Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1052

ตอนที่ 1052

บทที่ 1052 หยุดโจมตี

ฉินซียังไม่ทันได้วางสาย คนในโทรศัพท์ก็เปลี่ยนเป็นอีกคน

เสียงที่คุ้นเคยของฉินหว่านดังขึ้นจากอีกฝั่ง “ฉินซี นี่ฉันเอง”

ฉินซีไม่ต้องการคุยกับเธอจึงยกมือขึ้นจะกดวางสาย

แต่ดูเหมือนว่าฉินหว่านจะเดาการกระทำของเธอได้จึงรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะวางสายโทรศัพท์ “อย่าวางสายนะ!ฉันมีเรื่องจะขอร้องเธอจริงๆ!”

ฉินซีได้ยินคำว่า “ขอร้อง” จากปากของเธอซึ่งมันเป็นเรื่องที่หาได้ยาก ฉินซียิ้มมุมปากและไม่ได้กดวางสาย

แต่เธอเดาได้แล้วว่าเจตนาของฉินหว่านและหซู่หนานในครั้งนี้คืออะไร

เมื่อไม่ได้ยินเสียงกดวางสาย ในใจฉินหว่านรู้สึกได้ถึงความหวังอันริบหรี่พลางเอ่ยปากพูด “วันนี้เธอได้เข้าอินเตอร์เน็ตแล้วสินะ เธอเห็นทุกอย่างที่พูดกันบนอินเทอร์เน็ตแล้วใช่ไหม”

ฉินซีค่อยๆคิดและตอบกลับอย่างช้าๆ “โทษนะ ฉันไม่ได้เข้าเลยและไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร”

“เธอ!” เดิมทีฉินหว่านเป็นคนโมโหง่าย ยิ่งเมื่อถูกฉินซีขัด อารมณ์ของเธอจึงปะทุขึ้น “เลิกตอแหลได้แล้ว!เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเรื่องบนอินเตอร์เน็ตนั่นเป็นฝีมือเธอน่ะ ! ยังจะเสแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาอยู่อีก! ”

จริงๆแล้วเธอกำลังปรักปรำฉินซี เพราะวันนี้เธอยุ่งกับการตรวจตามแผนกต่างๆของโรงพยาบาลซึ่งเธอไม่มีเวลาเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ใคร

“ฉินหว่าน” ฉินซีพูดอย่างเย็นชา “ฉันจำได้ว่าเธอมีอะไรจะขอร้องฉันไม่ใช่เหรอ นี่คือวิธีที่เธอจะขอร้องฉันงั้นเหรอ”

“ฉินซี!” ฉินหว่านโกรธจัดพลางตะโกนด่าใส่โทรศัพท์ “ไม่ว่าฉินซึ่งเทียนจะเป็นยังไงเขาก็คือพ่อของเธอ!เธอเป็นเด็กกำพร้ารึไง ถึงได้ให้ร้ายพ่อตัวเองขนาดนี้ เรื่องวุ่นวายในตระกูลฉินเธอเป็นคนทำสินะ คงรู้ตัวสินะว่าตัวเองไม่เหมาะกับฉินซื่อกรุ๊ปเลยคิดจะทำลายบริษัทใช่ไหม ฉินซี ฉันแนะนำให้เธอรีบไปชี้แจงในอินเทอร์เน็ตและพาผู้ตรวจสอบกลับมา ถ้าไม่อย่างนั้นก็คอยดูได้เลย! ผลกรรมจะตามสนอง!”

ฉินซีหัวเราะเยาะและกำลังเอ่ยปาก แต่กลับมีเสียงทะเลาะดังออกมาจากปลายสาย

“ฉินหว่าน!” เสียงที่ฉินซีได้ยินคือเสียงของหซู่หนาน “เธอพูดแบบนี้มันมีประโยชน์รึไง มันช่วยเธอโน้มน้าวฉินซีได้เหรอ”

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง!” เสียงของฉินหว่านดังเสียดหู “นายยังอยากให้ฉันคุยกับมันดีๆอีกเหรอ ที่ฉันคุยกับมันได้ก็อยากจะอ้วกเต็มทีแล้ว!”

“หุบปาก!” เสียงของหซู่หนานดังขึ้น

“นายตะคอกฉันงั้นเหรอ” น้ำเสียงของฉินหว่านดูจะคาดไม่ถึง

หซู่หนานเลิกสนใจเธอ เขาหอบเล็กน้อยและคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาขอโทษฉินซีครั้งแล้วครั้งเล่า “ฉินหว่านใจร้อนไปหน่อยแต่เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆหรอกนะ”

ฉินซีไม่ได้ตั้งใจที่จะฟังทั้งสองคนเถียงกันและเตรียมจะกดวางสาย แต่เมื่อได้ยินหซู่หนานพูดอย่างนั้นจึงเพียงแค่ตอบไปอย่างลวกๆก่อนที่จะวางสาย

“ฉินซี” หซู่หนานกลับถือเอาคำพูดลวกๆของเธอเป็นการตอบรับตัวเอง เขารีบพูดอย่างรวดเร็ว “ฉินหว่านแค่คิดว่าสิ่งที่พูดกันบนอินเทอร์เน็ตมันดูไม่ดีเท่าไหร่และมีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถอธิบายให้ทุกคนหยุดการโจมตีได้”

“อธิบาย?” ฉินซีหัวเราะเยาะ “มีอะไรจะต้องอธิบายอีก ฉันบอกแล้วว่าวันนี้ฉันไม่ได้อ่านสิ่งที่พูดบนอินเทอร์เน็ต นายต้องการให้ฉันอธิบายอะไร”

“คือ…” หซู่หนานรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยไม่รู้ว่าเชื่อเรื่องที่เธอบอกว่าไม่ได้ดูจริงๆหรือเปล่า แต่ก็ค่อยๆอธิบายให้เธอฟัง “บนอินเทอร์เน็ตพูดกันว่า ฉินซึ่งเทียนคิดว่าเธอแฉตระกูลฉิน ดังนั้นเขาจึงต้องการลักพาตัวและคิดบัญชีกับเธอ”

ฉินซีเลิกคิ้ว เธอคาดไม่ถึงว่าผ่านไปแค่วันเดียว ความคิดเห็นของสาธารณชนจะเป็นเช่นนี้

แต่เธอไม่ได้แสดงความประหลาดใจออกมา แต่เพียงพูดออกไปอย่างเฉยเมย “แล้วนายคิดว่าฉันจะอธิบายอะไรได้”

เสียงของหซู่หนานเปลี่ยนเป็นร้อนรน “แค่เธอปรากฏตัวชี้แจงว่าเขาไม่ได้จะลักพาตัวเธอ แค่นี้ทุกคนก็จะเชื่อ”

ฉินซีหัวเราะเยาะ “หซู่หนาน พูดแบบนี้มันไม่เรียกว่าอธิบาย แต่เรียกว่าโกหก”

“เธอ…” ดูเหมือนว่าเขาจะไม่คาดคิดว่าฉินซีจะแข็งกร้าวเช่นนี้ หซู่หนานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ จากนั้นก็พูดออกเบาๆ “แต่ยังไงเขาก็เป็นพ่อของเธอนะ”

ฉินซีหัวเราะร่วน “หซู่หนาน ตอนที่เขาส่งคนมาลักพาตัวฉัน หามอเตอร์ไซค์หลายสิบคันมาขวางฉันในซอยตอนที่เขาต้องการพาตัวฉันไป เคยคิดไหมว่าเขาเป็นพ่อของฉัน”

คราวนี้เป็นหซู่หนานที่พูดอะไรไม่ออก

ในขณะที่ฉินซีกำลังจะวางสายก็ได้ยินว่าปลายสายเป็นเสียงฉินหว่านอีกครั้ง

“ฉันบอกนายแล้วว่ากับคนอย่างฉินซี พูดดีๆด้วยมันไม่มีประโยชน์!” ดูเหมือนเธอจะบ่นหซู่หนาน จากนั้นก็เอ่ยปากพูดกับฉินซี “ฉินซี ไม่ว่าเธอจะทำอะไร นามสกุลเธอก็คือฉิน!สิ่งที่เธอทำกับตระกูลฉินทั้งหมด สุดท้ายกรรมก็จะตามสนองเธอ ฉันจะแนะนำอะไรไว้อย่าง เอาชาวเน็ตที่เธอจ้างมาปั่นกลับไปซะ แผนการต่างๆที่เธอลงมือกับตระกูลฉินก็เอากลับไปด้วย!”

ฉินซีขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบายให้เธอฟังแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นคนหาชาวเน็ตพวกนั้นมา เธอจึงเพียงแค่หัวเราะออกมาเบาๆ “กรรมตามสนอง?ฉินหว่าน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูดว่ากรรมตามสนอง แต่กับเธอ แม่เธอและฉินซึ่งเทียนไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดสองคำนี้ออกมา ถ้ากรรมตามสนองมีจริง พวกเธอได้ตายเร็วกว่าฉันอีก”

“แก!” ฉินหว่านถูกพูดขัดจนพูดไม่ออก

ฉินซีไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้คิดก็รีบพูดต่อ “คนที่ด่าฉินซึ่งเทียนบนอินเทอร์เน็ตไม่ใช่กองกำลังอะไรของฉัน แต่มันคือปฏิกิริยาของคนทั่วไปที่เมื่อเห็นคนลงมือกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ส่วนเรื่องการสอบสวนตระกูลฉินโดยกรรมการกำกับหลักทรัพย์นั่น ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่ายบัญชีภายในของตระกูลฉินก็คงไม่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันไม่มีอำนาจในตระกูลฉินแล้ว หากเธอต้องการหาคนผิด งั้นก็คงเป็นฉินซึ่งเทียนแล้วล่ะ เธอไม่ควรมาด่าฉัน ควรไปด่าเขาต่างหาก และสุดท้ายนะ ตอนที่แม่ของฉันถูกฉินซึ่งเทียนบีบคั้นจนตาย ฉันก็รู้สึกว่าฉันเป็นเด็กกำพร้า คนหลายพันคนบนโลกนี้นามสกุลฉิน ฉันเป็นแค่หนึ่งในนั้นและฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฉินของเธอ วางใจเถอะ แทนที่จะบังคับให้ฉันทำอะไรต่อมิอะไร เอาเวลาไปคิดดูดีกว่าว่าหลังจากที่บัญชีพวกเธอถูกตรวจสอบแล้วต้องล้มละลาย พวกเธอจะใช้ชีวิตกันยังไง”

เมื่อพูดจบ ฉินซีไม่ได้ให้เวลาฉินหว่านก็กดตัดสายและบล็อกเบอร์ทันที

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพบว่าลู่เซิ่นที่อยู่ข้างๆมองเธอด้วยสีหน้าที่อธิบายได้ยาก

ฉินซีรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย

ใครบ้างที่ไม่ต้องการวางฟอร์มต่อหน้าคนที่ทำให้ใจสั่น

เพราะฉินหว่านจะคุยโทรศัพท์ให้ได้ ลู่เซิ่นเลยได้เห็นท่าทีที่ก้าวร้าวเมื่อครู่ของตัวเองอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

“ฉัน…” เอ่ยปากพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกลู่เซิ่นขัดจังหวะ

ใบหน้าของลู่เซิ่นเผยให้เห็นรอยยิ้มชัดเจน เขายื่นมือมาจับที่ติ่งหูของฉินซี

“ฉันเคยกังวลว่าเวลาที่เธออยู่ในตระกูลฉินจะโดนเอาเปรียบบ้างหรือเปล่า” เขาหัวเราะ “แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่น่าจะลำบากนะ”

ฉินซียิ้มเพราะคำพูดของเขา ความหงุดหงิดที่เพิ่งทะเลาะกับฉินหว่าน ในตอนนี้หายไปจนหมด

“ฉินหว่านจะรังแกฉันได้ยังไง” เธอยิ้มให้ลู่เซิ่น “มันคงจะดีถ้าฉันสามารถอดใจไม่รักแกเธอไ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท