Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1100

ตอนที่ 1100

บทที่ 1100 คุณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ

ไม่ว่าจะสะกดจิตตัวเองอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะบอกตัวเองอย่างไรว่า ลู่เซิ่นและฉินซึ่งเทียนไม่ใช่คนประเภทเดียวกันอย่างแน่นอน ฉินซีก็ยังจมเข้าสู่หุบเหวแห่งความสงสัยอยู่ดี

เธอโยนโทรศัพท์มือถือไว้อีกด้านหนึ่ง ความกล้าที่ปลุกขึ้นมาเมื่อครู่นี้เหมือนกับเปลวไฟของเทียนที่ไหววูบ เพียงแค่เป่าเบาๆก็ดับแล้ว

แขนถูกยกขึ้นมาปิดบังดวงตา ฉินซีอดกระซิบเบาๆในยามค่ำคืนไม่ได้ว่า “ลู่เซิ่น……”

ลู่เซิ่น คุณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ

……

ทางฝ่ายลู่เซิ่น ก็ไม่รู้ว่าในใจของฉินซีมีคลื่นโหมซัดสาดอย่างไร

เมื่อลงจากเครื่องบินก็เป็นเวลาเที่ยงวันของเมืองหนาน เพื่อลดปัญหา จึงให้เครื่องบินไปจอดที่ลานจอดเครื่องบินของบ้านใหญ่ตระกูลลู่

ดังนั้นเมื่อลงจากเครื่องบินและเงยหน้าขึ้น ก็เห็นตาแก่ที่ยืนเรียงกันเป็นแถวอยู่ด้านนอก

วันนี้อารองไม่อยู่ ดังนั้นคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดคืออาสาม

ใบหน้าของอาสามทำให้คนที่มองเห็น สามารถมองออกว่ารอยยิ้มนี่ไม่ได้ออกมาจากจิตใจที่แท้จริง เอ่ยถามลู่เซิ่นอย่างระมัดระวังว่า “ช่วงนี้เมืองหนานสงบมากเกินไปใช่หรือไม่ ถึงต้องลำบากให้หลานวิ่งมารอบหนึ่งแบบนี้”

ลู่เซิ่นเหลือบมองเขาครั้งหนึ่ง จู่ๆมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มเฉยชาออกมา

“ไม่มีเรื่องอะไร” แม้ว่าริมฝีปากของเขาจะมีรอยยิ้มพาดผ่าน แต่กลับทำให้คนที่เห็น มองออกว่าเขาอารมณ์ไม่เลว “ที่ผมมา…….ก็เพื่อจะขอแต่งงาน”

สีหน้าของอาสามเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ถูกชกหมัดหนึ่ง “ขอ……ขอแต่งงานหรือ หลานมีคนรักแล้วหรือ อยู่ที่เมืองหนานหรือ เป็นลูกสาวของตระกูลไหนหรือ พ่อแม่ของหลานรู้หรือไม่”

เขาโยนคำถามมาเป็นพรวน ทำให้สีหน้าท่าทางของลู่เซิ่นขรึมลง เขากวาดตามองอาสามครั้งหนึ่ง ตอบพร้อมกับยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ผมก็ไม่รู้ว่า ตอนนี้ผมจะแต่งงานแล้วจะมีเรื่องวุ่นวายเยอะขนาดนี้”

อาสามรีบยิ้มประจบ “ไม่ใช่ว่าอาเป็นห่วงเธอหรือ!”

“เป็นห่วงนั้นไม่ต้อง…….” ลู่เซิ่นหยุดพูดอย่างมีนัยยะอยู่ชั่วครู่

อาสามรีบเอ่ยว่า “ถ้ามีเรื่องอะไรอยากให้พวกเราช่วยเหลือ ก็เอ่ยพูดมาเลย! ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตหลาน พวกเราที่เป็นอากับลุง ไม่ปฏิเสธหน้าที่นี้แน่นอน สามารถช่วยได้ก็จะช่วยหมด!”

ใบหน้าของลู่เซิ่นปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง เขาพยักหน้าให้กับอาสาม “อย่างนั้นก็แบบนี้แล้วกัน หลังจากนี้อาจจะมีเรื่องไม่น้อยให้คุณอาช่วยเหลือ”

เอ่ยจบแล้ว เขาก็ไม่สนใจสีหน้าความรู้สึกหลากหลายที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของคุณอาคุณลุง เดินเข้าไปด้านในด้วยตัวเอง

อาสามยกมือปาดเหงื่อข้างขมับ รู้ซึ้งว่าตัวเองเหมือนจะตกเข้าไปในหลุมที่ฝังไว้ของลู่เซิ่นเข้าแล้ว

น้าชายยืนบ่นอยู่ด้านหลังเขาว่า “เมื่อกี้นายพูดจาใหญ่โตอะไรกันน่ะ! สามารถช่วยได้ ล้วนช่วย! ลู่เซิ่น เด็กเปรตนี่แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ถ้าหากให้พวกเราสร้างเรื่องขึ้นมาจะทำอย่างไร!”

อาสามไม่ได้หันกลับไป น้าชายก็ถูกคนที่อยู่ข้างๆคนหนึ่งถลึงตาใส่ “นายเสียงเบาหน่อย! ลู่เซิ่นยังเดินไปได้ไม่ไกลนะ!”

อาสามถึงได้หาความน่าเกรงขามของตัวเองกลับมาได้ หันหน้ากลับไปมองน้าชาย “อย่างนั้นนายมาสิ ลู่เซิ่นบอกว่าต้องการให้ช่วย นายสามารถปฏิเสธได้หรือ”

น้าชายถูกคนมากขนาดนี้ตอกกลับมา สีหน้าบนใบหน้าก็มีแต่โทสะ “พูดว่าจะขอแต่งงานอะไร ฉันว่าเขากลับมาเพื่อสร้างปัญหามากกว่า!”

เพียงแต่ว่าในครั้งนี้เขาพูดเสียงเบา คนที่อยู่ด้านข้างล้วนไม่ได้ยิน

ลูกพี่ลูกน้องอีกคนหนึ่งเขยิบเข้ามา เอ่ยเสียงเบาว่า “นายได้ฟังความหมายของลู่เซิ่นแล้ว……หลังจากนี้เขาจะกลับมาบ่อยๆใช่หรือไม่”

อาสามไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้แน่ชัด

ตอนนี้เขาแทบจะอดทนไม่ได้ที่จะย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน วันที่มองส่งเครื่องบินของลู่เซิ่นบินจากไป และโบกไปยังคนที่พูดว่าลู่เซิ่นจะกลับมาบ่อยๆอย่างแรงครั้งหนึ่ง

พูดอะไรพล่อยๆ! ปากเสีย!

…….

แม้ว่าลู่เซิ่นจะไม่ได้ยินคำพูดของตาแก่เหล่านั้น แต่ก็สามารถเดาออกได้อย่างไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

แต่ว่าเขาไม่ได้วางแผนนำคำพูดซุบซิบนินทาเหล่านั้นมาใส่ใจ

“ฉันจะพักผ่อนหนึ่งชั่วโมง ถึงเวลาแล้วก็เข้ามาเรียกฉัน” เขาเดินไปถึงหน้าประตูห้องตัวเองแล้ว ก็หันหน้ากลับมากำชับกับหลินหยัง

นัยน์ตาของหลินหยังมีแววประหลาดใจพาดผ่าน

เขาติดตามลู่เซิ่นก็คุ้นชินกับการใช้ชีวิตบินไปทั่วโลกนานแล้ว ตลอดมาต้องพักผ่อนให้เต็มที่บนเครื่องบิน เมื่อลงจากเครื่องบินก็จะเข้าสู่สภาวะการทำงาน

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่เซิ่นลงจากเครื่องบินแล้ว ร้องขอว่าต้องการจะพักผ่อนสักครู่

แต่หลินหยังก็ไม่ได้ถามอะไรมาก และพยักหน้ารับคำไป

ลู่เซิ่นเดินเข้าไปในห้อง ปิดประตูแล้ว ความเหนื่อยล้าบนร่างกายเหมือนกับถูกคลื่นทะเลกระแทกม้วนเข้าไปทั้งร่าง

ตลอดมาเขาสามารถพักผ่อนบนเครื่องบินได้สบายๆ แต่วันนี้กลับไม่เหมือนกัน เขาไม่เพียงแต่ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น แต่เมื่อหลับไปแล้วก็ยังฝันร้ายด้วย

เขาใช้ชีวิตมานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการบินสิบกว่าชั่วโมงนั้นสามารถทำให้ผู้คนอ่อนล้าเสียจนดูไม่ได้

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เสียเวลาอีก อาบน้ำอย่างง่ายๆ และขึ้นไปนอนบนเตียง

ครั้งนี้ อาจจะเป็นเพราะว่ารู้สึกเหนื่อยแล้วจริงๆ เขาไม่ได้ฝันอีก และหลับไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนโทรศัพท์มือถือที่ถูกเขาลืมว่าปิดเครื่องไปนั้น ก็ถูกวางไว้บนหัวเตียงอย่างง่ายๆ ไม่ได้ถูกเหลือบมองสักแวบหนึ่ง

……

คนรับใช้ในบ้านใหญ่นั้นจัดเตรียมทำความสะอาดห้องหับให้กับลู่เซิ่นและหลินหยังเรียบร้อยนานแล้ว ลู่เซิ่นไปพักผ่อนแล้ว หลินหยังก็เลยว่างขึ้นมา

เอกสารที่ต้องจัดเตรียม เขาก็จัดเตรียมเรียบร้อยแล้วตอนที่อยู่บนเครื่องบิน และพักผ่อนเพียงพอแล้วบนเครื่องบินเช่นกัน คราวนี้จู่ๆก็ว่าง ชั่วขณะหนึ่งที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร

แต่ต้องขอบคุณเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลลู่ สภาพการณ์ที่ไม่มีอะไรทำของเขานั้นไม่ได้อยู่นานมากเท่าไร

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ประตูห้องของหลินหยังก็ถูกเคาะ

คนที่เขามาไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นอาสาม

“เสี่ยวหลิน” อาสามเห็นหลินหยังเปิดประตูด้วยตัวเองแล้ว ก็ยิ้มตาหยี พยายามตีสนิทด้วย “เป็นอย่างไรบ้าง ห้องที่คนรับใช้จัดเตรียมให้นั้นเหมาะสมกับความคุ้นเคยของนายหรือไม่ มีอะไรที่ไม่คุ้นชินก็ให้เรียกคนรับใช้ เอ่ยออกมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”

ใบหน้าของหลินหยังมีรอยยิ้มสุภาพเกรงใจประดับอยู่ “ไม่มีครับ ห้องจัดเตรียมเก็บกวาดได้ดีมาก ลำบากให้คุณแล้ว”

น้ำเสียงสุภาพของเขานั้นได้ใจของอาสามอย่างเห็นได้ชัด

พวกเขาเหล่ากลุ่มผู้อาวุโสที่บ้านเกิดมักจะเผชิญหน้ากับลู่เซิ่นด้วยสภาพจิตใจที่ซับซ้อนมาก

ด้านหนึ่ง พวกเขาก็จำเป็นต้องพึ่งพาผลประโยชน์ที่ลู่เซิ่นให้ จึงจะสามารถรักษาสภาพการใช้ชีวิตที่ใช้เงินล้างผลาญแบบนี้เอาไว้ได้ ดังนั้นจึงต้องใช้ชีวิตโดยการมองสีหน้าของลู่เซิ่นอยู่บ้าง แต่อีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโสของลู่เซิ่น ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางไม่แยแสของลู่เซิ่นที่มีต่อพวกเขาแล้ว ก็รู้สึกไม่ยอมเช่นกัน

คราวนี้เมื่อมองไปที่หลินหยังที่มีท่าทางสุภาพเรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของอาสามก็มีความจริงใจหลายส่วน เขาไม่รอให้หลินหยังเชื้อเชิญ ก็เดินเข้าไปในห้องของหลินหยังแล้ว และพูดคำพูดไร้สาระอย่างมีอะไรที่ต้องการ ก็ให้รีบพูด ไม่ต้องเกรงอะไรเทือกนี้อีกหลายประโยค

และก็เป็นเพราะว่าหลินหยังนั้นเต็มไปด้วยความอดทนที่ฝึกมาจากการพบปะกับลูกค้า ถึงได้สามารถรักษาใบหน้าที่มีรอยยิ้มเอาไว้ได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวลู่เซิ่นเองที่อยู่ตรงนี้ คาดว่าคงไล่อาสามออกไปนานแล้ว

ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาทีแล้ว อาสามที่พูดจาอ้อมไปอ้อมมาพอสมควรก็เอ่ยถึงประเด็นสำคัญที่เก็บซ่อนเอาไว้ออกมาในที่สุด “ลู่เซิ่นบอกว่า…….เขากลับมาที่นี่เพื่อขอแต่งงาน นาย……รู้หรือไม่ว่าคนที่ลู่เซิ่นจะขอแต่งงานด้วยนั้น เป็นลูกสาวของตระกูลไหน พวกเราจะได้เตรียมตัวกันให้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่นๆ”

หลินหยังแอบถอนหายใจ

อาสามคนนี้มีเรื่องอยากจะถามถึงได้มาหาอย่างที่คิดเอาไว้เลย

ถึงแม้ว่าจะนินทาอยู่ในใจ แต่ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มสุภาพประดับอยู่เหมือนเดิม พลางส่ายหน้าเบาๆ “ผมก็ไม่ทราบแน่ชัดเช่นกันครับ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท