Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1060

ตอนที่ 1060

บทที่ 1060 ทุ่มสุดตัว

ลู่เซิ่นรู้สึกกังวล แต่ก็ไม่รู้ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง

ตอนนี้ในโถงนิทรรศการตกอยู่ในความตื่นตระหนก เพราะกลัวจะไม่มีใครได้ยินจึงตะโกนคุยกัน เสียงทุกอย่างจึงดังออกมาไม่หยุด

ทุกคนต่างมีความคิดเดียวคือต้องการออกจากที่นี่ ไม่รู้ว่าในโถงนิทรรศการที่มืดมิดนี้จะมีสิ่งประหลาดอะไรอีกไหม ทุกคนจึงตื่นกลัวว่าระเบิดลูกต่อไปจะดังขึ้นใกล้ๆตัวเอง

ในขณะที่ลู่เซิ่นกำลังครุ่นคิดว่าจะอย่างไร จู่ๆเสียงของลำโพงก็ดังขึ้น

“ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วพลางหันมองไปตามทิศทางที่ฉินซีอยู่

เป็นอย่างที่คิด เธอกำลังตะโกนด้วยโทรโข่งที่ไม่รู้ว่าเธอเอามันมาจากที่ไหน “ทางออกฉุกเฉินเปิดออกแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะได้ออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด !ขอให้ทุกคนอย่าเบียดกันและเดินอย่างเป็นระเบียบ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครได้ออกไปและติดอยู่ที่ประตูแบบนี้ต่อไป! ”

เธอตะโกนสุดเสียง แต่กลับไม่มีใครฟังเธอเลย

ผู้คนที่อยู่ห่างออกไปไม่ได้ยินเสียงของเธอ ส่วนผู้คนที่อยู่ใกล้ก็เห็นเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงกำลังถือทรัมเป็ตจึงไม่ให้ความสนใจ มีแม้กระทั่งบางคนถึงกับพูดเหยียดหยาม “ถ้าเธอไม่รีบเดิน งั้นก็อยู่ที่นี่ไปก็แล้วกัน”

เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ทำที่พูด ฉินซีจึงกังวลและคิดจะตะโกนไปทางอื่น แต่แล้วโทรโข่งที่อยู่ในมือก็ถูกแย่งไปอย่างกะทันหัน

ฉินซีเงยหน้าขึ้นมา และเห็นว่าคนที่แย่งโทรโข่งไปไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นลู่เซิ่น

“ด้านหน้า เรียงเป็นสามแถว ส่วนด้านหลังทำตามด้านหน้าอย่างมีสติ ” ลู่เซิ่นพูดอย่างรวบรัด

เขาไม่ได้ตะโกนสุดเสียงเหมือนกับฉินซี เพียงแค่พูดคำเหล่านี้ออกมาด้วยความสุขุม แต่เพราะความสง่างามในฐานะผู้นำของเขาที่ไม่อาจปกปิดได้ อีกทั้งยังสวมชุดสูทราคาแพง จึงทำให้ผู้คนต่างรู้สึกมั่นใจไปโดยปริยาย

มีเพียงคนที่เยาะเย้ยฉินซีไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงดื้อรั้นพลางเปิดปากเถียง “แกเป็นใคร บอกให้เราเข้าแถวแล้วคิดว่าเราจะทำตามรึไง”

ลู่เซิ่นเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “คุณไม่เข้าแถวก็ได้ แต่จะไสหัวไปตายที่ไหนก็ไป อย่าให้กระทบกับคนอื่น”

คำพูดที่เขาใช้ไม่สุภาพนัก แต่ดูเหมือนจะได้ผลกับพวกอันธพาลแบบนี้ คนๆนั้นถูกคนรอบข้างดึงและต่อว่าจนเดินไปอีกทางหนึ่ง

ผู้คนต่างจัดเป็นสามแถวตามคำสั่งของลู่เซิ่น

ฉินซีและลู่เซิ่นยืนยังคงยืนอยู่ที่ด้านข้างตามเดิมโดยไม่ได้ไปต่อแถว

โชคดีที่ดูเหมือนว่าในหอศิลปะจะไม่มีระเบิดลูกอื่นๆแล้ว ซึ่งหลังจากที่เกิดระเบิดที่โคมไฟไปก็ยังไม่มีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกเลย

ไม่รู้ว่าเพราะความเงียบสงบนี้หรือไม่ที่ปลอบขวัญผู้คน ทุกคนต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยจากที่แถวในตอนแรกยังคงมีความวุ่นวายอยู่ก็ค่อยๆเป็นระเบียบมากขึ้นเรื่อยๆ

ค่อยๆออกไปกันทีละสามคน ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็สามารถอพยพผู้คนในโถงนิทรรศการให้ออกไปได้จนเกือบหมด

ส่วนลู่เซิ่นและฉินซีก็ไปต่อแถวสุดท้ายและเดินออกมาด้วยกัน

ฉินซีหันไปมองลู่เซิ่นพลางเม้มปากพูด “ทำไมพวกเขาไม่ฟังคำพูดของฉันเลย ฟังแต่คุณคนเดียว”

ลู่เซิ่นก้มหัว ด้วยความที่แสงในโถงนิทรรศการมืดสลัวทำให้เขาเห็นใบหน้าของฉินซีไม่ชัดและไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ในตอนนี้ของเธอได้ จึงเพียงพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ แค่…เธอเด็กเกินไปทั้งยังเป็นผู้หญิงอีก โดยสัญชาตญาณแล้วพวกเขาเลยไม่อยากเชื่อเธอก็เท่านั้นเอง”

“เหยียดเพศนี่” ฉินซีพึมพำด้วยความไม่มั่นใจ

ลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไรต่อ

บนโลกใบนี้ การเหยียดเพศก็เป็นเหมือนรากที่หยั่งลึกและแข็งแรง ซึ่งเขาไม่สามารถทำอะไรได้

ฉินซีที่โกรธตัวเองอยู่พักใหญ่ จู่ๆก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ว่า…โชคดีที่คุณอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็คงยังติดอยู่ในโถงนิทรรศการ เพราะทุกคนไม่ฟังฉันเลย”

ลู่เซิ่นส่ายหัว “โชคดีที่มีคุณต่างหาก ถ้าคุณไม่เจอโทรโข่งอันนั้น ผมก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนฟังได้หรอก”

ฉินซียิ้ม “โอเค พวกเราหยุดชมกันไปชมกันมาได้แล้ว รอให้มีคนมาสัมภาษณ์แล้วพวกเราค่อยคุยโวโอ้อวดกันก็แล้วกัน”

ลู่เซิ่นยิ้มมุมปาก

อันที่จริงแล้วเขาเป็นคนไม่ชอบยุ่งกับเรื่องวุ่นวายแบบนี้ที่สุด หากว่าตามนิสัยของเขาแล้ว เมื่อได้ยินเสียงปืนก็จะรีบออกจากโถงนิทรรศการโดยทันที ถ้าไม่ตามฉินซีเข้าไปก็จะไม่ติดอยู่ข้างในนั้น ถ้าไม่เห็นว่าฉินซีถูกพูดจาไม่ดีใส่ก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้

ดังนั้นพูดได้ว่า การกระทำที่ผิดไปจากเดิมของเขาในวันนี้ ล้วนมีสาเหตุมาจากฉินซี

หากมีใครมาสัมภาษณ์ถึงความกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องของพวกเขา ลู่เซิ่นก็จะไม่ยอมรับการสัมภาษณ์ใดๆ

ไม่ใช่เพียงเพราะลู่เซิ่นขี้เกียจให้สัมภาษณ์กับนักข่าว แต่เพราะเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆว่าถ้าหากจะมีใครที่กล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง คนๆนั้นก็คือฉินซี

……

“ว้าว…ที่คุณพูดมา…ฉันเจ๋งมากเลย” ใบหูของฉินซีเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยคำชมของลู่เซิ่น เธอจึงพูดมุกตลกออกมาเพื่ออำพลางความเขินอายของตัวเอง

ลู่เซิ่นก็ไม่ได้พูดจี้จุด เพียงแค่สบตากับเธอตรงๆ “ผมไม่ได้พูดผิดเลย เดิมทีก็เพราะคุณนั่นแหละ”

ฉินซียิ้มพลางส่ายหัว

ตอนนี้เธอแทบจะนึกไม่ออกว่าตอนนั้นเธอทุ่มสุดกำลังของตัวเองแล้ว

หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย ทำให้เธอค่อยๆเปลี่ยนเป็นคนที่เลือดเย็นและเห็นแก่ตัวทีละนิด

แต่โชคยังดี แม้เธออาจจะไม่ใจดีเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่มีวันเห็นแก่ตัวอย่างฉินซึ่งเทียน ที่ถึงขั้นไม่สนใจใครเลยแม้แต่น้อย

“เป็นเพราะใจดีและจริงใจของฉันที่ทำให้นายหลงใหลในตัวฉันใช่ไหม ” ฉินซีพูดแหย่

ลู่เซิ่นยิ้ม “เป็นเพราะแบบนี้ไงถึงรู้สึกว่าเธอพิเศษ”

……

ทั้งสองคนเดินอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ออกจากโถงนิทรรศการหลัก

ทุกคนที่อยู่ในหอศิลป์ได้อพยพออกมาหมดแล้ว และขณะนี้มีนักข่าวมากมายกำลังขวางทางประตูหอศิลป์

โชคยังดีที่ตำรวจมาถึงอย่างรวดเร็วและกำลังอพยพฝูงชน

พวกเขามีประสบการณ์มาก ดังนั้นลู่เซิ่นจึงรู้สึกเบาใจ

เขากำลังจะหันไปกล่าวลาฉินซี แต่เมื่อหันไปกลับพบเด็กชายตัวอ้วนเดินโซเซมาหาทางพวกเขาสองคน

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วและกำลังจะเบี่ยงหลบ แต่แล้วเด็กชายก็โอบกอดต้นขาของฉินซีไว้พลางกันไปตะโกน “แม่ !แม่ !คนนี้!”

ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้นมองตามทางที่เด็กชายมองไปก็พบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังรีบวิ่งมา

เมื่อเธอเห็นฉินซีก็โค้งคำนับขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณคุณมากๆเลยนะคะ ถ้าไม่มีคุณ ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวเป่า ของพวกเราจะเป็นยังไง”

ลู่เซิ่นยื่นมือช่วยพยุงเธอขึ้นมา “ไม่เป็นไรค่ะ แค่เรื่องเล็กน้อยเอง”

หญิงสาวกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับเธอเป็นผู้มีพระคุณอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากที่ลู่เซิ่นได้ฟังคำพูดวนไปวนมาของเธออยู่สักพัก ในที่สุดท้ายก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องที่เกิดขึ้นได้

ตอนที่โคมไฟระเบิดในตอนแรก เด็กน้อยเสี่ยวเป่า คนนี้กำลังยืนอยู่ใต้โคมไฟ

แรงระเบิดทำให้หลอดไฟแตกและร่วงลงมา ถ้าไม่ใช่เพราะฉินซีดึงเสี่ยวเป่าออกมา ชิ้นส่วนของหลอดไฟอาจจะร่วงตกใส่ศีรษะของเสี่ยวเป่า ได้

……มิน่าล่ะ คุณแม่คนนี้ถึงได้ดูซาบซึ้งใจมาก

ลู่เซิ่นไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย แต่ในทางกลับกันเขารู้สึกว่าการที่ฉินซีได้รับการขอบคุณนั้นเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างมาก

คุณแม่ที่ดูอายุยังไม่มากนักอยู่พูดคุยกับฉินซีพักใหญ่ จนกระทั่งผู้คนด้านนอกอพยพออกไปจนเกือบหมด ตำรวจเริ่มทยอยคนออกนอกประตูแล้ว เธอที่ดูท่าจะยังไม่อยากไปนักก็โค้งคำนับอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท