บทที่ 1047 การชดใช้
ฉินซีสีหน้าแข็งไป
เมื่อเธอรู้ว่าตัวเองถูกกั้นไว้ในโรงแรม เธอก็ติดต่อจ้าวจิ้งเป็นคนแรก และส่งข้อความให้ลู่เหวยต่อ แต่เธอไม่ทันได้ติดต่อลู่เซิ่น
เธอมีเหตุผลที่ถูกต้องมากมาย เช่นเธอติดต่อคนอื่นเพราะเธอมีเรื่องสำคัญมากมายต้องบอก เช่นเธอเคยคิดจะติดต่อกับลู่เซิ่นเหมือน แต่ถูกขัดจังหวะไป
แต่ฉินซีไม่ได้พูดอะไรเลย แค่ก้มหน้าและขอโทษเบาๆ”ฉันขอโทษ”
ถ้าเป็นเธอ ลู่เซิ่นตกอยู่ในสภาพที่อันตรายแบบนี้ แต่ไม่ได้บอกอะไรเธอเลย ฉินซีคิดว่าเธอคงโกรธกว่าลู่เซิ่นมากมั้ง อย่างน้อยก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่กับเธออย่างสงบ และป้อนข้าวเธออีก
แต่ลู่เซิ่นก็ดูเหมือนรู้ว่าฉินซีไม่ได้ตั้งใจทำแบบนี้ ก็ไม่ได้คิดจะโกรธฉินซีอะไรนักหนาหรอก เขาแค่ถอนหายใจเบาๆ แล้วหยิบของอีกอย่างออกมาจากกระเป๋าและวางไว้ข้างเตียงของฉินซี”คุณไม่ต้องขอโทษฉันหรอก”
ฉินซีหันหน้าไปมองและพบว่าที่เขาวางคือโทรศัพท์ของเธอ
เธอคิดว่าโทรศัพท์ตกอยู่ในโรงแรมพร้อมกระเป๋าเอกสารแล้ว
ไม่คิดสิ่งเหล่านี้ที่คิดว่าสูญหายไปแล้ว สุดท้ายก็ได้คืนมาด้วย
“ขอโทษ”ลู่เซิ่นพูดเบาๆ”ฉันปลดล็อกโทรศัพท์ด้วยลายนิ้วมือ ของคุณและเห็นอินเตอร์เฟซการโทร”
ฉินซีอึ้งไป รีบนึกขึ้นได้ว่าอินเตอร์เฟซการโทรของโทรศัพท์คืออะไร
เธออยู่ในห้องของโรงแรม เมื่อกำลังจะโทรหาลู่เซิ่น ก็ถูกเสี่ยวหลี่เรียกออกไป จากนั้นก็เกิดเรื่องต่างๆขึ้นมา เธอก็ไม่มีเวลาจับโทรศัพท์เลย
ดังนั้นหลังจากปลดล็อกโทรศัพท์แล้ว อินเทอร์เฟซก็จะเป็นหมายเลขของลู่เซิ่น
ฉินซีรู้ ลู่เซิ่นเห็นก็รู้แล้วว่าเธอกำลังจะโทรหาเขา
ไม่น่าล่ะเขาไม่โกรธ..
ฉินซีแอบด่าในใจ
ในเมื่อก็เห็นแล้ว ทำไมต้องถามฉันอีก
ลู่เซิ่นดูเหมือนรู้ความคิดของเธอและหัวเราะเบาๆ”ฉันแค่อยากได้ยินคุณพูดเองเฉยๆ แต่ไม่คิดว่าคุณจะขอโทษโดยตรงโดยไม่บอกว่าคุณอยากโทรหาฉัน”
ฉินซีรู้สึกอึ้งกับความมีเหตุมีผลของเขา ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรสักพัก ผ่านไปสักพักถึงแก้งทำเสียงโกรธ
ลู่เซิ่นยิ้มนักกว่าเดิมอีก เขายื่นมือออกไปชะลอความเร็วในการให้น้ำเกลือของฉินซี และลูบผมของฉินซี”เอาล่ะ คุณพักผ่อนก่อนนะ มีอะไรเดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง”
ฉินซียังมีคำถามมากมายอยากจะถาม แต่ความง่วงนอนดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้ ทำให้เธอเกือบลืมตาไม่ไหว
ในที่สุดเธอก็ไม่ได้ถามอะไร เลยหลับตานอนหลับไป
และรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของลู่เซิ่น ก็ค่อยๆหายไปจากใบหน้าพร้อมการลมหายๆใจที่สบายของฉินซี
แต่แทนด้วยความเย็นชา
ในเมื่อฉินซึ่งเทียนกล้าที่จะแตะต้องคนของเขาโดยตรง ก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะชดใช้
…
เมื่อฉินซีตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว
ประสิทธิภาพการบังแดดของผ้าม่านไม่ค่อยดี แสงเข้าวอร์ดและสว่างทั้งห้องเลย
ฉินซีก็เลยสามารถมองเห็นลู่เซิ่นที่นั่งอยู่บนโซฟาริมหน้าต่างได้อย่างชัดเจน
เขายังใส่ชุดของเมื่อคืน ไม่รู้ว่าเพิ่งตื่นหรือไม่ได้นอนทั้งคืน
ไม่มีคนอื่นในวอร์ด เขาถือเอกสารในมือ ขมวดคิ้วและอ่านอย่างตั้งใจ
คงเป็นเพราะกลัวว่าจะส่งเสียงรบกวนฉินซี ขนาดพลิกหน้าก็เบามาก แต่ท่าทางที่ดูแพงก็ยิ่งดูเด่นมากขึ้นราวกับรู้สึกถึงสายตาของฉินซี ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้นมอง
แค่เหลือบมอง สีหน้าที่เย็นชาก็ละลายไปทันที และมุมปากก็ยิ้มขึ้นมา”ตื่นแล้วเหรอ คุณรู้สึกตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า”
ฉินซีส่ายหัว”ไม่ค่ะ”
ลู่เซิ่นลุกขึ้นเดินไปหาเธอ แล้วก้มลงไปช่วยเธอลุกขึ้น”ไปล้างตัวก่อนนะ เดี๋ยวแม่บ้านก็จะเอาอาหารเช้ามาให้”
ฉินซีพยักหน้าและลุกขึ้นนั่ง
แต่เมื่อเธอไปถึงห้องน้ำก็ตะลึง
มือซ้ายของฉินซีวางพลาสเตอร์อยู่ แม้ว่านิ้วไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แขนทางซ้ายไม่สามารถขยับได้สบาย
เพราะแบบนี้ … เรื่องง่ายๆอย่างการบีบยาสีฟันแล้วบิดผ้า เธอก็ทำเองไม่ได้
แต่จะต้องเรียกลู่เซิ่นเข้ามาไหม
ฉินซีลังเล
แต่เธอลังเลแค่ไม่วินาที เสียงของลู่เซิ่นก็ดังมาจากด้านหลัง”มีอะไรเหรอ ทำไมยืนเฉยๆล่ะ”
ฉินซีหันหน้าไปมอง ลู่เซิ่นมีรอยยิ้มที่มีความหมายบนใบหน้า เธอรู้อยู่แล้วว่า ลู่เซิ่นแกล้งถามอีกแล้ว
เธอไม่สนอะไรแล้ว ยื่นมือขวา”มีแค่มือเดียว ไม่รู้จะล้างยังไง”
มุมปากของลู่เซิ่นยิ้มใหญ่ขึ้น ยกเท้าเข้าไปในห้องน้ำ”งั้นฉันช่วยคุณก็ได้”
ฉินซีแกล้งพยักหน้าอย่างสงบเสแสร้ง
จริงๆแล้วเธอไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตคู่อย่างใกล้ชิดได้ยังไง ทั้งครอบครัวและประสบการณ์ในอดีตของเธอ ต่างก็ไม่ได้สอนเรื่องนี้ให้เธอ
เรื่องบนเตียงไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นระหว่างคู่รักก็ได้ และการจูบก็ไม่จำเป็นต้องมีความรัก แต่การบิดผ้าให้แห่ง เช็ดหน้าอย่างระมัดระวังในห้องน้ำเมื่อตอนเช้า ไม่สามารถใช้ข้ออ้างใดๆได้นอกจากความรัก
เธอรู้สึกว่า ลู่เซิ่นอาจจะชอบเธอมาก
ไม่น้อยกว่าการหวั่นไหวใจของเธอในช่วงหลายวันนี้แน่
ทั้งๆที่สองคนไม่ได้พูดอะไรเลย แต่บรรยากาศสีชมพูในห้องน้ำกลับมากกว่าใดๆ
หลังจากที่ลู่เซิ่นบิดผ้าให้แห่งเป็นครั้งสุดท้ายและแขวนไว้ เขาก็เอื้อมมือไปหาฉินซีว่า “ไปเถอะ”
ฉินซีเหยียดมือขวาออกอย่างเป็นธรรมชาติและวางไว้บนฝ่ามือของเขา
ทั้งสองจับมือเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกัน เห็นแม่บ้านที่ถือกระบอกกระติกน้ำร้อนเข้ามาพอดี
แม่บ้านเห็นท่าทางสนิทสนมของทั้งสองคน หน้าตายิ้ม”ตื่นแล้วเหรอคะ มา กินข้าวกันเถอะนะ”
เธอหยิบอาหารเช้าออกมาทีละอย่าง มือขวาของฉินซีไม่ได้ขยับไม่ได้เพราะให้น้ำเกลือ เธอจึงหยิบช้อนขึ้นมาเอง
ไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกเสมอว่าการแสดงออกของลู่เซิ่นดูไม่พอใจที่เธอสามารถกินข้าวเองได้
หรือว่าอยากจะป้อนข้าวเธอหรอ
ฉินซีหัวเราะในใจ ไม่ได้บอกความจริงออกมา และนั่งลงกินอาหารเช้าเอง
เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จ แม่บ้านถือกระติกน้ำร้อนออกไปด้วยรอยยิ้ม เหลือสองคนในวอร์ดอีกแล้ว
ลู่เซิ่นช่วยเธอนอนลงบนเตียงในโรงพยาบาล แล้วยื่นโทรศัพท์ให้เธอ”เมื่อวานคุณนอนเร็ว เลยไม่ได้บอกคุณ โทรศัพท์ของคุณมีสายโทรเข้าเยอะมาก ฉันก็เลยปลดล็อกโทรศัพท์คุณ แต่ฉันไม่ได้อ่านข้อความที่พวกเขาส่งมา เพราะฉะนั้นต้องรอให้คุณตอบเอง ”
ฉินซีพยักหน้าและรับโทรศัพท์ไป โทรศัพท์สั่นราวกับว่ารับรู้อะไรบางอย่าง
ฉินซีก้มลงดู จ้าวจิ้งโทรมา
เธอรีบรับสายทันที
“พี่ฉินซี คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”น้ำเสียงของจ้าวจิ้งดูกังวลมาก”ฉันได้ยินจากประธานลู่ว่าคุณเข้าโรงพยาบาล ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง”
เธอถามเป็นชุดเลย ทำให้ฉินซีไม่ทันจะตอบ มีแต่ยิ้มฟังเธอพูดเสร็จก่อน ค่อยจะหาโอกาสตอบ”ไม่เป็นไร ฉันรับสายของคุณเองได้ด้วยเนี่ย”
จ้าวจิ้งถอนหายใจด้วยความโล่งอก