บทที่ 1079 คลุมเครือ
เครือข่ายของตระกูลลู่ที่ศุลกากร จะทำการรวบตัวฉินซึ่งเทียนทันที ไม่ให้เขาไปไหนได้
ส่วนการหลบหนีของเขา จะทำให้ตำรวจมองเขาไปในทางลบ
ยังไงซะหากไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องหลบหนี
ส่วนนักข่าวจะเร่งรัดอย่างหนัก
แต่ตระกูลฉินในตอนนี้ รับมือกับข่าวฉาวไม่ไหวอีกต่อไป
ฉินซีเมตตากรุณาถึงที่สุดแล้ว ไม่ได้โกหก
แม้ไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่เธอได้เตือนหลี่เหวยแล้ว อยู่อย่างสงบ
นี่เป็นความกรุณาที่สุด ในจุดที่เธอยืนอยู่
แต่หากหลี่เหวยไม่เข้าใจ หรือยังดื้อด้านคิดหนี นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉินซีสามารถควบคุมได้
โทรศัพท์สั่นสะเทือนอีกครั้ง เป็นอานหยันที่โทรกลับมา
“ฉันสั่งคนสะกดรอยตามแล้ว” เสียงอานหยันดังขึ้น อย่างได้ใจ “ถ้าถ่ายได้อะไร จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่! ถึงตอนนั้นเผยแพร่ภาพพร้อมข้อมูลของเธอ ต้องสั่นสะเทือนแน่นอน”
ฉินซีหัวเราะ เธอสงบนิ่งกว่าอานหยันหลายเท่าตัว
“พรุ่งนี้หลังแถลงข่าวเธอคิดจะเอาไงต่อ? “ หลังอานหยันตื่นเต้นกับข่าวใหญ่ที่กำลังถูกเปิดโปง ถึงนึกเรื่องราวที่เธอและฉินซีคุยกันก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้
“ไม่เอาไง” ฉินซีตอบ
“เอ๋?” อานหยันฉงน “หยุดอยู่แค่นี้?”
ฉินซีพยักหน้า : “หลังจบการแถลงข่าวพรุ่งนี้ ความจริงเกี่ยวกับเหยาหมิ่นก็จะถูกเปิดเผย ส่วนชื่อเสียงของฉินซึ่งเทียนและหลี่เหวย ก็จะจบสิ้น ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกแล้ว”
“แต่เธอพูดเองนี่ บริษัทฉินใกล้ล้มละลายแล้ว” อานหยันเอ่ยอย่างร้อนรน “เธอแค้ต้องจุดไฟนิดหน่อย หรือไม่ก็ให้ตระกูลลู่จัดการ บริษัทก็ล้มละลายแล้ว!”
ฉินซีเผยรอยยิ้ม : “อานหยัน ฉันเข้าใจดี แต่ไหนแต่ไร คนที่ฉันเกลียด คนที่ฉันอยากแก้แค้น คือฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวย ไม่เกี่ยวกับคนของบริษัทฉิน ก่อนหน้านี้ที่ฉันต้องการเล่นงานบริษัทฉิน เพราะฉินซึ่งเทียนมีบริษัทฉินสนับสนุน แต่หากบริษัทฉินไร้ความเกี่ยวข้องกับฉินซึ่งเทียน งั้นก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว”
อานหยันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ : “เธอ…..คิดดีแล้วก็ดี สิ่งที่ฉันทำได้ คือจับตามองคนตระกูลฉิน พรุ่งนี้ปล่อยข่าวตามเวลาที่เธอกำหนด”
ฉินซีหัวเราะ : “อืม! พรุ่งนี้เธอไม่มีเวลาพักแน่!”
ทันใดนั้นอะไรบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวอานหยัน : “เธอแถลงข่าว ต้องการให้ฉันช่วยเตรียมอะไรไหม?”
ฉินซีส่ายหน้า : “ลู่เซิ่นมีกรมประชาสัมพันธ์ ฉันติดต่อกับเขาก็พอ”
อานหยันหัวเราะแกมเย้าแหย่ : “แต่งเข้าตระกูลผู้ดีสูงศักดิ์ดีจังเลยนะ”
ฉินซีไม่สนใจประโยคเย้าแหย่
ทั้งคู่คุยเล่นอีกหลายประโยค อานหยันติดธุระ จึงตัดสายทิ้งไป
ฉินซีวางโทรศัพท์ลง เธอเปิดคอมพิวเตอร์เตรียมงานแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ ไม่คาดคิด คอมพิวเตอร์เพียงแค่พักจอเท่านั้น เธอเปิดหน้าจอขึ้น ปรากฏภาพบนเครื่องคอม
เมื่อวันก่อนที่เธอไปฟังคำตัดสิน เธอตัดแต่งรูปภาพ หวังเปิดงานนิทรรศการ
แต่ไปฟังคำตัดสินเท่านั้น ทุกอย่างกลับเลื่อนกำหนดการออกไป
ฉินซีส่ายหน้า กดปุ่มปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
เวลาที่เธอนัดกับสตูดิโออีกนาน ไม่รีบในเวลานี้
อย่างน้อยเคลียร์เรื่องฉินซึ่งเทียนให้จบก่อน ค่อยไตร่ตรองอีกที ไม่ถือว่าสายเกินไป
ก่อนนอนเมื่อคืนนี้ ลู่เซิ่นให้เบอร์ติดต่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทลู่ เขาอยู่เมืองหนานไม่สามารถดูแลงานที่นี่ได้ ฉินซีไม่รบกวนเขา เธอส่งอีเมลให้ประชาสัมพันธ์ของบริษัทลู่เอง
เธอเขียนความต้องการของเธออย่างเรียบง่าย
ตอนนี้เวลาบ่ายกว่า ไม่ใช่เวลางาน เธอจึงไม่ได้ข้อความตอบกลับในทันที เธอจึงปิดคอมนอนพักผ่อน
เธอไปหาหมอจิตแพทย์เมื่อเช้า เหนื่อยล้านัก
ไม่คาดคิด เธอเพิ่งล้มตัวลงบนเตียง เสียงโทรศัพท์ส่งเสียงดังรบกวน
ฉินซีกดรับสาย ฝ่ายตรงข้ามเป็นหญิงสาวเสียงหวาน : “ใช่คุณฉินไหมคะ? จากประชาสัมพันธ์LQ เมื่อครู่เราได้รับเมลของคุณ เราต้องการขอทบทวนรายละเอียด ไม่ทราบว่าว่างช่วงไหนคะ?”
ฉินซีผุดลุกขึ้นนั่ง : “ตอนนี้ ว่ามาเลย”
“ค่ะ” ปลายสายเอ่ยอย่างชำนาญ “คุณต้องการจัดงานแถลงข่าวใช่ไหมคะ? มีความต้องการอะไรเกี่ยวกับสถานที่หรือไม่?”
ปลายสายเอ่ยด้วยความเชี่ยวชาญ คำถามเหล่านี้ฉินซีไม่ทันได้คิดรายละเอียด เมื่อจบคำฉินซี ปลายสายทบทวนคร่าวๆ เพื่อยืนยันกับฉินซี
หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง ฉินซีนึกขึ้นในใจ สมแล้วที่เป็นบริษัทที่ร่วมงานกับบริษัทลู่มาแต่ช้านาน เชี่ยวชาญจนไร้ที่ติ
ขณะที่เธอเตรียมกดวางสาย ปลายสายกลับเอ่ยขึ้น
“คุณฉิน ฉันมีคำถามค่อนข้างส่วนตัวจะถามคุณ” ปลายสายยังคงเอ่ยด้วยเสียงหวาน “หากคุณไม่สะดวก จะไม่ตอบก็ได้”
ฉินซีขมวดคิ้วอย่างฉงน ก่อนเอ่ยตอบ : “คุณลองถามมาสิ”
“คุณกับประธานลู่…..เป็นอะไรกัน” ปลายสายลังเล เมื่อเอ่ยถามออกไป เธอรีบอธิบายอย่างเร่งด่วน “คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันไม่ได้สอดรู้สอดเห็น เพียงแค่เราต้องการข้อมูลของลูกค้าเพื่อเตรียมการต่อไป งานนี้ ประธานลู่กำชับเราด้วยตัวเขาเองอยู่ก่อนแล้ว จึง…..”
ฉินซีขัดขึ้น : “ไม่เป็นไร ฉันตอบได้”
“ขอบคุณค่ะ!” ปลายสายถอนหายใจอย่างโล่งอก “ทางเรา เกรงว่าคุณจะเข้าใจผิด”
“ฉันกับลู่เซิ่น…..เป็น” ฉินซีเอ่ยตอบอย่างมุ่งมั่นแท้ๆ แต่กลับติดขัดพูดไม่ออก
เธอกับลู่เซิ่น เป็นอะไรกัน?
สามีภรรยา? ไม่สิ พวกเขาหย่ากันแล้ว
แฟน เหมือนจะใช่ แต่ก็เหมือนว่าไม่ใช่
พวกเขาเหมือนคู่บ่าวสาวที่ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน บางครั้งเกินเลยไปมากกว่านั้น แต่สุดท้ายกลับไม่มีใครข้ามเส้นนี้ไปได้
ขาดคำสารภาพสุดท้าย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงไร้ข้อกำหนด
บางทีผู้หญิงทั้งโลกก็คงอยากได้ยิน ‘ฉันชอบเธอ เราคบกันเถอะ’ เหมือนกันหมด
ต่อให้เป็นฉินซี ก็ไร้ข้อยกเว้น
ฉะนั้นในตอนนี้ ไม่สามารถตอบได้ว่าพวกเขาเป็นอะไรกัน
เธอเงียบอยู่นาน ปลายสายไม่รีบร้อน เพียงรอสายอย่างเงียบเฉียบ
“ฉันกับลู่เซิ่นเป็น…..เพื่อน” ฉินซีลังเลอยู่นาน ก่อนตัดสินใจเลือก “เพื่อน” เป็นคำตอบที่คลุมเครือ
ประชาสัมพันธ์มีความเป็นมืออาชีพสูง เธอรอฉินซีอยู่นานเพื่อรอฟังคำตอบ เธอไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลันเอ่ยเสียงหวานเช่นเคย : “ค่ะ ทางเราจะเตรียมการตามความประสงค์ของคุณ”