Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1099

ตอนที่ 1099

บทที่ 1099 ส่งกลับคืนไป

เมื่อตัดสินใจไปแล้ว ลู่เซิ่นก็รู้สึกเหมือนว่าได้วางก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งที่อยู่ในใจลง และไม่รู้สึกคิดไม่ตกอีกแล้ว

เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่สามารถพูดความจริงกับฉินซีได้ อย่างไรตอนนี้ทั้งสองคนก็อยู่ห่างกันขนาดนี้ แม้ว่าจะคอลวิดีโอ ก็มีหลายเรื่องที่พูดได้ไม่ชัดเจน

ไม่สู้รอให้เขาจัดการทุกอย่างทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ค่อยกลับไปสารภาพกับฉินซี

ฉินซีอาจจะโทษเขา โกรธเขา แต่รอถึงตอนนั้น เขาก็อยู่ข้างกายฉินซีแล้ว เขามีความอดทนและมั่นใจว่าจะโอ๋ฉินซีให้กลับมาได้

แต่ว่าในตอนนี้……ต้องโทรศัพท์หาฉินซี เพื่ออธิบายเสียก่อนว่า ทำไมเมื่อครู่นี้ตัวเองถึงไม่รับโทรศัพท์ เธอจะได้ไม่เป็นห่วง

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กำลังตั้งใจจะโทรกลับไปหาฉินซี แต่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง เอ่ยอย่างนุ่มนวลว่า “ประธานลู่ เครื่องบินของพวกเรากำลังเตรียมลงจอดแล้วค่ะ”

คำพูดของเธอยังไม่ทันจะพูดจบ แต่สายตาก็เหลือบมองไปที่โทรศัพท์มือถือของลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นพยักหน้ารับรู้

แม้ว่าเทคโนโลยีในตอนนี้จะสามารถโทรศัพท์ขณะที่อยู่ระหว่างบินได้ แต่ตอนที่เครื่องบินกำลังจะลงจอดนั้น ก็ยังคงต้องปิดโทรศัพท์ เพื่อรักษาการติดต่อระหว่างหอบังคับการบินของสนามบินเอาไว้

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินไม่พูดอะไรมาก พยักหน้าและลงไปแล้ว

ลู่เซิ่นที่ถูกเตือนเช่นนี้ ถึงได้พบว่าผ่านไปสิบกว่าชั่วโมงแล้ว

คำนวณตามเวลาแล้ว……..ประเทศFเป็นช่วงเวลาเที่ยงคืน ฉินซีน่าจะนอนหลับไปแล้ว

ดังนั้นลู่เซิ่นจึงยอมแพ้ต่อความตั้งใจที่จะโทรศัพท์ และส่งข้อความไปให้ฉินซีข้อความหนึ่งแทน

“เมื่อครู่หลับไปจึงไม่ได้รับโทรศัพท์ ตอนนี้ใกล้จะถึงแล้ว รอถึงช่วงเช้า ผมจะโทรหาคุณอีกครั้ง”

ส่งข้อความเสร็จแล้ว เขาก็ปิดโทรศัพท์มือถือ

…….

ฉินซีที่อยู่อีกครึ่งซีกโลกนั้นพลิกไปพลิกมาบนเตียงจนถึงเที่ยงคืนแล้ว

เธอคิดไม่ถึงว่าอีเมลฉบับหนึ่งจะสร้างผลกระทบกับเธอมากขนาดนี้

ช่วงเวลานี้ เธอเพลิดเพลินหวานซึ้งกับลู่เซิ่น แต่ในใจกลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยตั้งแต่ต้นจนจบ กลัวว่าความสุขเหล่านี้จะแค่ให้เธอหยิบยืม ไม่ใช่สิ่งที่เป็นของเธอจริงๆ รอจนถึงเวลาก็ต้องคืนมันกลับไปแล้ว

ส่วนอีเมลฉบับนั้นก็เหมือนกับน้ำเย็นกะละมังหนึ่ง ที่ราดลงบนศีรษะเธอให้ฟื้นคืนสติ บอกกับเธอว่า สิ่งสวยงามทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพียงแค่เหตุการณ์ลวงตา เป็นวิมานที่ถูกสร้างขึ้นมากลางอากาศ แบกรับความจริงที่เข้ามาบดทำลายไม่ไหว

และในตอนนี้ก็เป็นตอนที่ต้องคืนทุกอย่างกลับไปแล้ว

แม้ว่าเธอจะบอกกับตัวเองให้เชื่อในตัวลู่เซิ่นตลอด อย่างน้อยก็รอให้ได้รับคำอธิบายจากเจ้าตัวเสียก่อน ถึงจะสามารถตัดสินโทษเขาได้

แต่เธอก็รู้เช่นกันว่า ในมุมหนึ่งของหัวใจตัวเองนั้นได้มีบางสิ่งพังทลายลงมาแล้ว

แม้ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอกลวง แม้ว่าคำอธิบายของลู่เซิ่นจะมากพอที่โน้มน้าวให้ตัวเองเชื่อได้ แต่ตัวฉินซีเองก็รู้ว่า เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยได้ถูกฝังลงไปแล้ว หลังจากนี้จะไม่ได้แบ่งปันทุกนาที ทุกวินาทีกับลู่เซิ่นด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์เหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว

เธอกำลังนอนลืมตามองเพดาน พลางคิดเพ้อเจ้อไร้สาระ หน้าจอโทรศัพท์ก็สว่างขึ้นมากะทันหัน

หัวใจของเธอเต้นเร็ว รีบพลิกตัวกลับไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมา

ผู้ส่ง : ลู่เซิ่น

นิ้วของฉินซีสั่นเล็กน้อย กระทั่งปลดล็อกโทรศัพท์มือถือยังใช้เวลาไม่น้อย

แต่รอจนเห็นเนื้อหาข้อความที่ลู่เซิ่นส่งมาแล้ว หัวใจที่แกว่งไปแกว่งมาของฉินซีก็ว่างเปล่าขึ้นมากะทันหัน

หลับไปหรือ

มุมปากของฉินซีเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาอย่างอดไม่ได้

ถ้าหากว่าเธอโทรศัพท์หาเพียงแค่ลู่เซิ่นล่ะก็ ข้ออ้างนี้ก็ยังปล่อยผ่านไปได้ สามารถโน้มน้าวให้เธอเชื่อได้

แต่เธอยังโทรศัพท์หาหลินหยังด้วย

เธอรู้จักหลินหยัง โทรศัพท์มือถือของเขาล้วนเปิดเครื่องสแตนด์บายตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะโทรศัพท์หาเขาตอนไหน เขาจะต้องรับภายในสิบวินาทีแน่นอน

คนบ้างานอย่างลู่เซิ่นนอนหลับไปแล้ว หลินหยังที่โทรศัพท์มือถือไม่เคยห่างกายก็หลับไปแล้วเหมือนกัน เรื่องที่มีอัตราความเป็นไปได้น้อยแบบนี้จะมีอัตราการเกิดมากขนาดไหนกัน

ฉินซีไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองมองด้วยความสงสัยที่โอบกอดเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม หรือว่าเรื่องนี้เดิมก็น่าสงสัยอยู่แล้ว ตอนที่ได้รับข้อความจากลู่เซิ่นนั้น ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างแรกของเธอถึงได้เป็น ลู่เซิ่นกำลังโกหก

แต่ในไม่ช้า เธอก็รู้สึกตัวขึ้นมาว่าตัวเองเริ่มต้นด้วยการโอบกอดความคิดเชิงลบมาเผชิญหน้ากับลู่เซิ่น

แบบนี้ไม่ถูกต้อง เธอบอกตัวเอง

ดังนั้นฉินซีจึงสูดลมหายใจลึกหลายครั้ง พยายามทำให้ใจของตัวเองสงบลงเล็กน้อย ค่อยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

เดิมเธอคิดจะส่งข้อความกลับไปว่า “อย่างนั้นคุณก็พักผ่อนดีๆ” แต่เมื่อพิมพ์ข้อความเสร็จแล้ว กลับลังเลที่จะกดปุ่มส่งออกไป

นี่เป็นเพียงแค่บทสนทนาธรรมดาทั่วไปอย่างที่สุดของพวกเขา แต่ฉินซีกลับไม่อยากตอบกลับไปแบบนี้

เธอไม่อยากแสร้งทำท่าทางเหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้วส่งข้อความที่ไม่เกี่ยวอะไรกับความเจ็บปวดนี้ออกไป รออีกคืนหนึ่งค่อยติดต่อเขาอีกครั้ง

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอพยายามจัดการเองคนเดียวแล้วจะสามารถแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ ฉินซีรู้ว่า ก่อนที่ตัวเองจะได้รับคำตอบของลู่เซิ่น ตัวเองไม่มีทางนอนหลับไปอย่างสงบ

ทางฝั่งลู่เซิ่นนั้นน่าจะเป็นช่วงเวลาเที่ยงตรง ‘ช่วงเช้า’ ที่เขาพูดถึงนั้นน่าจะเป็นช่วงเช้าของตัวเอง

ดังนั้นตอนนี้ตัวเองโทรไปก็น่าจะไม่มีอะไรไม่สะดวกแล้ว………

เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ฉินซีก็สูดลมหายใจลึก ออกมาจากหน้าส่งข้อความ เปลี่ยนเป็นเปิดหน้าโทรศัพท์ขึ้นมาแทน

เธอไม่ให้โอกาสตัวเองได้ลังเล กัดฟันกดปุ่มต่อสายหาลู่เซิ่นในทันที

ฉินซีก็บอกได้ไม่ชัดเจนเช่นกันว่า ทำไมเสี้ยววินาทีนี้ หัวใจตัวเองถึงได้เต้นเร็วขนาดนี้

ตอนที่โทรศัพท์ไปก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง สมองยังคงยุ่งเหยิงวุ่นวาย จิตใจก็สับสน ดังนั้นจึงไม่ได้คิดและรู้สึกถึงความรู้สึกอะไรของตัวเอง

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผ่านประสบการณ์ล้มเหลวจากการตรวจสอบผู้ส่งอีเมลมา เธอก็สงบลงไม่น้อย ความคิดในใจของตัวเองที่ตกตะกอนมามากขนาดนี้ นั้นมากพอที่จะทำให้เธอมองเห็นความคิดของตัวเองได้ชัดเจน

ที่จริงแล้วเธอ……กลัวการโทรศัพท์ครั้งนี้เล็กน้อย

เพราะสิ่งที่เธอต้องเผชิญหน้าก็คือความไม่รู้

เธอไม่รู้ว่าลู่เซิ่นจะตอบอะไร อธิบายอย่างไร พูดจาลนลานว่ามีคนใส่ร้ายเขา หรือว่าบอกเธออย่างเรียบๆว่า เขาไปเมืองหนานนั้นก็เพื่อแต่งงานกับอีกคนหนึ่งจริงๆ

ฉินซีก็ไม่รู้ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับคำตอบของลู่เซิ่นแล้ว ตัวเองควรจะมีปฏิกิริยาอะไร

ความไม่รู้ประเภทนี้เหมือนกับบีบบังคับให้เธอเดินขึ้นไปบนหน้าผา และไม่รู้ว่าเส้นทางเบื้องหน้าน่ากลัวมากแค่ไหน

แต่เธอจำเป็นต้องโทรศัพท์

มีเพียงแค่คำตอบที่ลู่เซิ่นพูดออกมาจากปากเท่านั้นที่สามารถให้คำตอบในความสงสัยของเธอได้ แต่เธอก็รู้ว่า ถ้าหากลู่เซิ่นปฏิเสธอย่างเด็ดขาดล่ะก็ เธอจะต้องรู้สึกใจสงบมากขึ้นอย่างแน่นอน

ในสมองคิดวนอยู่เช่นนี้ เธอรอโทรศัพท์สายนี้ด้วยความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน

แต่หลังจากความเงียบในระยะเวลาสั้นๆ โทรศัพท์ฝั่งนั้นก็มีเสียงเย็นชาของหญิงสาวเสมือนจริงลอยออกมา “หมายเลขที่ท่านเรียกได้ทำการปิดเครื่องในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งหลังจากนี้……..”

ฉินซีนั้นเหมือนลูกโป่งที่ถูกเจาะแตก ทั่วทั้งร่างอ่อนยวบหมดแรงในทันที

เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะส่งข้อความหาตัวเอง ทำไมถึงได้ปิดโทรศัพท์เลยกัน

กลัวว่าตัวเองจะโทรศัพท์กลับไปถามทันทีหรือ

ฉินซีรู้ว่าความคิดของตัวเองนั้นอยู่ในจุดที่อันตรายมากแล้ว แต่เธอไม่สามารถควบคุมความสงสัยและความไม่สงบอันบ้าคลั่งของตัวเองที่ผุดขึ้นมาได้

เธอควบคุมตัวเองไม่ให้คิดจินตนาการภาพอันเลวร้ายของลู่เซิ่นไม่ได้

เพราะว่า…….เธอเคยเห็นกับตาว่าฉินซึ่งเทียนหลอกลวงผู้อื่นอย่างไร

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท