Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1102

ตอนที่ 1102

บทที่1102 โอกาสที่ลอยมา

แล้วจะเจอเวินจิ้งได้อย่างไรนั้น…..

ลู่เซิ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วความคิดก็ผุดขึ้นมา

เป็นจังหวะที่คนรับใช้มาเคาะประตูพอดี :คุณชายลู่ อาหารเย็นนั้นท่านจะลงมาทานด้านล่าง หรือจะให้ส่งมาที่ห้องของท่าน”

ลู่เซิ่นนั้นไม่ค่อยจะกลับบ้านสักเท่าไร ซึ่งโดยปกติแล้วเขาก็ไม่ค่อยจะมีความอดทนที่จะที่จะต่อกรกับเหล่าผู้อาวุโสในบ้านนี้ ดังนั้นส่วนใหญ่มักจะให้คนรับใช้นำอาหารมาส่งให้ที่ห้องเพื่อทานคนเดียว

คนรับใช้ถามเช่นนี้ ก็แค่ถามไปอย่างนั้น ซึ่งความจริงแล้วในห้องครัวนั้นได้จัดเตรียมอาหารของลู่เซิ่นไว้ต่างหากแล้ว และที่ห้องอาหารก็ไม่ได้มีการจัดเตรียมที่นั่งไว้เขาแต่อย่างใด

แต่ว่าวันนี้ลู่เซิ่นจู่ๆกลับอยากเปลี่ยนความคิด หันไปที่ประตูแล้วตอบว่า : ผมจะลงไปทานด้านล่าง”

คนรับใช้ตกใจ ขานรับเสร็จก็รีบลงไปเพื่อทำการจัดเตรียม

ถ้าลู่เซิ่นออกจากห้องตอนนี้ เมื่อไปถึงห้องอาหารแล้วพบว่าไม่มีที่นั่งสำหรับตัวเอง พวกเขาคงต้องซวยกันหมด

โชคดีที่ลู่เซิ่นลงมาด้านล่างหลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก ทำให้พวกเขามีเวลามากพอในการจัดเตรียมที่นั่งโต๊ะอาหาร

ห้องอาหารบ้านตระกูลลู่ใช้โต๊ะอาหารที่มีลักษณะกลมแบบดั้งเดิม เหล่าลุงๆอาๆที่อาศัยอยู่ที่นี่ ต่างมีที่นั่งประจำของตัวเอง อารองเป็นผู้อาวุโสสุด จึงนั่งในตำแหน่งหลักที่อยู่ตรงข้ามกับประตู

แต่ลู่เซิ่นถึงแม้จะอายุน้อยสุด กลับเป็นหัวหน้าบริษัทลู่ซื่อ เมื่อเขากลับมา อารองก็ต้องสละที่นั่งหลักให้แบบไม่เต็มอกเต็มใจ

เพียงแต่ว่าในค่ำคืนนี้ อาการไม่ค่อยเต็มใจของอารองนั้นค่อนข้างดูจะเบาบางลง

เขาเพิ่งกลับมาก็ได้ยินอาสามบอกว่า ลู่เซิ่นมาเมืองหนานครั้งนี้ก็เพื่อมาขอคนแต่งงาน แต่ด้วยอาสามที่ไม่เอาไหน ไปถามตั้งนานแต่กลับไม่ได้คำตอบว่าเขาต้องการจะแต่งงานกับใคร

อารองที่เดิมทีคิดว่าจะขึ้นไปถามให้ชัดเจนกับลู่เซิ่นด้วยตัวเอง แต่แล้วกลับคิดไม่ถึงว่าลู่เซิ่นจะลงมาทานอาหารเย็นด้วย

นี่ไม่ใช่โอกาสที่ลอยมาเองหรือ

เพราะฉะนั้นตอนที่ลู่เซิ่นเดินเข้ามาที่ห้องอาหาร เหล่าผู้อาวุโสต่างได้นั่งอยู่ข้างโต๊ะอาหารแล้ว เหลือแต่ที่นั่งหลักที่ยังว่างไว้เพื่อรอลู่เซิ่น

อารองทักทายเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม : มาๆๆ มานั่งนี่”

ลู่เซิ่นจะไม่รู้เชียวหรือพวกเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่ จึงยิ้มเบาๆ พยักหน้าแล้วเดินเข้าไป

อารองและอาสามต่างส่งสายตาให้แก่กัน

——ดูลู่เซิ่นท่าทางจะอารมณ์ดี

อย่างนั้นก็เป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะสามารถถามเอาข้อมูลได้

เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ใบหน้าของอารองก็ยิ่งยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรไมตรี แล้วหันกลับไปสั่งคนรับใช้ว่า : ลู่เซิ่นมาแล้ว เสิร์ฟอาหารได้”

คนรับใช้พยักหน้าแล้วก็จากไป สักพักอาหารก็ถูกนำขึ้นมาเสิร์ฟ

บ้านตระกูลลู่ค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องมารยาท ห้ามพูดในขณะรับการรับประทานห้ามส่งเสียงดังเมื่อถึงเวลานอน ดังนั้นทุกคนที่นั่งอยู่แม้จะมีคำถามมากมายที่อยากจะถาม แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก ทำได้เพียงแค่ส่งสายตาให้แก่กัน

การเคลื่อนไหวของทุกคนไม่พ้นสายตาของลู่เซิ่นที่นั่งอยู่ตรงกลาง เขาจึงแอบหัวเราะขำในใจ แต่ว่าก็ยังไม่มีการเอ่ยพูดจาใดๆ ยังคงค่อยๆนั่งทานอาหารอย่างใจเย็นด้วยท่าทีที่สง่างาม

การร่วมรับประทานอาหารโต๊ะเดียวกัน สำหรับเหล่าผู้อาวุโสดูเหมือนช่างสุดแสนจะทรมาน ความค่อยๆเคี้ยวค่อยๆกลืนอาหารของลู่เซิ่นในสายตาพวกเขาก็ดูเหมือนเป็นการตั้งใจแกล้ง

ในที่สุดเขาก็วางตะเกียบลง คุณอาก็ยับยั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้อีก จึงรีบเอ่ยปากถามขึ้นทันที : “อาลู่เซิ่น ได้ยินมาว่าแกกลับมาครั้งนี้ก็เพื่อจะมาแต่งงานเหรอ”

มีอาสามเป็นตัวตั้งตัวก่อ ดังนั้นทุกคนจึงต่างเงยหน้าขึ้น เหล่าดวงตาต่างจ้องเขม็งไปที่ลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปากอย่างใจเย็น จากนั้นถึงเอ่ยปากอธิบาย : “ไม่ใช่แต่งงาน แต่เป็นการขอแต่งงาน”

คุณอายกมือขึ้นท้วง : “มันต่างกันอย่างไร ลู่เซิ่นแกขอสาวแต่งงานมีหรือที่จะไม่สำเร็จ!”

แต่ลู่เซิ่นกลับลดสายตาต่ำลง : “ผม…..ก็ยังไม่มั่นใจ”

เมื่อคำพูดนั้นออกจากปากเขา ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจ

โดยปกติแล้วลู่เซิ่นเป็นคนทะนงตนมั่นใจตัวเองสุดๆคนหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับก้มหน้าก้มตา แม้แต่ท่าทางยังดูค่อนข้างจะ…..อ่อนแอ

เหล่าลุงๆอาๆทั้งหลายต่างตกใจตัวสั่นไปกับความคิดของตัวเอง แต่ก็ยังเงยหน้าขึ้นเพื่อดูให้ละเอียดอีกครั้ง ท่าทางของลู่เซิ่นนั้นช่าง…..ก็ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาสาธยายได้ดีกว่านี้อีกแล้ว

น้ำเสียงคุณอาอ่อนโยนขึ้นเมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนแอของลู่เซิ่นที่ไม่เคยเป็นมาก่อน : จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมืองหนาน มีลูกสาวบ้านไหนจะกล้าไม่ไว้หน้าแก”

ลู่เซิ่นยังคงก้มหน้าก้มตาพร้อมส่ายหัวไปมา: “ไม่ใช่ไม่ไว้หน้า แต่เป็นเพราะผม…..เจอเธอไม่ได้”

ได้ยินดังนั้นคุณอาก็ยิ่งประหลาดใจ: “เจอไม่ได้? เป็นคนในครอบครัวของลูกสาวบ้านนั้นเหรอที่ไม่ไว้หน้าแก แกลองบอกมาสิว่าเป็นลูกสาวบ้านไหนกันที่บังอาจขนาดนี้! ในเมืองหนานนี้มีหญิงสาวที่คนตระกูลลู่ไม่คู่ควรด้วยหรือ”

ลู่เซิ่นยังคงส่ายหน้า ใบหน้ามีท่าทีที่ไม่อยากจะพูดมากไปกว่านี้

ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ เหล่าผู้อาวุโสก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น เขาเงียบไปสองสามวินาที ทำให้แม้แต่อารองที่ยับยั้งอารมณ์ได้ดีที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม: อาลู่เซิ่น ถ้าหากแกมีเรื่องลำบากใจ แกก็บอกกับพวกเรามาได้! ลูกสาวบ้านนี้ไม่เห็นหัวแก ก็เท่ากับว่าไม่เห็นหัวบ้านตระกูลลู่เช่นกัน แบบนี้จะทนได้อย่างไรกัน บอกมาสิ พวกเราจะช่วยแกเอง!”

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ทุกคนก็เห็นด้วย แล้วเริ่มเกลี้ยกล่อมให้ลู่เซิ่นพูดออกมาว่าเป็นใคร พวกเขาจะต้องช่วยเขาอย่างแน่นอน

เกลี้ยกล่อมประมาณหนึ่งนาทีได้ สุดท้ายลู่เซิ่นก็มีทีท่าผ่อนคลายลง เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้น มองไปรอบๆ ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัยว่า: “ลุงๆอาๆจะช่วยผมจริงๆหรือ”

ทุกคนมองแวบแรกก็รู้ว่าลู่เซิ่นนั้นถูกพวกเขาเกลี้ยกล่อมสำเร็จ ครั้นแล้วจึงได้พยักหน้า: มันแน่นอนอยู่แล้ว! เรื่องแต่งงานของแกเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่! ตอนนี้พ่อแม่แกก็ไม่ได้อยู่ข้างกาย ในฐานะที่พวกเราเป็นผู้หลักผู้ใหญ่สามารถช่วยได้ก็จะช่วยอย่างแน่นอน”

ลู่เซิ่นเม้มปากแล้วเงียบไปสักพัก จากนั้นพูดขึ้นอย่างฉับพลันด้วยเสียงต่ำๆว่า: ที่ผมเจอเธอไม่ได้ ไม่ใช่เป็นเพราะทางบ้านของเธอ”

เขาพูดออกมาแค่นี้แล้วก็เงียบไป

ทำให้ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของคนที่นั่งฟังอยู่นั้นถึงขั้นขีดสุด ด้วยความอึดอัดจึงแทบอยากจะใช้มือง้างปากของลู่เซิ่นให้เขานั้นพูดออกมาให้หมด

แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีความกล้าที่จะทำเช่นนั้น และเกรงว่าถ้ายิ่งถามเซ้าซี้ จะทำให้ลู่เซิ่นยิ่งไม่อยากบอก จึงทำได้แค่อดทนรอฟังประโยคต่อไปด้วยตาปริบๆ

ในที่สุดลู่เซิ่นก็ไม่ปิดบังอีก ยอมปริปากพูดส่วนสำคัญออกมา

“ที่ผมไม่สามารถเจอเธอได้ ก็เพราะ…..เธอถูกคุมขังไว้”

เมื่อประโยคนี้ได้เปล่งออกมา ทำให้เหล่าคนที่นั่งฟังอยู่ก็ยิ่งมีสีหน้าที่ประหลาดใจ

ถูกขัง…..ถูกคุมขัง?

ด้วยความที่เหล่าบรรดาผู้อาวุโสนั้นคิดตามไม่ทัน ทำให้เข้าใจว่าทางบ้านของหญิงสาวคนนี้หวงลูกสาวเกินไป

แต่กับอารองและอาสามนั้นกลับเข้าใจทันทีว่าลู่เซิ่นพูดถึงอะไร

ลู่เซิ่นพูดอยู่หยกๆเมื่อสักครู่ว่า ที่เขาเจอหญิงสาวคนนี้ไม่ได้ ไม่ใช่เป็นเพราะคนของทางบ้านเธอ

ดังนั้นคำว่าถูกคุมขังนั้น…..ไม่ใช่ถูกคุมขังไว้ที่บ้าน

ถ้าอย่างนั้นถูกคุมขังไว้ที่ใด

คำตอบนั้นเหมือนใกล้จะหลุดมาแล้ว

ทั้งสองได้แต่ส่งสายตาให้แก่กัน ต่างฝ่ายต่างเก็บความสงสัยไว้ในใจ โดยไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยปากถามขึ้น

สุดท้ายอารองก็เป็นคนพูดขึ้นก่อน

“อาลู่เซิ่น หญิงสาว…..มีตั้งมากมาย ทำไมแกถึงไปชอบคนนี้ล่ะ” เขาพยายามใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด “ด้วยฐานะหน้าตาแก จะเลือกสาวงามคนไหนก็ได้ แต่ทำไมถึง…..”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท