Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1110

ตอนที่ 1110

บทที่ 1110 คุณแค่ไม่รักฉันแล้วเท่านั้น

ถังย่าก็ลุกขึ้นตาม : “ฉันจะไปส่งคุณ”

ฉินซีไม่ได้รั้งเธอ ทั้งสองเปิดประตูห้องประชุมแล้วเดินออกไปด้วยกัน

ครั้งก่อนที่มาเธอยังมีความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรักให้กับลู่เซิ่น รอคอยที่จะใช้งานนิทรรศการภาพถ่ายสักครั้งเพื่อประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนให้โลกได้รู้

แต่มาครั้งนี้เธอต้องการเห็นตัวตนที่แท้จริงของ ถังย่า อยากเห็นว่าเธอเสแสร้งจอมปลอมหรือเปล่า

แต่ตอนนี้เธอไม่มีความคิดแบบนี้อีก

เมื่อรู้ว่าคลิปเสียงนี้เป็นของจริง สิ่งที่คิดทั้งหมดดูเหมือนจะมลายไปหมด

ฉินซีรู้เพียงว่าแม้แต่แรงที่จะเดินยังต้องใช้ความฝืนในการพยุงเอาไว้ เธอตอนนี้ต้องการอยากจะซ่อนตัวอยู่ในที่มืดๆสักแห่ง เพื่อเลียแผลใจให้กับตัวเอง

——คลิปเสียงก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นจริง บางทีอาจมีคนเจตนาไม่ดีต้องการแปลความหมายของลู่เซิ่นผิดไป

ฉินซียังคงแอบหวังลึกๆในใจ

แต่ว่าเธอก็รู้ดีว่านี่คือวิธีสุดท้ายที่เธอใช้ในการปลอบใจตัวเอง

เธอเงียบถังย่าก็เงียบตาม

สองคนเดินมาถึงประตูอย่างเงียบๆ คนขับรถได้รออยู่ที่ประตูแล้ว

ฉินซีกำลังจะหันตัวกลับมาบอกลาถังย่า ถังย่าได้อ้าแขนของตัวเองฉับพลัน

ในหัวฉินซีเต็มไปด้วยคำถาม ลำตัวยังคงยืนทื่ออยู่ที่เดิมถังย่าจึงกอดเธอเข้าเบาๆ

“อย่าเศร้ามากนะ” ถังย่าทิ้งประโยคลงที่ข้างๆหูของเธอ แล้วก็ถอยหลังหนึ่งก้าว จากนั้นก็ยิ้มอย่างสุภาพ “เดินทางปลอดภัยคะ”

ฉินซีไม่ได้นอนทั้งคืน เดิมทีการตอบสนองก็เอื่อยเฉื่อยอยู่แล้ว แล้วโดนการกระทำแปลกๆของถังย่าเข้าไป เธอก็แทบจะไม่มีการตอบสนองใดๆ ร่างกายของเธอบอกลาอย่างสุภาพกับถังย่าโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็ขึ้นรถไป

เมื่อรถขับออกมาสักพัก ฉินซีถึงค่อยๆทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น

——เมื่อสักครู่คือถังย่ากำลัง…..ปลอบใจตัวเองเหรอ

เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ

วันนี้จ้านเซินไม่อยู่ และถังย่าก็ดูแปลกๆ

ภายในใจฉินซีรู้สึกว่าแปลกมาก ราวกับ…..คุณมักจะคิดว่าสิ่งที่ยืนอยู่ห้องรับแขกนั้นคือหุ่นยนต์ คาดไม่ถึงว่าวันหนึ่งได้บังเอิญเดินผ่านห้องรับแขก แล้วพบว่านั่นไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่เป็นคนเป็นๆที่มีชีวิตอยู่

ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

แต่เมื่อความรู้สึกน่าเหลือเชื่อนี้ผ่านไป ในใจของฉินซีก็เริ่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นเธอคิดไม่ถึงว่าวันนี้ การปลอบใจแรกที่ตัวเองได้รับนั้นจะมาจากถังย่า

และ…..การปลอบใจนี้ก็ยังแอบมีผลเล็กๆ

เธอคิดอยู่อย่างนี้ แล้วก็ก้มหน้าไปเปิดดูโทรศัพท์

ข้อความสนทนาก็ยังเป็นลู่เซิ่นที่อยู่บรรทัดแรกสุด แต่ตอนนี้เมื่อฉินซีเห็นชื่อของลู่เซิ่น หัวใจเหมือนถูกทิ่มแทง

เมื่อนึกถึงสองสามวันก่อน ความตื่นเต้นในการวางแผนสารภาพความรู้สึกที่มีต่อลู่เซิ่นในงานนิทรรศการภาพถ่าย ฉินซียังรู้สึกว่าตัวเองช่างเหมือนตัวตลกจัง

เธอยังถึงกับรู้สึกโชคดีที่จู้จี้จุกจิกการจัดงานนิทรรศการภาพถ่ายอยู่เลย ถ้าหากเธอบอกให้หยุดในตอนนี้ ตอนที่เข้าสู่กระบวนการการเตรียมพร้อม ก็จะทำให้มีแต่ผลเสียที่มากขึ้น

และตอนนี้แผนการที่ถูกทิ้งไปนั้น ดูเหมือนเป็นการแดกดันประชดประชัน

เธอส่ายหัวแล้วยิ้มขึ้นขื่นๆ

ในความเป็นจริงตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจความรู้สึกของเหยาหมิ่นในตอนนั้น

ถ้าหากเหยาหมิ่นนั้นเคยรักฉินซึ่งเทียนจริงๆ คนที่มีนิสัยใจเสาะอย่างเธอ ถ้าต้องเผชิญกับปัญหาเช่นนี้ คงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดทรมานมาก แล้วแสร้งทำตัวเหมือนกับนกกระจอกเทศที่เอาหัวมุดลงดิน ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ก็คงจะทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่เข้มแข็งพอ แต่เมื่อเผชิญกับการทรยศของลู่เซิ่น หัวใจก็เหมือนโดนมีดทิ่มแทง แทบอยากจะเอามือมาอุดหูแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

…..แต่ว่าเธอไม่มีทางเป็นจะเหยาหมิ่น

ฉินซีเข้าใจดี

ถึงแม้ว่าเธอจะเจ็บปวด แต่ว่าไม่มีทางที่แสร้งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเป็นแบบนี้กับลู่เซิ่นต่อไปเรื่อยๆ

แต่เธอจะถามลู่เซิ่นอย่างจริงจังว่าคิดอย่างไร ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ นิ้วมือฉินซีเปิดหน้าต่างแชทข้อความที่สนทนากับลู่เซิ่นขึ้นมา

ช่วงเวลาที่ผ่านมา ความถี่ในการสนทนาของพวกเขานั้นค่อนข้างน้อย ดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่ประโยคในหน้าต่างแชทข้อความ

ประโยคที่ชัดเจนที่สุด ก็คงเป็นประโยคสุดท้ายที่ลู่เซิ่นส่งให้เธอ

“จะโทรหาคุณพรุ่งนี้ตอนเช้า”

ความขมขื่นแพร่กระจายในปากของฉินซี

ลู่เซิ่นถ้าคุณไปเมืองหนานเพื่อขอคนอื่นแต่งงานจริง แล้วทำไมยังต้องรั้งเธอไว้แบบนี้

ฉันไม่ใช่คนที่ดื้อด้าน ถ้าคุณบอกต้องการเลิกกัน ฉันจะไม่ดึงดันรั้งคุณไว้ และฉันก็จะจากไปอย่างเงียบๆ

หรือคุณก็เหมือนกับคนที่ส่งอีเมลนั้น ที่กังวลว่าฉันจะใช้วิธีที่ทำกับฉินซึ่งเทียนมาแก้แค้นคุณ

ไม่ เป็นไปไม่ได้

ฉันไม่มีทางที่จะเปิดเผยรอยแผลที่เปื้อนไปด้วยเลือดของตัวเองต่อหน้าผู้อื่น เพื่อให้พวกเขานำไปพูดสนุกปาก

อีกทั้งความผิดของคุณกับฉินซึ่งเทียนไม่เหมือนกัน

ฉินซึ่งเทียนนั้นออกนอกลู่หลังแต่งงาน พัวพันเงินทอง ใส่ร้ายแม่ของฉันจนถึงแก่ชีวิต

เขาชั่วช้าต่ำทราม แต่คุณไม่ใช่

พวกเราอยู่ในความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ แม้แต่การมีความรักของเราสองคนยังต้องหลบๆซ่อนๆ

คุณไม่ได้นอกใจ

คุณแค่ไม่รักฉันแล้วเท่านั้น

ไม่ใช่ความผิดที่ร้ายแรง

ฉินซีจ้องหน้าจออย่างใจลอย โดยไม่รู้ตัวว่ามีน้ำตาไหลออกมาจากตา

จนกระทั่งน้ำตาอุ่นๆนั้นตกกระทบเข้าหลังมือเธอ เธอถึงได้รู้สึกตัว

เธอเหมือนกับทุบหม้อจมเรือ ตัดสินใจฉับพลันว่าจะส่งข้อความให้ลู่เซิ่น

“คุณนอนหรือยัง อีกสักครู่ฉันโทรหาคุณในอีกได้ไหม”

ถ้าคำนวณตามเวลา ที่เมืองหนานก็คงจะประมาณเที่ยงคืน ถึงแม้ว่าลู่เซิ่นมักจะนอนดึกอยู่เสมอ แต่ฉินซีก็ยังต้องการจะแน่ใจว่าเขานั้นยังตื่นอยู่

และลู่เซิ่นก็ยังไม่นอนจริงๆ แล้วยังวิดีโอกลับหาอย่างรวดเร็ว

ฉินซีได้กดปฏิเสธรับสาย

ลู่เซิ่นจึงรีบส่งข้อความกลับทันที : “ทำไม ตอนนี้ไม่สะดวกเหรอ”

ฉินซีตอบข้อความกลับ : “ตอนนี้ฉันอยู่บนรถ ยังกลับไม่ถึงบ้าน สัญญาณอาจจะไม่ค่อยดี เมื่อฉันกลับถึงบ้านแล้วจะโทรหาคุณอีกที”

คำพูดของเธอเหมือนจะทำให้ลู่เซิ่นเชื่ออย่างสนิท จึงตอบกลับไปว่า “ครับ” แล้วโทรศัพท์ก็เงียบไป

คำพูดของฉินซีเหมือนจะจริงบ้างเท็จบ้าง

เธออยู่ระหว่างทางเป็นเรื่องจริง สัญญาณอาจจะไม่ดีก็เป็นเรื่องจริง แต่ที่เธอไม่อยากคุยสายกับลู่เซิ่นตอนนี้ ไม่ใช่ด้วยเหตุผลเหล่านี้

เธอแค่ต้องการเวลาในการจัดการอารมณ์กับความคิดของเธอต่างหาก หลีกเลี่ยงอารมณ์ไม่ดีเมื่อเจอหน้าลู่เซิ่น

ถ้าจะต้องจากกันไป เธอรู้สึกว่า กิริยาท่าทีนั้นสำคัญที่สุด

แม้ว่าจะแยกจากกัน แม้ว่าลู่เซิ่นตัดสินความรักของพวกเขาในตอนนี้ด้วยการจบลง ฉินซีก็จะไม่ยอมให้ตัวเองเสียอาการ

แม้ว่าเมื่อก่อนนั้นลู่เซิ่นจะเห็นเธอเสียอาการบ่อยๆ แต่เธอหวังว่าการโทรหาเขาในครั้งนี้จะสามารถทิ้งภาพความทรงจำที่ดีให้แก่กัน เพราะนี่อาจจะเป็นการคุยกันครั้งสุดท้าย

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดที่ทำให้ลู่เซิ่นเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ เธอก็จะไม่เหยียดหยามดูถูกตัวเอง

ที่ดูเหมือนเป็นการแก้แค้น เธอจะต้องทำให้ลู่เซิ่นเห็นด้านที่สวยงามของตัวเอง

ไม่ใช่เพื่อทำให้ลู่เซิ่นเสียใจในการกระทำ เพียงเพื่อต้องการให้ความทรงจำที่มีต่อเขาในภาพสุดท้ายนั้นสวยงาม

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท