Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1089

ตอนที่ 1089

บทที่ 1089 โชคดี

สูหยิง และหมออยู่ในวอร์ดไม่นานก็ออกไป

ทิ้งลู่เซิ่นไว้ในห้องน้ำคนเดียว และมองตัวเองในกระจกอย่างหมดหวัง

ในใจของเขายังรู้สึกโชคดีอยู่บ้าง

ที่จริงแล้วการระเบิดเกิดจากการคำนวณผิดของทหาร และเขาก็ได้โต้แย้งด้วยเหตุผลไปแล้วว่าเขาไม่ต้องการให้หลินยี่มาแทนเขา

ในหัวใจของเด็กชายเต็มไปด้วยความภักดี และเห็นศักดิ์ศรีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความจริงที่ว่าหลินยี่ช่วยชีวิตเขาทำให้เขารู้สึกขอบคุณหลินยี่ และอดไม่ได้ที่จะคำนับให้กับเขา

แต่การระเบิดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ และไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ลู่เซิ่น ดังนั้นจึงเป็นเพียงอุบัติเหตุที่หลินยี่ช่วยตัวเอง

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้หัวใจของลู่เซิ่นก็จะสงบลงเล็กน้อย

แต่ตอนนี้ทุกอย่างแตกต่างออกไป

กระสุนทะลุหลังของหลินยี่ หมายความว่าอย่างไร

ลู่เซิ่นไม่สามารถเข้าใจอะไรชัดเจนไปได้กว่านี้อีกแล้ว

กระสุนเล็งมาที่เขา และหลินยี่ก็พุ่งเข้าใส่เขา ไม่ใช่เพราะระเบิด แต่เป็นเพราะกระสุน

หรืออาจเป็นไปได้ว่าศูนย์กลางบางอย่างถูกเปลี่ยนไป และเนื่องจากเขาต้องการจะมาแทนลู่เซิ่น จึงไปบังทางกระสุน และทำให้มันระเบิดขึ้น

เป็นไปได้ว่าระเบิดลูกนี้ไม่ใช่เพราะทหารไม่ได้ตรวจสอบ แต่เพราะถูกวางไว้สำหรับลู่เซิ่นโดยเฉพาะ

ไม่ว่าในกรณี ใดลู่เซิ่นก็รู้สึกว่า ของเขาได้รับการช่วยชีวิตโดยหลินยี่อย่างสมบูรณ์แล้ว

เขาก้มหน้า และผลักประตูออกไป ตอนที่เขากำลังจะเดินออกไป เมื่อหันศีรษะไปก็พบว่าหลินยี่ที่นอนบนเตียงโรงพยาบาลค่อยๆลืมตาขึ้น

ลู่เซิ่นทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง และรีบวิ่งไปที่เตียงคนไข้ด้วยความประหลาดใจ “นายตื่นแล้ว!”

หลินยี่ไม่แน่ใจว่าจำเขาได้ไหม อ่อนแอเกินไปที่จะพูด เขาเพียงแค่อ้าปาก จากนั้นก็ยิ้มอย่างเหนื่อยล้า

ลู่เซิ่นรีบกดกริ่งเพื่อเรียกหมอเข้ามา หลังจากที่เตียงของหลินยี่ถูกหมอล้อมแน่น เขาก็ว่างจนไม่รู้จะทำอะไรต่อไป จึงทำได้เพียงเดินออกจากวอร์ดไปหาม้านั่ง และนั่งลงค่อยๆคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

ความประหลาดใจในครั้งแรกหายไป และลู่เซิ่นก็สงบลงอย่างช้าๆ

เหตุใดปฏิกิริยาแรกของสูหยิงจึงให้แพทย์เก็บความลับไว้

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว และคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นไม่นานเขาก็เข้าใจ

สูหยิงเพิ่งได้รับสิทธิประโยชน์มากมายจากการทหาร ถ้าหากตรวจสอบได้ว่าการระเบิดครั้งนั้นมุ่งเป้ามาที่ตน ไม่เพียงแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้รับจากกองทัพอาจจะถูกเรียกคืน แต่เธออาจจะต้องชดใช้ให้กองทัพอีกด้วย

แต่ปิดปากหมอแล้วมันมีประโยชน์อะไร

ลู่เซิ่นมองไปในวอร์ด

คนที่รู้ดีที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้นยังคงอยู่ข้างใน

และเขาอาจจะได้ยินบทสนทนาระหว่างสูหยิง และหมออย่างชัดเจน

หลินยี่จะทำอะไร จะกล้าบอกความจริง จะกล้ารายงานแม่ของเขาไหม

ลู่เซิ่นรู้สึกเพียงว่า สมองของเขากำลังขมวดเป็นปม ดังนั้นเขาจึงก้มหน้าลงฝังใบหน้าไว้ในมือ

จนกระทั่งพยาบาลที่ดูแลเขาเข้ามาหา “คุณหนู ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะ ฉันตามหาแทบแย่”

ลู่เซิ่นถูกเจ้าหน้าที่พยาบาลพากลับไปที่วอร์ด และใช้เวลาเกือบทั้งวันในวอร์ดอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะหาโอกาสหลุดออกจากวอร์ดอีกครั้งในที่สุด

เขาวิ่งตรงไปยังวอร์ดของหลินยี่โดยไม่ลังเล

มันดึกมากแล้ว และเขาก็เตรียมใจไว้แล้วว่าหลินยี่น่าจะหลับแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเมื่อผลักประตูเข้าไป เขาจะบังเอิญเผชิญหน้ากับหลินยี่พอดี

เมื่อเขาเห็นหลินยี่ และคิดได้ว่าหลินยี่ช่วยชีวิตตนไว้ เขาก็หดหู่เล็กน้อย “นาย…ตื่นแล้วหรอ”

หลินยี่ไม่ได้พูด เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย

ลู่เซิ่นค่อยๆเดินมาที่เตียงคนไข้ เขาลังเลอยู่นาน ก่อนจะพูดว่า “ทำไม….นายถึงช่วยฉัน”

หลินยี่ยกยิ้มเล็กน้อย และตอบด้วยเสียงแหบ “ถ้าไม่ช่วยนาย แล้วจะให้ฉันเห็นนายโดนยิงต่อหน้าต่อตาหรือ”

“นายเห็นกระสุนจริงๆสินะ” ไหล่ของลู่เซิ่นลู่ลง และดวงตาของเขาก็สลดลง “ตอนบ่ายนายได้ยินบทสนทนาระหว่างแม่ของฉันกับหมอที่นี่ใช่มั้ย”

หลินยี่ไม่ตอบ และไม่ขยับ เขาเพียงแค่มองดูลู่เซิ่นนิ่งๆ

แต่ลู่เซิ่นรู้ดีว่าเขาต้องได้ยิน

“นายไม่ต้องสนใจแม่ของฉัน” ลู่เซิ่นขยี้หัวของเขาอย่างวุ่นวายใจ “ถ้ามีใครมาถาม นายก็บอกความจริง”

หลินยี่ลืมตาขึ้นเล็กน้อย และพูดช้าๆ “ฉันคิดว่า นายจะต้องการให้ฉันช่วยแม่ของนายซะอีก….”

ลู่เซิ่นส่ายหัว “แม่ของฉันเป็นคน…เฮ้อ.. ไม่พูดแล้ว เอาเป็นว่านายพูดความจริงละกัน ไม่มีใครทำอะไรนายได้หรอก”

หลินยี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายรู้ได้ไง ว่าถ้าแม่ของนายมาขู่ฉันล่ะ”

ลู่เซิ่นกัดฟัน เอื้อมมือออก และหยิบกระดาษโน้ตออกมาจากกระเป๋า “ถ้านายมีอะไรก็โทรหาฉันได้เลย ตราบใดที่ฉันเห็นนายโทรมา ฉันจะช่วยนายทันที แม่ของฉันไม่ทำอะไรฉันแน่นอน ฉันรู้”

โทรศัพท์มือถือของลู่เซิ่นถูกสูหยิงเอาไป โทรศัพท์คนแก่ในมือของเขามีเพียงฟังก์ชั่นการโทรง่ายๆเท่านั้น เขาขอให้พยาบาลซื้อให้ และเขาต้องซ่อนมันจากเจ้าหน้าที่พยาบาลในวันธรรมดา เพื่อไม่ให้ถูกสูหยิงเอาไป

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินยี่จางลงจนค่อยๆหายไป แล้วเลิกคิ้วของเขาขึ้นครู่ใหญ่ จนทำให้ลู่เซิ่นคิดว่าเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับคำแนะนำของเขา แต่หลังจากนั้นหลินยี่ก็พยักหน้าลงเบาๆ “ฉันจะจำไว้ ขอบใจ”

คำขอบคุณของเขาเบามาก ลู่เซิ่นไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกผิดขนาดนี้ เขายื่นมือออกมา และยัดกระดาษโน้ตไว้ใต้หมอนของหลินยี่ “นายรับไว้ดีกว่า เผื่อจำผิดแล้วโทรไม่ติดจะทำไง ถ้านายไม่สะดวกโทรหาฉัน ก็ให้พยาบาลโทรมาก็ได้ จำได้รึยัง”

สายตาของหลินยี่ยังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าของลู่เซิ่น เขาพยักหน้าช้าๆ “จำได้”

ลู่เซิ่นกลัวว่าเจ้าหน้าที่พยาบาลจะออกมาตามอีก เขาจึงไม่กล้าที่อยู่นาน เมื่อเห็นหลินยี่พยักหน้า เขาก็รีบกลับไปที่วอร์ดของเขาทันที

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาถือโทรศัพท์ด้วยความกลัวตลอดทั้งวัน เพราะกลัวว่าเขาอาจพลาดโทรศัพท์ของหลินยี่ที่โทรมาหาตัวเอง และทำให้หลินยี่ต้องตกที่นั่งลำบาก

แต่หลังจากรอมาหลายวันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลินยี่มีรายการบำบัดมากมาย และเขาไม่ได้อยู่ในวอร์ดเกือบทั้งวัน ลู่เซิ่นจึงไม่พบเขาเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อลู่เซิ่นกำลังจะออกจากโรงพยาบาล โทรศัพท์คนแก่ของเขาก็ยังไม่ดัง

คืนก่อนที่เขาจะออกจากโรงพยาบาล ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปในวอร์ดของหลินยี่

ในที่สุดครั้งนี้หลินยี่ก็อยู่ในห้อง เขาไม่แปลกใจเมื่อเห็นลู่เซิ่นมา เขายิ้มเล็กน้อย “มาแล้วหรอ”

น้ำเสียงของลู่เซิ่นรีบร้อน “ทำไมนายไม่โทรหาฉัน แม่ของฉันไม่ทำให้นายเดือดร้อนใช่ไหม”

หลินยี่เม้มปากและยิ้ม “ใช่เธอไม่ได้รบกวนฉัน”

ลู่เซิ่นใช้เวลาสองสามวิก่อนจะตอบสนอง “เป็นไปได้ยังไง แม่ของฉันไม่ใช่คนดี!”

หลินยี่มองไปที่ลู่เซิ่น “ฉันไม่ได้พูดเรื่องกระสุน แล้วเธอจะมาวุ่นวายกับฉันทำไมล่ะ”

ลู่เซิ่นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับเรื่องที่เพิ่งรู้อย่างกะทันหัน จึงไม่ได้พูดอะไรออกมาชั่วขณะ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท