Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1079

ตอนที่ 1079

บทที่ 1079 คลุมเครือ

เครือข่ายของตระกูลลู่ที่ศุลกากร จะทำการรวบตัวฉินซึ่งเทียนทันที ไม่ให้เขาไปไหนได้

ส่วนการหลบหนีของเขา จะทำให้ตำรวจมองเขาไปในทางลบ

ยังไงซะหากไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องหลบหนี

ส่วนนักข่าวจะเร่งรัดอย่างหนัก

แต่ตระกูลฉินในตอนนี้ รับมือกับข่าวฉาวไม่ไหวอีกต่อไป

ฉินซีเมตตากรุณาถึงที่สุดแล้ว ไม่ได้โกหก

แม้ไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่เธอได้เตือนหลี่เหวยแล้ว อยู่อย่างสงบ

นี่เป็นความกรุณาที่สุด ในจุดที่เธอยืนอยู่

แต่หากหลี่เหวยไม่เข้าใจ หรือยังดื้อด้านคิดหนี นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉินซีสามารถควบคุมได้

โทรศัพท์สั่นสะเทือนอีกครั้ง เป็นอานหยันที่โทรกลับมา

“ฉันสั่งคนสะกดรอยตามแล้ว” เสียงอานหยันดังขึ้น อย่างได้ใจ “ถ้าถ่ายได้อะไร จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่! ถึงตอนนั้นเผยแพร่ภาพพร้อมข้อมูลของเธอ ต้องสั่นสะเทือนแน่นอน”

ฉินซีหัวเราะ เธอสงบนิ่งกว่าอานหยันหลายเท่าตัว

“พรุ่งนี้หลังแถลงข่าวเธอคิดจะเอาไงต่อ? “ หลังอานหยันตื่นเต้นกับข่าวใหญ่ที่กำลังถูกเปิดโปง ถึงนึกเรื่องราวที่เธอและฉินซีคุยกันก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้

“ไม่เอาไง” ฉินซีตอบ

“เอ๋?” อานหยันฉงน “หยุดอยู่แค่นี้?”

ฉินซีพยักหน้า : “หลังจบการแถลงข่าวพรุ่งนี้ ความจริงเกี่ยวกับเหยาหมิ่นก็จะถูกเปิดเผย ส่วนชื่อเสียงของฉินซึ่งเทียนและหลี่เหวย ก็จะจบสิ้น ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกแล้ว”

“แต่เธอพูดเองนี่ บริษัทฉินใกล้ล้มละลายแล้ว” อานหยันเอ่ยอย่างร้อนรน “เธอแค้ต้องจุดไฟนิดหน่อย หรือไม่ก็ให้ตระกูลลู่จัดการ บริษัทก็ล้มละลายแล้ว!”

ฉินซีเผยรอยยิ้ม : “อานหยัน ฉันเข้าใจดี แต่ไหนแต่ไร คนที่ฉันเกลียด คนที่ฉันอยากแก้แค้น คือฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวย ไม่เกี่ยวกับคนของบริษัทฉิน ก่อนหน้านี้ที่ฉันต้องการเล่นงานบริษัทฉิน เพราะฉินซึ่งเทียนมีบริษัทฉินสนับสนุน แต่หากบริษัทฉินไร้ความเกี่ยวข้องกับฉินซึ่งเทียน งั้นก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว”

อานหยันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ : “เธอ…..คิดดีแล้วก็ดี สิ่งที่ฉันทำได้ คือจับตามองคนตระกูลฉิน พรุ่งนี้ปล่อยข่าวตามเวลาที่เธอกำหนด”

ฉินซีหัวเราะ : “อืม! พรุ่งนี้เธอไม่มีเวลาพักแน่!”

ทันใดนั้นอะไรบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวอานหยัน : “เธอแถลงข่าว ต้องการให้ฉันช่วยเตรียมอะไรไหม?”

ฉินซีส่ายหน้า : “ลู่เซิ่นมีกรมประชาสัมพันธ์ ฉันติดต่อกับเขาก็พอ”

อานหยันหัวเราะแกมเย้าแหย่ : “แต่งเข้าตระกูลผู้ดีสูงศักดิ์ดีจังเลยนะ”

ฉินซีไม่สนใจประโยคเย้าแหย่

ทั้งคู่คุยเล่นอีกหลายประโยค อานหยันติดธุระ จึงตัดสายทิ้งไป

ฉินซีวางโทรศัพท์ลง เธอเปิดคอมพิวเตอร์เตรียมงานแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ ไม่คาดคิด คอมพิวเตอร์เพียงแค่พักจอเท่านั้น เธอเปิดหน้าจอขึ้น ปรากฏภาพบนเครื่องคอม

เมื่อวันก่อนที่เธอไปฟังคำตัดสิน เธอตัดแต่งรูปภาพ หวังเปิดงานนิทรรศการ

แต่ไปฟังคำตัดสินเท่านั้น ทุกอย่างกลับเลื่อนกำหนดการออกไป

ฉินซีส่ายหน้า กดปุ่มปิดเครื่องคอมพิวเตอร์

เวลาที่เธอนัดกับสตูดิโออีกนาน ไม่รีบในเวลานี้

อย่างน้อยเคลียร์เรื่องฉินซึ่งเทียนให้จบก่อน ค่อยไตร่ตรองอีกที ไม่ถือว่าสายเกินไป

ก่อนนอนเมื่อคืนนี้ ลู่เซิ่นให้เบอร์ติดต่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทลู่ เขาอยู่เมืองหนานไม่สามารถดูแลงานที่นี่ได้ ฉินซีไม่รบกวนเขา เธอส่งอีเมลให้ประชาสัมพันธ์ของบริษัทลู่เอง

เธอเขียนความต้องการของเธออย่างเรียบง่าย

ตอนนี้เวลาบ่ายกว่า ไม่ใช่เวลางาน เธอจึงไม่ได้ข้อความตอบกลับในทันที เธอจึงปิดคอมนอนพักผ่อน

เธอไปหาหมอจิตแพทย์เมื่อเช้า เหนื่อยล้านัก

ไม่คาดคิด เธอเพิ่งล้มตัวลงบนเตียง เสียงโทรศัพท์ส่งเสียงดังรบกวน

ฉินซีกดรับสาย ฝ่ายตรงข้ามเป็นหญิงสาวเสียงหวาน : “ใช่คุณฉินไหมคะ? จากประชาสัมพันธ์LQ เมื่อครู่เราได้รับเมลของคุณ เราต้องการขอทบทวนรายละเอียด ไม่ทราบว่าว่างช่วงไหนคะ?”

ฉินซีผุดลุกขึ้นนั่ง : “ตอนนี้ ว่ามาเลย”

“ค่ะ” ปลายสายเอ่ยอย่างชำนาญ “คุณต้องการจัดงานแถลงข่าวใช่ไหมคะ? มีความต้องการอะไรเกี่ยวกับสถานที่หรือไม่?”

ปลายสายเอ่ยด้วยความเชี่ยวชาญ คำถามเหล่านี้ฉินซีไม่ทันได้คิดรายละเอียด เมื่อจบคำฉินซี ปลายสายทบทวนคร่าวๆ เพื่อยืนยันกับฉินซี

หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง ฉินซีนึกขึ้นในใจ สมแล้วที่เป็นบริษัทที่ร่วมงานกับบริษัทลู่มาแต่ช้านาน เชี่ยวชาญจนไร้ที่ติ

ขณะที่เธอเตรียมกดวางสาย ปลายสายกลับเอ่ยขึ้น

“คุณฉิน ฉันมีคำถามค่อนข้างส่วนตัวจะถามคุณ” ปลายสายยังคงเอ่ยด้วยเสียงหวาน “หากคุณไม่สะดวก จะไม่ตอบก็ได้”

ฉินซีขมวดคิ้วอย่างฉงน ก่อนเอ่ยตอบ : “คุณลองถามมาสิ”

“คุณกับประธานลู่…..เป็นอะไรกัน” ปลายสายลังเล เมื่อเอ่ยถามออกไป เธอรีบอธิบายอย่างเร่งด่วน “คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันไม่ได้สอดรู้สอดเห็น เพียงแค่เราต้องการข้อมูลของลูกค้าเพื่อเตรียมการต่อไป งานนี้ ประธานลู่กำชับเราด้วยตัวเขาเองอยู่ก่อนแล้ว จึง…..”

ฉินซีขัดขึ้น : “ไม่เป็นไร ฉันตอบได้”

“ขอบคุณค่ะ!” ปลายสายถอนหายใจอย่างโล่งอก “ทางเรา เกรงว่าคุณจะเข้าใจผิด”

“ฉันกับลู่เซิ่น…..เป็น” ฉินซีเอ่ยตอบอย่างมุ่งมั่นแท้ๆ แต่กลับติดขัดพูดไม่ออก

เธอกับลู่เซิ่น เป็นอะไรกัน?

สามีภรรยา? ไม่สิ พวกเขาหย่ากันแล้ว

แฟน เหมือนจะใช่ แต่ก็เหมือนว่าไม่ใช่

พวกเขาเหมือนคู่บ่าวสาวที่ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน บางครั้งเกินเลยไปมากกว่านั้น แต่สุดท้ายกลับไม่มีใครข้ามเส้นนี้ไปได้

ขาดคำสารภาพสุดท้าย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงไร้ข้อกำหนด

บางทีผู้หญิงทั้งโลกก็คงอยากได้ยิน ‘ฉันชอบเธอ เราคบกันเถอะ’ เหมือนกันหมด

ต่อให้เป็นฉินซี ก็ไร้ข้อยกเว้น

ฉะนั้นในตอนนี้ ไม่สามารถตอบได้ว่าพวกเขาเป็นอะไรกัน

เธอเงียบอยู่นาน ปลายสายไม่รีบร้อน เพียงรอสายอย่างเงียบเฉียบ

“ฉันกับลู่เซิ่นเป็น…..เพื่อน” ฉินซีลังเลอยู่นาน ก่อนตัดสินใจเลือก “เพื่อน” เป็นคำตอบที่คลุมเครือ

ประชาสัมพันธ์มีความเป็นมืออาชีพสูง เธอรอฉินซีอยู่นานเพื่อรอฟังคำตอบ เธอไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลันเอ่ยเสียงหวานเช่นเคย : “ค่ะ ทางเราจะเตรียมการตามความประสงค์ของคุณ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท