บทที่ 1071 เป็นคนดี
ฉินซีดีใจ เธอเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
แม้ทุกอย่างเป็นไปตามคาด แต่เมื่อฝันเป็นจริง เธออดตื่นเต้นไม่ได้
เหล่าบรรดาผู้ชมที่ส่งเสียงดังไร้ปฏิกิริยาแต่อย่างใด ผลลัพธ์นั้นต่างคนต่างคาดเดาได้อยู่แล้ว
จ้าวจิ้งยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม เธอเพียงหันกลับไป ส่งสายตาให้กับฉินซี
เห้อเสียงราวถูกฟ้าผ่า นิ่งแข็งทื่ออยู่กับที่
หลังผู้พิพากษาตัดสิน การพิจารณาคดีสิ้นสุดลง บรรดาผู้ชมต่างเดินออกจากชั้นศาล เห้อเสียงยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ กระทั่งเจ้าหน้าที่เอ่ยเรียก : “ไปได้แล้ว ไปกันหมดแล้วยืนนิ่งอะไรอยู่ ไปดำเนินเอกสารซะ!”
เห้อเสียงหลุดออกจากพวัง พร้อมแหงนหน้าขึ้นอย่างงุนงง
เขาจับจ้องไปทางฉินซี พร้อมปริปากเบาๆ เสมือนต้องการเอ่ยอะไรสักอย่าง หากแต่เจ้าหน้าที่ไร้ความอดทน เร่งผลักเขาออกจากห้องด้วยมือข้างเดียว
ฉินซีเผยรอยยิ้มหวาน พร้อมเดินออกจากห้อง ด้านนอก จ้าวจิ้งยืนรอเธออยู่ก่อนแล้ว
ฉินซียกนิ้วหัวแม่มือไปทางจ้าวจิ้ง: “เก่งมาก!”
จ้าวจิ้งสับเปลี่ยนสีหน้าที่นิ่งสงบของทนาย พร้อมจับมือฉินซีขึ้นกุม : “อันที่จริงนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันว่าความด้วยตัวคนเดียว เมื่อก่อนฉันต้องมีทนายของบริษัทลู่ช่วยเหลือเสมอ! ยังดี ที่ชนะมาได้!”
ฉินซีฉีกยิ้มพร้อมตบบ่าเธอเบาๆ: “อย่างนั้นเธอก็เก่งกว่าเดิมสิ เดี๋ยวเราออกไปด้วยกัน ฉันเลี้ยงเธอเอง!”
จ้าวจิ้งพยักหน้า ด้วยความกันเอง : “ได้ แต่เรารอเห้อเสียงหน่อยเถอะ”
ฉินซีรับคำ
จ้าวจิ้งเอ่ยถามขึ้นกะทันหัน : “เมื่อกี้ที่เปิดเสียงที่อัดเอาไว้ คนนั้น…..มีปฏิกิริยาอะไรไหม?”
ฉินซีพยักหน้า : “อย่างที่ฉันเคยบอก เป็นไปตามคาด”
จ้าวจิ้งถอนหายใจอย่างโล่งอก : “ก็ดี! แล้วหลังจากนี้…..เธอเอาไงต่อ?”
ฉินซีหัวเราะออกมา : “รอผลการตัดสินคดีของเห้อเสียงออกมา ฉันจะปล่อยข่าว ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคดีคือฉินซึ่งเทียน เมื่อทุกคนสนใจในคดีนี้ พวกเขาก็จะไปขุดหาสาเหตุของการเลือกเห้อเสียงเป็นแพะรับบาปเอง ถึงตอนนั้น ฉินซึ่งเทียนจะไม่เหลือชื่อเสียงอะไรอีก ไม่มีคนเชื่อในคำลวงของเขาอีก ถึงตอนนั้นค่อยเปิดเผยเรื่องของเหยาหมิ่น”
จ้าวจิ้งพยักหน้าด้วยความตะลึง : “เช่นนั้น…..”
ขณะที่ทั้งคู่หารือ เสียงฝีเท้าดังขึ้นในอีกทางหนึ่ง
เมื่อหันกลับไปมอง เป็นเห้อเสียงที่เดินเข้ามา
เจ้าหน้าที่จำจ้าวจิ้งที่เป็นที่ปรึกษาของเห้อเสียงได้ เมื่อเห็นพวกเขายืนรออยู่ เขารู้ได้ทันทีพวกเขามีเรื่องจะหาลือกัน เขาพยักหน้าเป็นการทักทาย ก่อนเดินจากไป
“พวกเธอ…..” น้ำเสียงเห้อเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “พวกเธอคิดจะให้ผมเป็นผู้บริสุทธิ์แต่แรก?”
จ้าวจิ้งที่คิดจะเอ่ย ถูกฉินซีห้ามปราม
“ก็แค่หลักฐานที่มีอยู่ชี้ว่าคุณเป็นผู้บริสุทธิ์เท่านั้น” ฉินซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากคุณคิดถึงชีวิตในเรือนจำ พรุ่งนี้ฉันจะได้ใช้สิทธิ์การถูกละเมิดให้คุณเข้าไปอยู่ในนั้นอีกสักพัก”
เห้อเสียงเบิกตากว้าง : “อย่า!ไม่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…..”
ฉินซียิ้มเยาะ : “คุณคิดจริงๆหรือ ว่าคุณเป็นผู้บริสุทธิ์?”
เห้อเสียงปิดปากเงียบด้วยความงุนงง
“คุณปิดบังอะไรไว้ อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้” ฉินซีหันขวับด้วยความเย็นชา “การให้คุณเป็นผู้บริสุทธิ์ง่ายกว่าลดโทษ ฉันถึงให้ทนายทำเช่นนั้น”
เห้อเสียงอดกลั้นอยู่นาน ด้วยความหวาดหวั่นกังวล : “ขอบคุณจริงๆ…..ผมแค่อยากจะมาขอบคุณ…..”
จ้าวจิ้งทำตาขาวใส่อย่างเยาะเย้ย
คนอย่างเห้อเสียงนี่มันตอแหลหน้าตาเฉยเสียจริง
ปฏิกิริยาที่เดินเข้ามาเมื่อครู่เขาต้องการว่ากล่าวถือโทษเห็นๆ เมื่อถูกฉินซีตักเตือนกลับลมเปลี่ยนทิศอย่างไว
หลังอ้ำอึ้งอยู่นานกว่าเอ่ยจบประโยค ฉินซีขัดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย “เอาล่ะ ตอนนี้คุณไม่เป็นอะไรแล้ว พวกเรา…..”
“รอเดี๋ยว!” เมื่อเห้อเสียงเห็นทีท่าเร่งรีบของเธอ เขาเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “คุณ…..:รู้อะไรอีกไหม?”
เขากวาดสายตาไปทั่วอย่างกังวล
ในตอนแรกหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้อยู่ในสายตาเขาแม้แต่น้อย ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดใช้ทนาย เพียงแต่เขาเคยถูกหักหลังมาแล้วครั้งหนึ่ง ไร้ความเชื่อมั่นต่อทนายอีก จึงไม่กล้างัดหลักฐานของตนที่มีอยู่ เกรงว่าเป็นคนของฉินซึ่งเทียนอีก ฉะนั้นพยายามอยู่หลายหนแต่กลับไร้ผลลัพธ์ใดๆ
ในตอนนั้นเขาไม่เชื่อ ฉินซีและจ้าวจิ้งอ่านเกมส์ไม่ออก จะทำสำเร็จได้อย่างไร
แต่สถานการณ์ตรงหน้า ได้พิสูจน์แล้ว พวกเธอมีความสามารถ
เขาจึงไม่กล้าดูแคลนพวกเธออีก ไม่กล้าสงสัยในตัวฉินซีอีก
เธอบอกว่าเธอมีหลักฐาน หลักฐานอะไรกันแน่…..
เห้อเสียงที่ไร้ความเชื่อมั่นอยู่แล้ว เขารู้ดีธุรกิจตนนั้นไม่ถือว่าขาวสะอาดจริงๆนั่นแหละ หากตรวจสอบจริงจังขึ้นมา คงได้อะไรไม่น้อย
ในเวลานี้เขาอยากรู้ใจจะขาด ฉินซีกุมอะไรไว้ในมือกันแน่
แต่ชัดเจนนัก ฉินซีไม่ต้องการให้ตัวเขาได้ล่วงรู้
“คุณทำอะไรไว้บ้าง ไม่รู้หรือไง?” ฉินซีหัวเราะอย่างเย็นชา “คราวนี้คุณรอดมาได้ เป็นความโชคดีของคุณ คราวหน้าหากคุณยังทำแบบนั้นอีก ฉันไม่รับรองว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
เห้อเสียงยันตัวลุกขึ้นยืนตรง : “ผมสัญญา ต่อจากนี้ผมจะไม่หน้ามืดตามัวทำอะไรแบบนั้นอีก!”
ฉินซีไม่ตอบรับคำใดๆ เธอลากจ้าวจิ้งเดินหายลับตาไปอีกทาง!
ฉินซีเปลี่ยนสีหน้าเย็นชาเมื่อครู่ ส่งเสียงหัวเราะให้กับจ้าวจิ้ง : “ฉันไม่รู้อะไรเลย”
“อ้าว!” จ้าวจิ้งส่งเสียงอย่างตะลึง : “เพราะงั้นเมื่อกี้เธอแค่…..?”
“ฉันหลอกเขา” ฉินซีเอ่ยแทนเธอจนจบประโยค “คนอย่างเห้อเสียง เจ้าเล่ห์หลอกลวง ธุรกิจของเขาไม่มีทางขาวสะอาดอยู่แล้ว ดูก็รู้ การได้รู้จักฉินซึ่งเทียนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ผู้ที่เดินริมน้ำรองเท้าจะไม่เปียกได้อย่างไร”
จ้าวจิ้งพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
ฉินซีเสริมต่อ : “แม้บทสนทนาในเทปดูเหมือนว่าเขาไม่รู้เรื่องกับแผนการของฉินซึ่งเทียน แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาเสแสร้งหรือไม่ ที่เขาทำเช่นนี้ เพราะสิ่งที่จะได้รับ จากคำมั่นสัญญาของฉินซึ่งเทียน”
จ้าวจิ้งประหลาดใจ : “ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงตัดสินใจให้เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”
ฉินซีหัวเราะ : “ฉันบอกไปแล้วนี่ เทียบกับแผนการเมื่อครู่ที่ตัดสินให้เขามีความผิด เธอลองคิดดู ให้เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ง่ายกว่าหรือ”
จ้าวจิ้งไตร่ตรอง ก่อนพยักหน้า
ฉินซีตบบ่าเธอ : “เช่นนั้น สู้แบบนี้ แม้เขาจะถูกปล่อยตัว แต่เขากลับรู้สึก มีมีดเล่มหนึ่งในมือฉันที่สามารถแทงเขาได้ตลอดเวลา สู้กับคนอย่างเขา ต้องใช้วิธีนี้ ให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยตลอดเวลา เขาถึงได้ยอมใช้ชีวิตอย่างสงบ”