเดินออกไปไหม จึงยืนโง่ๆ อยู่ที่เดิมสักพักหนึ่ง

ต่อมาเขาก็คิดเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ถ้าตอนนั้นเขาหันร่างเดินไปเลย มันจะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่

แต่น่าเสียดาย เขาไม่มีโอกาสความเป็นไปได้นี้อีกแล้ว

ฉินซึ่งเทียนมองเหยาหมิ่นหลายครั้ง จู่ๆ ก็ตอบสนองอะไรบางอย่าง หันศีรษะกลับมาแล้วคว้าแขน เห้อเสียงเอาไว้

“เอ๋? ” เห้อเสียงขมวดคิ้ว “นี่นายจะทำอะไร?”

“เดี๋ยวยังมีเรื่องเล็กน้อย อยากให้นายช่วยหน่อย” ฉินซึ่งเทียนหันศีรษะกลับไปสังเกตเหยาหมิ่นอีกครั้ง เหลือแค่เห้อเสียงทิ้งไว้ด้านหลัง

เห้อเสียงอยากหลุดพ้น ช่วยไม่ได้ฉินซึ่งเทียนแรงเยอะกว่าเขา และไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะส่งเสียงดังในที่สาธารณะ ทำได้แค่กัดฟันรออยู่ที่เดิม คิดว่าเดี๋ยวคงมีโอกาสวิ่งหนีอีกครั้ง

แต่ฉินซึ่งเทียนไม่ให้โอกาสนี้แก่เขา

ไม่กี่นาทีต่อมา ฉินซึ่งเทียนยืนตัวตรง ไม่สังเกตเหยาหมิ่นอีกแล้ว

บอดี้การ์ดชุดดำสองสามคนเดินมาจากข้างๆ เห้อเสียงเห็นพวกเขาค่อนข้างคุ้นตา ส่วนมากเป็นคนของตระกูลฉิน

“ไปกันเถอะ” ฉินซึ่งเทียนดึงแขนเขา บอดี้การ์ดสองสามคนยืนอยู่ด้านหลังเขาสองคนเงียบๆ

มีคนเดินไปเดินมาในห้องโถงใหญ่ เห้อเสียงไม่อยากส่งเสียงดัง และหนีไม่ได้ ทำได้แค่เดินตามฉินซึ่งเทียนไปข้างหน้า

เดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงด้านหน้าเหยาหมิ่น

เห้อเสียงถึงได้เห็นชัดๆ ว่าเหยาหมิ่นหลับตาไปแล้ว หลับไปแล้ว

“มาหลับอะไรตรงนี้? ” เสียงฉินซึ่งเทียนดังขึ้น

เห้อเสียงหันศีรษะไปมองเขา แค่เห็นใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน น้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนมีน้ำหยดออกมาได้

เขาส่ายศีรษะ เหมือนเต็มไปด้วยการเอาอกเอาใจ “ช่วยไม่ได้จริงๆ นะ” จากนั้นก็โน้มตัวลงไปอุ้มเหยาหมิ่นขึ้นมาจากโซฟา

เห้อเสียงอยากฉวยโอกาสหลบหนี แต่ฉินซึ่งเทียนราวกับเดาการกระทำของเขาได้ หันศีรษะมามองเขานิดๆ

บอดี้การ์ดสองสามคนทำการปิดล้อมทันที โอบล้อมเห้อเสียงเอาไว้

เห้อเสียงหมดหนทาง ทำได้แค่ล้มเลิกความคิดที่จะหนี เดินตามพวกเขาไปที่ลิฟต์

เมื่อประตูลิฟต์ปิด ฉินซึ่งเทียนจึงเอื้อมมือส่งเหยาหมิ่นในอ้อมแขนให้กับบอดี้การ์ดข้างๆ แถมยังเต็มไปด้วยความรังเกียจ ปัดแขนตัวเองที่เพิ่งอุ้มเหยาหมิ่นเมื่อครู่นี้ ราวกับกลัวว่าได้รับสิ่งสกปรก

“ประธานฉิน นี่มันไม่เหมือนกับที่เราคุยไว้ในตอนแรก!” เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงเห้อเสียงก็พูดขึ้นถามอย่างทนไม่ไหว “แค่บอกว่าเอาน้ำให้เธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้นายบังคับให้ฉันมาด้วย จะทำอะไร?”

เสียงเขาไม่เบา มันดังมากในพื้นที่แคบๆ อย่างในลิฟต์ แต่ฉินซึ่งเทียนกลับหูทวนลม จัดระเบียบเสื้อผ้าอย่างช้าๆ เสร็จแล้วถึงตอบ “ยังมีเรื่องเล็กๆ อยากให้นายช่วยไง? เพื่อนกันทั้งนั้น อย่าพูดจาน่าเกลียดเลย ฉันไม่บังคับขู่เข็ญนายนะ นายตามฉันมาเอง”

“นาย!” เห้อเสียงพูดอย่างโกรธเคือง แต่เขาก็รู้ จากสายตาคนอื่น ตัวเองตามมาโดยสมัครใจตลอดทางเมื่อครู่นี้ ไม่มีการบีบบังคับ ไม่มีการทะเลาะกัน บอกว่าโดนบังคับ เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อ

ระหว่างที่คุยกัน ลิฟต์ก็มาถึงแล้ว

“เชิญ” ฉินซึ่งเทียนถอยหลังหนึ่งก้าว อยากให้เห้อเสียงเดินออกไปก่อน

เห้อเสียงมองสำรวจเหตุการณ์ในปัจจุบันภายในลิฟต์

ฉินซึ่งเทียนพาบอดี้การ์ดมาทั้งหมดสี่คน รวมฉินซึ่งเทียน รวมเป็นห้าคนต่อหนึ่งคน เห้อเสียงรู้ตัวว่าไม่มีโอกาสชนะ จึงทำได้แค่เดินออกไปตามคำสั่ง

ฉินซึ่งเทียนเปิดห้องเสร็จแล้ว ให้บอดี้การ์ดยัดคีย์การ์ดให้เขา ให้เขาเปิดประตู เดินเข้าไปก่อน

จากนั้นฉินซึ่งเทียนก็รับเหยาหมิ่นจากอ้อมแขนบอดี้การ์ดมา เดินเข้าไปในห้อง แล้วให้บอดี้การ์ดปิดประตูอีกครั้ง

ภายในห้องเหลือแค่เห้อเสียงและฉินซึ่งเทียน และเหยาหมิ่นที่หลับไปแล้ว

เห้อเสียงเหงื่อแตกเต็มศีรษะแล้ว “นายจะทำอะไรกันแน่?”

ฉินซึ่งเทียนเห็นท่าทางเขาตัวสั่น ก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่ต้องประหม่า ฉันบอกแล้ว ฉันรับประกันความปลอดภัย ที่ให้นายมาเพราะอยากให้นายช่วยเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”

“ช่วยอะไร? ” เห้อเสียงถอยหลังไปสองสามก้าว ยันบานประตูไว้

ตอนนี้เขาไม่เชื่อคำพูดของฉินซึ่งเทียนแม้แต่คำเดียวแล้ว

ตอนที่ในหัวสมองเขาคิดจะหนีออกไป จะหนีออกไปได้อย่างไร จู่ๆ ฉินซึ่งเทียนก็โยนอะไรบางอย่างมา

เขายื่นมือไปรับ พบว่ามันคือโทรศัพท์ของฉินซึ่งเทียน

“นี่คือ? ” ตอนนี้เห้อเสียงกำลังสับสนจริงๆ

“นายแค่ต้องถ่ายรูปไม่กี่รูปเอง แค่นั้น” ฉินซึ่งเทียนพูดเบาๆ

เห้อเสียงขมวดคิ้วแน่น

ถ่ายรูป?

ถ่ายรูปอะไร?

แต่เขายังไม่ทันเข้าใจว่าตัวเองต้องถ่ายรูปอะไร เขาก็เห็นอย่างชัดเจนว่าฉินซึ่งเทียนกำลังทำอะไรบางอย่าง

เห้อเสียงรู้สึกตกใจสุดขีด

“นาย……นี่นายกำลังทำอะไร!” เขาควบคุมระดับเสียงตัวเองไม่ได้ แทบจะกรีดร้องออกมา

ใบหน้าฉินซึ่งเทียนเผยความไม่พอใจออกมาจางๆ หันศีรษะมามองเขา “ฉันกำลังถอดเสื้อผ้าเธอไง นายจะกระต่ายตื่นตูมทำไม?”

หัวสมองเห้อเสียงไม่ทำงานแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท