Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1083

ตอนที่ 1083

บทที่ 1083 ไม่เห็นด้วย

แต่ความคิดเห็นของฉินซีและคนในบริษัทประชาสัมพันธ์มีความแตกต่างกัน

“ฉันรู้ว่าเจตนาของพวกคุณคืออะไร” ฉินซีถือเสื้อผ้าที่ PR เตรียมไว้ และมองประเมินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางทิ้งไว้ “ถ้าฉันปรากฏตัวในฐานะเหยื่อที่อ่อนแอ ฉันจะได้รับความเห็นใจมากกว่า และจะได้รับคะแนนสงสารจากทุกคนในเวลาอันสั้น”

เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่ได้รับเชิญมาพยักหน้าทันที “ใช่กระโปรงสีดำตัวนี้สามารถลดความแรงของคุณได้มากที่สุด …”

“แต่” ฉินซีพูดขัดจังหวะ “ฉันไม่ต้องการความสงสาร และความเห็นใจแบบนี้”

นักออกแบบเครื่องแต่งกายพูดไม่ออก และมองไปที่ประชาสัมพันธ์สาว ราวกับขอความช่วยเหลือ

พนักงานประชาสัมพันธ์คนนี้ เป็นคนในสายที่มีเสียงหวานเมื่อวาน ซึ่งมีชื่อว่าถังย่าเธอดูเด็ก และมีน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่เธอทำสิ่งต่างๆอย่างรวดเร็ว และคล่องแคล่ว

ถังย่าจับไหล่ของผู้แต่งตัว และเดินไปตรงหน้าของฉินซี “คุณฉินซี งั้นคุณบอกมาสิคะ ว่าคุณต้องการอะไร”

ฉินซีเหลือบมองไปที่พนักงานโดยรอบ และหันไปมองถังย่า“ฉินซึ่งเทียนมาถึงจุดนี้ได้ ฉันไม่ได้บอกว่ามันเป็นเครดิตของฉันเองทั้งหมด แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอ นอนรอผลลัพธ์ ฉันรู้ว่าความตั้งใจ และจุดประสงค์ของคุณนั้นดี และฉันรู้ว่าแผนของคุณสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้ แต่ฉันขอโทษนี่ไม่ใช่ฉัน”

ถังย่าครุ่นคิดอยู่สองสามวินาที จากนั้นพยักหน้าทันที “ฉันเข้าใจแล้ว”

ฉินซีจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ “คุณเข้าใจแล้วหรอ”

ถังย่าพยักหน้ายืนยัน “ฉันจะทำให้คุณพอใจ”

หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็พาช่างแต่งหน้า และช่างแต่งกายออกไปพูดคุยข้างๆ ฉินซียังคงเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ไปฟังด้วย

ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งสองก็พยักหน้า และเดินกลับไปที่ฉินซี

“คุณน่าจะมีชุด power suit ใช่ไหม” ช่างแต่งกายถาม

ฉินซีพยักหน้า “ใช่”

ช่างแต่งกายถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ต้องรีบกลับไปเอามาให้คุณแล้ว คุณใส่แค่นี้ก็พอ ส่วนข้างในฉันจัดการเอง”

จากนั้นช่างแต่งหน้าก็เอารองพื้นสีขาว และหยิบลิปสติกสีแดงออกมาจากกระเป๋า

ฉินซีมองไปที่มัน และถังย่าก็รู้ว่าเธอหมายถึงอะไรทันที

ดังนั้นจึงไม่มีการซักถาม ก่อนจะก้าวเดินไปที่กระจกแต่งหน้า

ความคิดเห็นของสาธารณชนในตอนเช้าอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายประชาสัมพันธ์ โดยถังย่าอยู่ข้างเธอเพื่อออกอากาศตลอดเวลา อานหยันจึงไม่จำเป็นต้องส่งข่าวสารตลอดเวลา

งานแถลงข่าวจัดขึ้นในโรงแรมชื่อดังในเมือง A อานหยันรีบทำงานที่อยู่ในมือให้เสร็จ และรีบไปที่ห้องรอแถลงข่าวของโรงแรมแต่เนิ่นๆ

ฉินซีถังย่าและกลุ่มเจ้าหน้าที่มาถึงแล้ว

ถังย่าคอยโทร และส่งข้อความเพื่อยืนยันการเข้ามาของผู้สื่อข่าวด้านหน้า และสถานการณ์แสดงความคิดเห็นของสาธารณชนบนอินเทอร์เน็ต เธอมีกลุ่มทำงานที่กระจายอยู่รอบๆโรงแรม ซึ่งเป็นคนเก็บข้อมูลทั้งหมด

ฉินซีนั่งอยู่บนเก้าอี้ จิบกาแฟ และมองออกไปที่หนึ่งอย่างล่องลอย

อานหยันเดินมาหาเธอ แล้วตบบ่า

ฉินซีถึงเพิ่งได้สติกลับมา เงยหน้ามองเธอ “มาแล้วหรอ”

อานหยันพยักหน้า ดึงเก้าอี้ข้างๆเธอแล้วนั่งลง “จ้าวจิ้งไม่มาหรอ”

“เธอไปรับเห้อเสียง อีกสักพักคงถึง” ฉินซีตอบ

อานหยันลังเลอยู่พักหนึ่ง และยังบอกกับฉินซีว่า “ตระกูลฉิน ประกันตัวฉินซึ่งเทียนออกไปแล้ว”

ฉินซีกลับไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด เธอแค่พยักหน้าเบาๆ

คนอย่างเธอหาได้ยาก จนอานหยันไม่รู้จะพูดอะไรดี โชคดีที่ไม่นานถังย่าก็พาจ้าวจิ้งกับเห้อเสียงเข้ามา หัวข้อสนทนาจึงกลับมาพูดถึงเรื่องประเด็นหลักของการแถลงข่าวอีกครั้ง

โชคดีที่ทั้งจ้าวจิ้งและเห้อเสียงเป็นคนที่ผ่านโลกมาหมดแล้ว จึงไม่มีอุปสรรคทางจิตใจ พวกเขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่มีท่าทีลำบากใจ

ฉินซีเงยหน้าขึ้นมอง และฟังอย่างตั้งใจ แต่ตามความเข้าใจของอานหยัน เธอรู้สึกว่าสมาธิของฉินซีไม่ได้อยู่ที่ถังย่า

เธอถอนหายใจเล็กน้อย และเปิดโทรศัพท์อีกครั้ง

ข่าวบน Weibo ล้วนเกี่ยวข้องกับตระกูลฉิน ภายใต้ข่าวที่ฉินซึ่งเทียนได้รับการประกันตัวเพื่อรอการพิจารณาคดีนั้น ทุกคนต่างด่าว่าเขาสารเลว ส่วนในงานแถลงข่าวของฉินซีก็ได้รับการสนับสนุน และยังมีคำถามเกี่ยวกับเธออยู่ประปราย แน่นอนว่านักข่าวไม่ปล่อยประเด็นสำคัญไป คนที่ได้โอกาสเข้ามาในห้องแถลงการณ์ก็ไม่พลาดที่จะถ่ายทอดสด ส่วนคนที่ไม่ได้เข้าก็อยู่ข้างนอกประตูรอเช่นกัน

ทุกอย่างตกอยู่ในความวุ่นวาย แต่อานหยันเองก็อยู่ในอุตสาหกรรมสื่อเช่นกัน จึงรู้ดีว่าถ้าเธอกล้าใช้ความคิดเห็นสาธารณะเพื่อสร้างแรงผลักดัน เธอก็จะมีความสามารถในการควบคุมความคิดเห็นของสาธารณชน มิฉะนั้นเมล็ดที่หว่านไว้ อาจจะเป็นปัญหาภายหลัง

อำนาจทางการเงินที่อยู่เบื้องหลังบริษัทประชาสัมพันธ์แห่งนี้อาจแข็งแกร่งกว่าที่เธอรู้

ไม่ทันไร เวลาที่จะต้องขึ้นเวทีก็มาถึง

มีผู้คนมากมายอยู่เบื้องหลัง แต่ฉินซีเป็นคนเดียวที่จะขึ้นไป

อานหยันละทิ้งเรื่องของตัวเอง และอยู่กับฉินซีตลอดเวลา

เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะขึ้นเวที แต่ก็ยังไม่ค่อยมีสมาธิ อานหยันจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปจับมือเธอ

มือของฉินซีเย็นเฉียบ และแห้งผาก ราวกับชิ้นส่วนโลหะที่ไม่มีอุณหภูมิ

อานหยันยังคงไม่พูด ทำเพียงแค่ดึงฉินซีเข้ามาและกอดเบาๆ

ถังย่ายืนอยู่อีกฝั่งตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าเวลาหมดแล้ว เธอก็ไม่ได้เร่งเร้า แต่เฝ้าดูพวกเขาอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะนำฉินซีไปข้างหน้าต่อไป

อานหยันยืนอยู่กับที่ มองดูแผ่นหลังของฉินซีค่อยๆห่างไปเรื่อยๆ

ห้องแถลงข่าวแออัดอย่างมาก

สื่อที่มีอิทธิพลเพียงเล็กน้อยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ตั๋วเข้าชม โชคดีที่ถังย่าก็ไม่ได้ต้องการบีบพื้นที่ ดังนั้นในห้องแถลงการณ์เก้าอี้สิบกว่าแถวจึงมีคนนั่งเต็ม และยังเต็มไปด้วยเลนส์กล้องสีดำ พร้อมช่างภาพยืนอยู่ด้านหลัง

สื่อหลายแห่งที่ได้รับการอนุมัติให้ถ่ายทอดสดได้เปิดลิงก์การถ่ายทอดสด แล้วชาวเน็ตที่แห่เข้ามาเพื่อชมด้วยตื่นเต้น ถึงกับทำให้การถ่ายทอดสดกระตุกไปชั่วขณะ ผู้ประกาศข่าวยืนอยู่นอกวงเล็กน้อย และแนะนำให้ทุกคนรู้จักด้วยไมโครโฟน

นักข่าวในนั้นนั่งด้วยกันพลางกระซิบกระซาบ พยายามหาข้อมูลจากกันและกัน

เมื่อเวลาใกล้จะเริ่มการประชุม สถานที่ที่มีเสียงดังจากตอนแรกก็ค่อยๆเงียบลง แต่ความเงียบสงบนี้เหมือนคลื่นใต้น้ำที่พลุ่งพล่าน รอให้น้ำแข็งแตก คุณจะเห็นกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวด้านล่าง

เมื่อเวลาใกล้จะมาถึง ทันใดนั้นประตูของสถานที่จัดงานก็เปิดออก

ฉินซีที่มีถังย่าเดินมาข้างๆ เดินเข้าไปอย่างใจเย็น

งานแถลงข่าวเดือดขึ้นทันที แสงแฟลชสาดเข้ามามากมาย จนคนที่ถูกถ่ายภาพไม่สามารถลืมตาได้ ช่างภาพทุกคนจ้องไปที่ฉินซี โดยถ่ายภาพตั้งแต่วินาทีที่เธอก้าวเข้าไปในสถานที่จัดงาน เพราะกลัวว่าจะพลาดช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งไป

เพียงแค่คุณถ่ายภาพฉินซีได้ก็เท่ากับว่าคุณสามารถทำกำไรได้

ฉินซีมองตรงไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว จนกระทั่งเดินมาถึงที่นั่งของตัวเอง เธอไม่ได้มองข้างๆเลย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท