บทที่ 1052 หยุดโจมตี
ฉินซียังไม่ทันได้วางสาย คนในโทรศัพท์ก็เปลี่ยนเป็นอีกคน
เสียงที่คุ้นเคยของฉินหว่านดังขึ้นจากอีกฝั่ง “ฉินซี นี่ฉันเอง”
ฉินซีไม่ต้องการคุยกับเธอจึงยกมือขึ้นจะกดวางสาย
แต่ดูเหมือนว่าฉินหว่านจะเดาการกระทำของเธอได้จึงรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะวางสายโทรศัพท์ “อย่าวางสายนะ!ฉันมีเรื่องจะขอร้องเธอจริงๆ!”
ฉินซีได้ยินคำว่า “ขอร้อง” จากปากของเธอซึ่งมันเป็นเรื่องที่หาได้ยาก ฉินซียิ้มมุมปากและไม่ได้กดวางสาย
แต่เธอเดาได้แล้วว่าเจตนาของฉินหว่านและหซู่หนานในครั้งนี้คืออะไร
เมื่อไม่ได้ยินเสียงกดวางสาย ในใจฉินหว่านรู้สึกได้ถึงความหวังอันริบหรี่พลางเอ่ยปากพูด “วันนี้เธอได้เข้าอินเตอร์เน็ตแล้วสินะ เธอเห็นทุกอย่างที่พูดกันบนอินเทอร์เน็ตแล้วใช่ไหม”
ฉินซีค่อยๆคิดและตอบกลับอย่างช้าๆ “โทษนะ ฉันไม่ได้เข้าเลยและไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร”
“เธอ!” เดิมทีฉินหว่านเป็นคนโมโหง่าย ยิ่งเมื่อถูกฉินซีขัด อารมณ์ของเธอจึงปะทุขึ้น “เลิกตอแหลได้แล้ว!เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเรื่องบนอินเตอร์เน็ตนั่นเป็นฝีมือเธอน่ะ ! ยังจะเสแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาอยู่อีก! ”
จริงๆแล้วเธอกำลังปรักปรำฉินซี เพราะวันนี้เธอยุ่งกับการตรวจตามแผนกต่างๆของโรงพยาบาลซึ่งเธอไม่มีเวลาเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ใคร
“ฉินหว่าน” ฉินซีพูดอย่างเย็นชา “ฉันจำได้ว่าเธอมีอะไรจะขอร้องฉันไม่ใช่เหรอ นี่คือวิธีที่เธอจะขอร้องฉันงั้นเหรอ”
“ฉินซี!” ฉินหว่านโกรธจัดพลางตะโกนด่าใส่โทรศัพท์ “ไม่ว่าฉินซึ่งเทียนจะเป็นยังไงเขาก็คือพ่อของเธอ!เธอเป็นเด็กกำพร้ารึไง ถึงได้ให้ร้ายพ่อตัวเองขนาดนี้ เรื่องวุ่นวายในตระกูลฉินเธอเป็นคนทำสินะ คงรู้ตัวสินะว่าตัวเองไม่เหมาะกับฉินซื่อกรุ๊ปเลยคิดจะทำลายบริษัทใช่ไหม ฉินซี ฉันแนะนำให้เธอรีบไปชี้แจงในอินเทอร์เน็ตและพาผู้ตรวจสอบกลับมา ถ้าไม่อย่างนั้นก็คอยดูได้เลย! ผลกรรมจะตามสนอง!”
ฉินซีหัวเราะเยาะและกำลังเอ่ยปาก แต่กลับมีเสียงทะเลาะดังออกมาจากปลายสาย
“ฉินหว่าน!” เสียงที่ฉินซีได้ยินคือเสียงของหซู่หนาน “เธอพูดแบบนี้มันมีประโยชน์รึไง มันช่วยเธอโน้มน้าวฉินซีได้เหรอ”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง!” เสียงของฉินหว่านดังเสียดหู “นายยังอยากให้ฉันคุยกับมันดีๆอีกเหรอ ที่ฉันคุยกับมันได้ก็อยากจะอ้วกเต็มทีแล้ว!”
“หุบปาก!” เสียงของหซู่หนานดังขึ้น
“นายตะคอกฉันงั้นเหรอ” น้ำเสียงของฉินหว่านดูจะคาดไม่ถึง
หซู่หนานเลิกสนใจเธอ เขาหอบเล็กน้อยและคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาขอโทษฉินซีครั้งแล้วครั้งเล่า “ฉินหว่านใจร้อนไปหน่อยแต่เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆหรอกนะ”
ฉินซีไม่ได้ตั้งใจที่จะฟังทั้งสองคนเถียงกันและเตรียมจะกดวางสาย แต่เมื่อได้ยินหซู่หนานพูดอย่างนั้นจึงเพียงแค่ตอบไปอย่างลวกๆก่อนที่จะวางสาย
“ฉินซี” หซู่หนานกลับถือเอาคำพูดลวกๆของเธอเป็นการตอบรับตัวเอง เขารีบพูดอย่างรวดเร็ว “ฉินหว่านแค่คิดว่าสิ่งที่พูดกันบนอินเทอร์เน็ตมันดูไม่ดีเท่าไหร่และมีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถอธิบายให้ทุกคนหยุดการโจมตีได้”
“อธิบาย?” ฉินซีหัวเราะเยาะ “มีอะไรจะต้องอธิบายอีก ฉันบอกแล้วว่าวันนี้ฉันไม่ได้อ่านสิ่งที่พูดบนอินเทอร์เน็ต นายต้องการให้ฉันอธิบายอะไร”
“คือ…” หซู่หนานรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยไม่รู้ว่าเชื่อเรื่องที่เธอบอกว่าไม่ได้ดูจริงๆหรือเปล่า แต่ก็ค่อยๆอธิบายให้เธอฟัง “บนอินเทอร์เน็ตพูดกันว่า ฉินซึ่งเทียนคิดว่าเธอแฉตระกูลฉิน ดังนั้นเขาจึงต้องการลักพาตัวและคิดบัญชีกับเธอ”
ฉินซีเลิกคิ้ว เธอคาดไม่ถึงว่าผ่านไปแค่วันเดียว ความคิดเห็นของสาธารณชนจะเป็นเช่นนี้
แต่เธอไม่ได้แสดงความประหลาดใจออกมา แต่เพียงพูดออกไปอย่างเฉยเมย “แล้วนายคิดว่าฉันจะอธิบายอะไรได้”
เสียงของหซู่หนานเปลี่ยนเป็นร้อนรน “แค่เธอปรากฏตัวชี้แจงว่าเขาไม่ได้จะลักพาตัวเธอ แค่นี้ทุกคนก็จะเชื่อ”
ฉินซีหัวเราะเยาะ “หซู่หนาน พูดแบบนี้มันไม่เรียกว่าอธิบาย แต่เรียกว่าโกหก”
“เธอ…” ดูเหมือนว่าเขาจะไม่คาดคิดว่าฉินซีจะแข็งกร้าวเช่นนี้ หซู่หนานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ จากนั้นก็พูดออกเบาๆ “แต่ยังไงเขาก็เป็นพ่อของเธอนะ”
ฉินซีหัวเราะร่วน “หซู่หนาน ตอนที่เขาส่งคนมาลักพาตัวฉัน หามอเตอร์ไซค์หลายสิบคันมาขวางฉันในซอยตอนที่เขาต้องการพาตัวฉันไป เคยคิดไหมว่าเขาเป็นพ่อของฉัน”
คราวนี้เป็นหซู่หนานที่พูดอะไรไม่ออก
ในขณะที่ฉินซีกำลังจะวางสายก็ได้ยินว่าปลายสายเป็นเสียงฉินหว่านอีกครั้ง
“ฉันบอกนายแล้วว่ากับคนอย่างฉินซี พูดดีๆด้วยมันไม่มีประโยชน์!” ดูเหมือนเธอจะบ่นหซู่หนาน จากนั้นก็เอ่ยปากพูดกับฉินซี “ฉินซี ไม่ว่าเธอจะทำอะไร นามสกุลเธอก็คือฉิน!สิ่งที่เธอทำกับตระกูลฉินทั้งหมด สุดท้ายกรรมก็จะตามสนองเธอ ฉันจะแนะนำอะไรไว้อย่าง เอาชาวเน็ตที่เธอจ้างมาปั่นกลับไปซะ แผนการต่างๆที่เธอลงมือกับตระกูลฉินก็เอากลับไปด้วย!”
ฉินซีขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบายให้เธอฟังแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นคนหาชาวเน็ตพวกนั้นมา เธอจึงเพียงแค่หัวเราะออกมาเบาๆ “กรรมตามสนอง?ฉินหว่าน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูดว่ากรรมตามสนอง แต่กับเธอ แม่เธอและฉินซึ่งเทียนไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดสองคำนี้ออกมา ถ้ากรรมตามสนองมีจริง พวกเธอได้ตายเร็วกว่าฉันอีก”
“แก!” ฉินหว่านถูกพูดขัดจนพูดไม่ออก
ฉินซีไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้คิดก็รีบพูดต่อ “คนที่ด่าฉินซึ่งเทียนบนอินเทอร์เน็ตไม่ใช่กองกำลังอะไรของฉัน แต่มันคือปฏิกิริยาของคนทั่วไปที่เมื่อเห็นคนลงมือกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ส่วนเรื่องการสอบสวนตระกูลฉินโดยกรรมการกำกับหลักทรัพย์นั่น ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่ายบัญชีภายในของตระกูลฉินก็คงไม่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันไม่มีอำนาจในตระกูลฉินแล้ว หากเธอต้องการหาคนผิด งั้นก็คงเป็นฉินซึ่งเทียนแล้วล่ะ เธอไม่ควรมาด่าฉัน ควรไปด่าเขาต่างหาก และสุดท้ายนะ ตอนที่แม่ของฉันถูกฉินซึ่งเทียนบีบคั้นจนตาย ฉันก็รู้สึกว่าฉันเป็นเด็กกำพร้า คนหลายพันคนบนโลกนี้นามสกุลฉิน ฉันเป็นแค่หนึ่งในนั้นและฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฉินของเธอ วางใจเถอะ แทนที่จะบังคับให้ฉันทำอะไรต่อมิอะไร เอาเวลาไปคิดดูดีกว่าว่าหลังจากที่บัญชีพวกเธอถูกตรวจสอบแล้วต้องล้มละลาย พวกเธอจะใช้ชีวิตกันยังไง”
เมื่อพูดจบ ฉินซีไม่ได้ให้เวลาฉินหว่านก็กดตัดสายและบล็อกเบอร์ทันที
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพบว่าลู่เซิ่นที่อยู่ข้างๆมองเธอด้วยสีหน้าที่อธิบายได้ยาก
ฉินซีรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย
ใครบ้างที่ไม่ต้องการวางฟอร์มต่อหน้าคนที่ทำให้ใจสั่น
เพราะฉินหว่านจะคุยโทรศัพท์ให้ได้ ลู่เซิ่นเลยได้เห็นท่าทีที่ก้าวร้าวเมื่อครู่ของตัวเองอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
“ฉัน…” เอ่ยปากพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกลู่เซิ่นขัดจังหวะ
ใบหน้าของลู่เซิ่นเผยให้เห็นรอยยิ้มชัดเจน เขายื่นมือมาจับที่ติ่งหูของฉินซี
“ฉันเคยกังวลว่าเวลาที่เธออยู่ในตระกูลฉินจะโดนเอาเปรียบบ้างหรือเปล่า” เขาหัวเราะ “แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่น่าจะลำบากนะ”
ฉินซียิ้มเพราะคำพูดของเขา ความหงุดหงิดที่เพิ่งทะเลาะกับฉินหว่าน ในตอนนี้หายไปจนหมด
“ฉินหว่านจะรังแกฉันได้ยังไง” เธอยิ้มให้ลู่เซิ่น “มันคงจะดีถ้าฉันสามารถอดใจไม่รักแกเธอไ