Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1059

ตอนที่ 1059

บทที่ 1059 ต้องหยุดเธอ

ฉินซีรักษาระยะโดยให้แขนเสื้อของลู่เซิ่นนำทางอยู่ด้านหน้า

ทั้งสองฝ่าผู้คนออกมาจากโถงนิทรรศการ

ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินไปที่ทางเข้าของห้องโถงนิทรรศการ จู่ๆก็มีเสียงฝ่าลมดังขึ้น

ลู่เซิ่นไวต่อการเสียงนี้มาก

นี่มัน…ปืนเก็บเสียง?

ทำไมถึงมีเสียงนี้เกิดขึ้นที่นี่

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ที่นี่ไม่ควรมีปืนถึงจะถูก

ที่นี่ไม่ปลอดภัย!

ลู่เซิ่นตัดสินใจได้ในชั่วพริบตาเดียว เขารีบยื่นมือไปจับมือของฉินซีเพื่อพาเธอออกไปข้างนอก

ฉินซีดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอ หากมีอันตรายใดๆเกิดขึ้นที่นี่ เธอจะเป็นเป้าหมายที่ง่ายที่สุด

อย่างไรก็ตามทั้งสองจะได้พบเจอกันโดยบังเอิญและอยู่ด้วยกันมาหลายชั่วโมง ลู่เซิ่นคิดว่าตัวเองควรรักษาความปลอดภัยให้เธอเป็นอันดับแรก

พาเธอออกไปได้แล้ว จากนั้นค่อยโทรศัพท์ให้บอดี้การ์ดของตัวเองเข้ามาตรวจสอบ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริงค่อยรีบแจ้งตำรวจ

ลู่เซิ่นวางแผนในใจเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อจะก้าวเท้าก็ต้องหยุดชะงัก…

ลู่เซิ่นไม่ได้ดึงฉินซี

เขาขมวดคิ้วพลางดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อจ้องมอง สีหน้าของฉินซีก็เปลี่ยนไป

ใบหน้าสวยไร้เดียงสาของเธอค่อยๆขมวดคิ้ว สีหน้าจริงจัง เหมือนกับว่าไม่ใช่หญิงสาวคนเดียวกับที่ลากตัวเองและพูดเป็นต่อยหอยเมื่อครู่นี้เลย

เธอพูดเสียงเบา “เมื่อกี้…เสียงปืนใช่ไหม”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว

ในฐานะผู้สืบทอดบริษัทลู่ซื่อ เขาต้องเผชิญกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกๆวัน ความอาฆาตพยาบาทที่มีต่อบริษัทและการต่อต้านเขามักจะเกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นฉันจึงได้รับการฝึกการป้องกันตัวต่างๆตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ซึ่งเขาคุ้นชินและรู้เกี่ยวกับอาวุธต่างๆมากมาย

แต่เท่าที่เขารู้ การฝึกฝนแบบนี้อาจถูกนำมาใช้ในหลายๆครอบครัว แต่โดยทั่วไปไม่มีใครฝึกเรื่องแบบนี้ให้กับเด็กผู้หญิง

เนื่องจากการฝึกต้องมีสมรรถภาพทางร่างกายสูง ซึ่งสมรรถภาพทางร่างกายของผู้หญิงอาจรับไม่ไหว

ยิ่งไปกว่านั้น ลูกสาวในครอบครัวแบบนี้มักจะถูกโอ๋มาตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางยอมให้พวกเธอต้องลำบากแน่นอน

แต่…ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการฝึกป้องกันแล้ว ตัวคนทั่วไปจะมีโอกาสสัมผัสปืนได้อย่างไร

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังเช่นนี้ ผ่านเสียงต่างๆและสามารถจับเสียงเล็กๆที่ดังจากกระบอกเก็บเสียงปืนได้

ลู่เซิ่นมองไปที่ฉินซีด้วยความสงสัย

แต่ฉินซีกลับดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงการจ้องมองของเขา เธอเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังจะเดินเข้าไปในโถงนิทรรศการ

“คุณจะทำอะไร” ลู่เซิ่นคว้ามือของเธอไว้พลางดึงกลับ “คุณเองก็ได้ยินเสียงปืนแล้วไม่ใช่หรือไง ที่นี่อาจจะเกิดอันตรายขึ้นก็ได้ คุณยังจะเข้าไปอีกทำไม”

ฉินซีเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้เขาโดยไม่พูดอะไร

ลู่เซิ่นยังอยากตั้งคำถาม แต่กลับพบว่าฉินซีดึงมือของเธอออกจากมือของตัวเองไปแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย

ทันทีที่เขาก้มหน้า ฉินซีก็สลัดหลุดออกจากตัวเองและเดินเข้าไปท่ามกลางฝูงชน

“ให้ตายเหอะ” ลู่เซิ่นสบถออกมา หลังจากลังเลอยู่ไม่นาน เขาก็หันกลับและเดินตามฉินซีไป

ทั้งๆที่รู้ว่ามีเหตุการณ์อันตรายอยู่ภายในนั้น เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถมองดูฉินซีเข้าไปตาย

ถ้าคนข้างในมีปืนจริง ฉินซีเดินเข้าไปแบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจเกิดอะไรขึ้น

ตัวเองต้องหยุดเธอ

เมื่อนึกได้เช่นนี้ ฝีเท้าของลู่เซิ่นก็เปลี่ยนเป็นเหมือนกับดาวตก

เขาเดินเพียงไม่กี่ก้าว ในขณะที่กำลังจะถึงตัวฉินซี ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้น

ดวงตาของลู่เซิ่นเบิกกว้างทันที

……

ฉินซีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขัดจังหวะเขา “ตามที่คุณพูดแล้ว ทักษะของฉัน…ก็ไม่แย่เท่าไหร่สินะ?”

ลู่เซิ่นก้มหน้าลงมามองเธอ “นี่คุณค่อนข้างจะภูมิใจใช่ไหมเนี่ย”

ฉินซียิ้ม แต่แล้วรอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้าของเธออย่างรวดเร็ว

เธอก้มมองมือตัวเองพลางพูดออกมาเบาๆ “เมื่อวานก็เหมือนกัน ฉันใช้ฝ่ามือจนทำให้พี่หลิวถึงขั้นโคม่าได้ยังไงก็ไม่รู้ ฉันมาหาข้อมูลทีหลังว่าการจะใช้วิธีนี้จนคนโคม่าได้นั้นจำเป็นต้องใช้แรงอย่างมาก ฉัน…ทำได้ยังไง ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

เดิมทีเธอคิดว่านี่อาจเป็นสัญชาตญาณของเธอที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่คับขัน

แต่เมื่อมารวมกับคำอธิบายของลู่เซิ่นแล้ว เธอสามารถแยกแยะเสียงปืนได้ สามารถสลัดมือออกจากลู่เซิ่นได้ ความเป็นไปได้ที่จะเป็นความบังเอิญนั้นต่ำเกินไป

แต่ความเป็นไปได้ที่ว่าเธอได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพจริงๆนั้นเพิ่มมากขึ้น

แต่…ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลย

ตามที่ลู่เซิ่นบอกว่าการฝึกฝนเช่นนี้คือต้องได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก แต่ในความทรงจำวัยเด็กของฉินซีกลับไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย

……หรือว่าตัวเองจะลืมความทรงจำส่วนนี้ไปอย่างนั้นเหรอ

โดยสัญชาตญาณแล้วฉินซีรู้สึกว่านี่มันไม่ถูกต้อง

ตามที่แพทย์ได้กล่าวไว้ว่าความทรงจำของเธอได้รับผลกระทบจากภาวะความเครียดผิดปกติหลังเหตุสะเทือนใจ โดยควรจะเป็นช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่น่าส่งผลกระทบต่อช่วงเวลาในวัยเด็ก

แต่ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการฝึกฝนแล้วตัวเองจะรู้เรื่องแบบนี้ได้อย่างไร

ฉินซีรู้สึกสับสนไปหมด

ดูเหมือนว่าลู่เซิ่นจะรู้สึกได้ถึงความเหม่อลอยของฉินซี เขาจึงเอื้อมมือออกไปเชยคางเธอขึ้น “คิดอะไรอยู่”

ฉินซีส่ายหน้า “เปล่า”

ตรงกันข้าม ความสงสัยของเธอกลับทวีคูณขึ้น

ลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเพียงแค่กดหลังมือของเธอเบาๆ “ถ้า…อยากรู้ว่าตัวเองลืมอะไรไป ก็ไปหาหมอเถอะ ยังไม่สายที่จะเปลี่ยนไปใช้ข้อเสนอแรกนะ”

ฉินซีส่ายหน้า “เรื่องนั้นค่อยว่ากัน นายพูดต่อสิ!ทำไมในหอศิลป์ถึงเกิดเสียงขึ้น”

ลู่เซิ่นยิ้ม “โอเคๆ งั้นฉันเล่าต่อนะ”

……

เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้น สีหน้าของลู่เซิ่นก็เปลี่ยนไป

เขาไม่คุ้นเคยกับเสียงนี้ แต่ก็ได้ยินไม่ผิดแน่…

นี่มันคือระเบิด!

ก่อนที่เขาจะได้ตอบสนองอะไรออกไปก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของพื้น

“เกิดอะไรขึ้น”

“แผ่นดินไหวเหรอ”

“ไม่น่าใช่…มีอะไรระเบิดรึเปล่า”

ก่อนที่บทสนทนาของผู้คนจะจบลงก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง

แหล่งที่มาของเสียงน่าจะดังมาจากด้านนอกของโถงนิทรรศการ

โถงนิทรรศการที่มีผู้คนมากมายเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

“อะไรนะ มีอะไรระเบิดจริงๆงั้นเหรอ!”

“มีการโจมตี!โจมตี!”

“พระเจ้าช่วย!มีระเบิดจริงๆ!”

จากที่เมื่อครู่ผู้คนยังคงเบียดเสียดกันอยู่ด้านใน ตอนนี้ต่างๆพากันวิ่งกรูกันออกไปข้างนอก

แต่เพราะทางเข้าออกของโถงนิทรรศการนั้นมีขนาดเล็ก แต่ผู้คนด้านในกลับมีมาก ทำให้แออัดกันอยู่อย่างนั้น

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว ไม่ดีแน่ถ้าทางถูกปิด

หากในสถานการณ์เกิดระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง เกรงว่าแม้ระเบิดจะไม่ทำอันตรายใครแต่ก็อาจทำให้ผู้คนแตกตื่นได้

ในขณะที่เขากำลังคิด จู่ๆก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นเหนือหัว

“ตู้ม”

ระเบิดลูกเล็กน่าจะถูกวางไว้บนโคมไฟในหอศิลป์ โดยไม่ได้ทำให้ใครบาดเจ็บโดยตรง เพียงแต่ทำให้เพดานด้านบนของโถงนิทรรศการแหลกละเอียดเท่านั้น

ชิ้นส่วนของหลอดไฟกระจัดกระจายไปทั่ว โถงนิทรรศการก็มืดลงทันที มีเสียงกรีดร้องดังมาจากฝูงชน ทำให้ทุกคนต่างพากันดิ้นรนพยายามเบียดกันออกจากห้องโถง

เหตุเหยียบกันตายกำลังจะเกิดขึ้น…

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท