บทที่ 1061 ไม่ใช่ว่าจะตำหนิคุณ
ฉินซีฟังถึงตรงนี้ อยากหัวเราะ :”ทำไมคุณถึงฟังไม่ออก ตอนนั้นฉันไม่อยากให้คุณรู้ว่าฉันพักอยู่ที่ไหน เลยไม่ให้คุณตาม”
ลู่เซิ่นหัวเราะตามด้วย :”ทำไมผมจะไม่รู้จุดประสงค์คุณ ผมก็แค่ประหลาดใจในตัวคุณเป็นอย่างมากเท่านั้นเอง”
ฉินซียักคิ้ว :”ประหลาดใจ? เพราะอะไร? สำหรับคนสมัยนี้ยังมีน้ำใจถึงขนาดนี้จึงรู้สึกประหลาดใจงั้นหรือ?”
ลู่เซิ่นกลับส่ายหน้า :”ไม่เพียงเท่านี้”
คราวนี้เปลี่ยนเป็นฉินซีประหลาดใจแล้ว :” ถ้างั้นเป็นเพราะอะไร?”
ลู่เซิ่นมองดูเธอ และหรี่ตา:” ผู้หญิงที่อายุเท่าคุณโดยปกติแล้ว เจอกับเรื่องแบบนี้ ไม่น่าจะใจเย็นได้ขนาดนี้ถึงจะถูก”
ฉินซีพยักหน้าแบบเงียบๆเหมือนคิดอะไรอยู่
“สามารถได้ยินเสียงปืนได้อย่างแม่นยำ ซึ่งไม่กลัวและยังเดินเข้าไปสวนทางกับผู้ที่เดินไปมา ขณะที่ระเบิดอยู่นั้น ยังสามารถดึงสติเพื่อไปช่วยเหลือเด็กข้างๆ และเหมือนกับรู้เรื่องลำดับหอศิลป์มาก”ลู่เซิ่น—-พูดชัดเจน “ดูยังไง ถ้าไม่อย่างนั้นคุณก็เข้าร่วมในนั้นด้วย หรือไม่ก็คุณกล้าหาญมาตั้งแต่กำเนิดจริงๆ เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากตามไปด้วย สืบข้อมูลลึกๆของคุณให้ชัดเจน”
ฉินซีคิดไม่ถึงลู่เซิ่นถึงกับคิดแบบนี้ ยกคิ้ว:”ถ้างั้นฉันถูกคุณสืบพบรึยัง?”
รอยยิ้มที่หน้าของลู่เซิ่นจนปัญญา:”คุณเหมือนจะไม่อยากให้ผมรู้ที่อยู่ของคุณมากเลยนะ จับมือผมไว้และอ้อมไปอ้อมมาที่หน้าบ้านตั้งหลายรอบ ผมถูกคุณทำให้เสียเวลาจนไม่มีความอดทน ก็เลยไม่ตามต่อไป”
ฉินซีหัวเราะ นี่เป็นเรื่องจริงที่เธอสามารถทำในตอนนั้น
“แต่ว่า”เดินอ้อมไปอ้อมมา”ห้าคำนี้เหมือนไปทิ่มแทงเส้นปลายประสาทของฉินซีซะแล้ว เธอหรี่ตาและนึกย้อนกลับไปสักพัก ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน:”ครั้งนั้น ฉันถูกหนังสือที่ฉินซึ่งเทียนโยนขว้างเข้ามาจนได้รับบาดเจ็บที่แก้ม คุณพาฉันไปที่โรงพยาบาล ทางกลับบ้านตั้งใจขับอ้อมไปอ้อมมา อยากสืบฉันดูใช่มั้ยหล่ะ ยังจำเรื่องตอนนั้นได้รึเปล่า”
จุดประสงค์ของลู่เซิ่นถูกมองจนทะลุปรุโปร่งเสียแล้ว แบมือออกมา ยอมรับอย่างเปิดเผย:”เป็นความจริง ตอนนั้นผมอยากรู้มาก คุณยังจำเหตุการณ์นี้ได้รึเปล่า แต่ว่าพอเดินเสร็จ พบว่าคุณไม่มีปฏิกิริยาสักนิดเลย”
ฉินซีหัวเราะก๊าก:” ฉันจำอะไรไม่ได้แล้วอ่ะ………”
หัวเราะเสร็จ ก็อดที่จะเศร้าไม่ได้:”ทำไมคุณไม่ถามฉันตรงๆหล่ะ? ไม่แน่ฉันอาจจะได้รู้ว่าความทรงจำของฉันมีปัญหาตั้งนานแล้ว”
ลู่เซิ่นยักคิ้ว:” ถ้าผมพูดกับคุณ คุณจะเชื่อมั้ยหล่ะ?”
ฉินซีเงียบกริบ
เป็นความจริง ถ้าตอนนั้นลู่เซิ่นพูดกับตัวเองว่าพวกเขาเคยเจอกันมาก่อน ฉินซีก็จะรู้สึกว่าลู่เซิ่นมาไม้ไหนอีกแล้ว
” หลังจากนั้นหล่ะ?” ฉินซีเปลี่ยนเรื่องด้วยตัวเอง” คุณตามฉันไม่ทัน ก็ให้ฉันไปเลย?”
ลู่เซิ่นพยักหน้า:”ไม่อย่างนั้นหล่ะ? กลางวันแสกๆ บังคับคุณอยู่กับผมงั้นหรอ?”
…………
สองปีก่อน โรงพยาบาลจงซินเมืองหนานเฉิง
ฟ้ามืดสนิทแล้ว
ฉินซีเดินอยู่ข้างหน้าอย่างว่องไวมาก หน้าตาท่าทางรีบร้อนเพื่อจะสะบัดลู่เซิ่นออกไป แต่ว่ายังไงซะลู่เซิ่น รูปร่างสูงและขายาว ยิ่งไปกว่านั้นมือทั้งคู่ตรึงไว้ในกระเป๋าเดินอย่างชิวๆและสบายๆ ก็ยังตามหลังฉินซีมาติดๆ
ฉินซีอ้อมไปอ้อมมาตั้งหลายรอบ เห็นว่าสะบัดลู่เซิ่น ออกไปไม่ได้ จึงหยุดนิ่ง หันหลังไปพูดกับเขาว่า:”นี่คุณ ฉันพูดแล้วไงคุณไม่ต้องส่งฉัน ทำไมคุณต้องตามหลังฉันด้วย?”
ลู่เซิ่นยักไหล่ ตอบไปแบบว่าแน่นอนอยู่แล้ว:”ผมก็จะออกไป อย่าบอกนะว่าทางที่คุณเดินอยู่ แล้วคนอื่นจะเดินไม่ได้?”
ฉินซีจุกอก พูดอย่างโมโห:”แต่ว่าทางออกมีตั้งเยอะแยะ คุณกำลังตามฉันชัดๆ”
ลู่เซิ่นก็ไม่ได้ปฏิเสธ:” อืม ถูกต้อง ผมตามคุณอยู่นั่นแหละ”
ฉินซีถูกเขาขัดคอจนหมดคำบรรยาย ได้แต่ก้มหน้าเดินไปข้างหน้าต่อไป
ลู่เซิ่นก็เดินตามหลังต่อไปแบบช้าๆและไม่รีบร้อน
ทั้งสองคนคนนึงเดินอยู่ข้างหน้าอีกคนคนเดินอยู่ข้างหลังตั้งครึ่งค่อนวันแล้ว ในที่สุดก็ได้อ้อมมาถึงทางออกโรงพยาบาลเรียบร้อย
ฉินซียืนอยู่ที่หน้าประตู หน้าตาเหมือนโล่งใจมาก:”เอาหล่ะ ถึงหน้าประตูแล้ว รถยนต์คุณรออยู่ที่โน่น ฉันพักอยู่อีกฝั่ง ฉันเดินกลับไปเองก็แล้วกัน”
พูดจบ ไม่รอให้ลู่เซิ่นตอบกลับ ก็หันหลังกลับไปเองเฉยเลย
ลู่เซิ่นรีบพูดออกมาทันทีว่า:”คุณรอเดี๋ยว”
ฉินซีขมวดคิ้วแบบไม่พอใจ แต่ก็ยังหันกลับมา:”มีธุระอะไรอีก?”
ลู่เซิ่นจ้องตาเธออยู่:” คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่า คุณชื่ออะไร?”
ฉินซียักคิ้ว บนหน้าเธอเผยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ออกมา:”บนผลงานของฉันเขียนไว้เรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ”
พูดจบ เหมือนกลัวว่าลู่เซิ่นจะเรียกเธออีก จึงรีบหันหลังเดินไปทันที
เธอเดินออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หันหน้ากลับไปพูดอย่างเข้มงวด:”ไม่ว่ายังไงซะ ขอบคุณที่คุณชื่นชอบผลงานของฉัน และขอบคุณที่คุณส่งฉันมาที่โรงพยาบาล”
พูดจบ เหมือนกับกลัวว่าลู่เซิ่นจะวิ่งตามมาอีก จึงเดินไปไกลๆอย่างว่องไว
ที่ผ่านมาลู่เซิ่นถูกผู้หญิงหลบหนีเหมือนอย่างกับหนีเสือปะจรเข้แบบนี้เป็นครั้งแรก ตั้งนานสองนานสติก็ยังไม่กลับมา ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมและมองดูเธอเดินไปไกลๆ
หลินหยังแอบเดินมาถึงข้างหลัง มองตามสายตาของลู่เซิ่นไป ถามอย่างเสียบเบาว่า:”จะให้ผม…..วิ่งไปตามเธอกลับมาไหม?”
สติลู่เซิ่นเพิ่งจะกลับมา มองดูร่างเงาของฉินซีที่หายไป ส่ายหน้า:”ไม่ต้อง”
หลินหยังประหลาดใจ
ลู่เซิ่นถูกคนอื่นชักสีหน้าใส่ไม่ใช่เหรอ?
ทำไมหน้าตาท่าทางและอารมณ์ถึงยังไม่เลวแบบนี้?
แต่ว่ายังไงซะเขาเป็นแค่ผู้ช่วย ไม่ถามมาก แค่ตอบรับแบบพยักหน้า และเดินไปข้างรถยนต์พร้อมกับลู่เซิ่น เพื่อช่วยเขาเปิดประตู
คนขับรถรีบสตาร์ทรถยนต์ กลับไปถึงโรงแรมของพวกเขาเรียบร้อย
หลังจากไม่กี่นาที จู่ๆลู่เซิ่นก็เอ่ยปากขึ้นมา:”หลินหยังนายไปติดต่อที่หอศิลป์ ฉันจะซื้อผลงาน
หลินหยังรีบเปิดสมุดบันทึกออกมาทันที:” ได้เลยครับ ท่านอยากได้ภาพไหนครับ?”
ที่เขารู้ และที่เข้าร่วมนิทรรศการ มีผลงานของช่างกล้องที่มีชื่อเสียงไม่น้อยเลยทีเดียว
ดูท่าถึงแม้ตอนเย็นผ่านเหตุการณ์ระเบิดมาแล้วก็ตาม แต่ว่าคุณสมบัติของลู่เซิ่นก็ยังไม่ลดลง
คิดไม่ถึงลู่เซิ่นกลับส่ายหน้า:”ไม่ใช่ผลงานผู้มีชื่อเสียงอะไร
อยู่ที่นิทรรศการ’ลม’ที่นั่น ตรงหัวมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ รูปภาพที่เด็กคนนึงเป่าฟองสบู่อยู่
หลินหยังอึ้งกิมกี่ สติกลับมาทันทีทันใด เกรงว่ารูปถ่ายรูปนี้คงจะเกี่ยวข้องกับผู้หญิงเมื่อสักครู่คนนั้น
แต่ว่าเขาไม่พูดมาก แค่ตอบรับไว้
จำไว้ในใจเงียบๆ ตอนที่ซื้อรูปถ่าย จำไว้นะถามข่าวคราวของช่างกล้องให้ละเอียดเลยนะ
…….
ฉินซีประหลาดใจ:”คุณซื้อรูปถ่ายของฉันกลับมาแล้ว?”
ลู่เซิ่นพยักหน้า:”ถูกแล้ว”
ฉินซีลุกขึ้นมาปุ๊บ:”ฉันอยากไปดู”
ลู่เซิ่นกลับส่ายหน้า:”อย่ารีบร้อน คุณบอกกับผมก่อน ผมพูดมาตั้งเยอะตั้งแยะ สมองคุณ มีความทรงจําเท่าไหร่”
ฉินซีลังเลแป๊บนึง ค่อยเอ่ยปาก:”ที่ฉันจำได้ สำหรับเรื่องนี้ ง่ายๆ……ฉันจำได้แค่ฝ่ายผู้จัดส่งบัตรเชิญมาให้กับฉัน พูดว่าผลงานของฉันเข้ารอบแล้ว ตอนนั้นวันหยุดฉันพอดี จึงไปดูนิทรรศการอะไรนั่นที่เมืองหนานเฉิง สำหรับคดีระเบิดที่คุณว่า ฉันจำไม่ได้เลยสักนิด”
เธอพูดถึงตอนท้ายสุด น้ำเสียงก็เศร้าขึ้นมา
แต่ว่าลู่เซิ่นยื่นมือไปนวดศีรษะของเธอ:” ไม่เป็นไร ไม่ใช่ว่าจะตำหนิคุณ ผมแค่บอกกับคุณเอง”