Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1111

ตอนที่ 1111

บทที่ 1111 เงียบงัน

ในเวลานี้บนท้องถนนไม่ได้มีความแน่นขนัดของการจราจรแล้ว คนขับรถใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็มาถึงหน้ารีสอร์ท ชิงหยวน

ฉินซีจัดการตบแต่งหน้าของตัวเองเพื่อกลบไม่ให้ใครสามารถเห็นความบกพร่องบนใบหน้าเธอได้

แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของพ่อบ้านไปได้ เมื่อเขาได้เห็นเธอ นอกจากร่องรอยแดงช้ำบางๆที่ขอบตา ก็ไม่ได้เห็นอะไรที่ผิดปกติมากไปกว่านั้น

“วันนี้ตื่นเช้าไปหน่อย ตอนนี้ก็เลยเพลียๆ” ฉินซีเลี่ยงที่จะอธิบาย เธอผลักจานข้าวห่างตัว ก่อนพูด “อาหารไม่ถูกปากเท่าไหร่ ฉันจะไปพักผ่อนข้างบนก่อน ตื่นแล้วจะลงมาทานแล้วกัน”

พ่อบ้านไม่รู้ว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้นอนเลยทั้งคืน แต่ก็สามารถเห็นความอ่อนล้าจากตัวของเจ้านายได้เป็นอย่างดี เขาพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นรีบไปพักผ่อนเสียเถอะครับ หรือจะให้ผมเรียกหมอมาดูอาการให้?”

ฉินซีโบกมือปฏิเสธพัลวัน “ไม่ต้องหรอกน่า ฉันแค่พักผ่อนมาเพียงพอ หลับสักตื่นก็ดีขึ้นแล้ว แต่รบกวนช่วยบอกคนอื่นให้หน่อยนะ ว่าอย่าเข้ามารบกวนตอนฉันกำลังพักผ่อน ฉันอยากจะหลับให้สนิทสักหน่อย”

พ่อบ้านไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้อยู่แล้ว เมื่อฉินซีพูดจบ ก็เดินลิ่วๆขึ้นไปยังชั้นบนทันที

เป็นความจริงที่เธอง่วง แต่เรื่องจะนอนให้เต็มอิ่มกลับไม่จริงเลย

เมื่อขึ้นมาข้างบน เธอไม่ได้ตรงไปยังห้องนอน ทว่ากลับเดินไปยังห้องมืดแทน

เป็นเวลานานทีเดียวที่เธอไม่ได้เข้าไปในนั้น แต่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เธอกระทั่งรู้สึกไม่อยากให้มีที่แห่งนี้อีกแล้ว

เป็นที่ประจักษ์ว่าเธอยังคงคิดว่าเรื่องต่างๆนั้นยังคงสวยงาม

มนุษย์เป็นสิ่งที่กะล่อนปลิ้นปล้อน และคาดเดาสิ่งต่างๆได้ยากมากที่สุด

ฉินซีเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงยังห้องมืด

ก่อนที่จะผลักประตูเข้าไป ทันใดเธอกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

มีคนเข้ามาก่อนเธอ?

… …

เมืองหนาน, บ้านตระกูลลู่

ลู่เซิ่นนอนเอกเขนกทอดกายยาวอยู่บนเตียง เขากำลังจัดการเอกสารบนแท็บเล็ตที่อยู่ในมือ แต่สายตากลับเหลือบมองไปยังโทรศัพท์ของตัวเองเป็นครั้งคราว

คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย เขาคิดอยู่เสมอว่ามันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง

ฉินซีออกจากบ้านไปอย่างเร่งรีบภายในตอนเช้า ก่อนที่จะส่งข้อความมาว่าขอวิดีโอ

เป็นไปได้ไหมว่าเรื่องที่เธอออกไปตอนเช้าด้วยความเร่งรีบ จะเกี่ยวข้องกับตัวเอง?

เมื่อลู่เซิ่นคิดมาถึงตรงนี้ ภายในใจเขาพลันมีแต่ความไม่แน่ใจ

หรือถ้าจะให้พูด แค่เขาคิดถึงเรื่องของฉินซีขึ้นมา ก็เหมือนความรู้สึกที่เดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ

เรื่องของตัวเอง? จะมีเรื่องอะไรกันล่ะ? เรื่องดีหรือว่า… …ไม่ดีกัน?

ลู่เซิ่นไม่มีกระจิตกระใจกับเอกสารตรงหน้าอีกต่อไป ก่อนมองไปยังโทรศัพท์อีกครั้ง

เขาถอนหายใจอย่างยอมจำนน วางแท็บเล็ตในมือ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

เพราะว่าพักผ่อน หลังจากลงมาจากเครื่องได้สักพัก ดังนั้นตอนนี้ถึงจะเป็นเวลาที่ดึกมาก แต่เขาก็ยังรู้สึกสดชื่น

เขาไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป มือหนาคว้าโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกตัว

ก่อนที่จะนอนพักนั้น ลุงรองของเขาได้เข้ามาหา บอกว่าเรื่องที่จะไปหาเวินจิ้งในวันพรุ่งนี้ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เขาก็ตกปากรับคำไป

ธรรมชาติของมนุษย์เป็นอะไรที่มันซับซ้อนจริงๆ…..

เมื่อก่อนเขาคิดว่า ตัวเองตั้งใจที่จะเปิดเผยให้ลุงรองและลุงสามรู้ว่าต้องการที่จะแต่งงานกับเวินจิ้ง พวกเขาสองคนเข้าใจดีในเรื่องของเวินจิ้ง แน่นอนว่าต้องต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ถ้าในท้ายที่สุดเขากับเวินจิ้งจะได้ร่วมหอลงโลงด้วยกันคงจะเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง แต่คิดไม่ถึงว่า ลุงรองจะนำเรื่องไปพูดกับสูหยิง

โง่แค่ไหนก็คิดออก ว่าถ้านำเรื่องนี้ไปบอกสูหยิง เธอจะต้องเป็นอุปสรรคที่คอยขัดขวางเขาแน่นอน ถ้าหากเธอไม่ยอม แล้วยังคงดึงดันที่จะแต่งงานกับเวินจิ้ง จุดจบก็คงเหมือนกับฉินซี ก็จะต้องถูกเธอคอยขับไล่ให้ออกไปจากตระกูลลู่

ลุงรองทำแบบนี้… …ก็เหมือนกับกำลังคอยขัดแข้งขัดขาเขาอยู่

ลู่เซิ่นนึกย้อนกลับไปในอดีตได้ไม่นาน นึกถึงไปตอนที่กำลังรับประทานอาหารเย็น ลุงรองยังคงสงวนท่าที ส่วนลุงสามมีท่าทีกระตือรือร้นมากกว่า

ดูท่าความทะเยอทะยานของลุงสามจะเพิ่มมากขึ้น

เขาลูบคางอย่างใช้ความคิด ไม่ได้คิดพิจารณาเรื่องราวของพวกเขาสองคนต่อไปอีก แต่กลับไปคิดถึงเรื่องการพบเจอกันของเขาและเวินจิ้งในวันพรุ่งนี้แทน

ลู่เซิ่นไม่เคยเจอเวินจิ้งมาก่อน เขาไม่รู้ว่าเธอรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เคยฟังมาจากหลินยี่ ว่าเธอเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่งภายในครอบครัว

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นถึงกับโค้งริมฝีปากขึ้น

ถึงขนาดหลินยี่กล้าที่จะคุยโวโอ้อวดอย่างไม่กระดากปากถามเขากลับว่า เวินจิ้งมีอะไรที่ไม่คู่ควรกับเขาบ้าง

ขนาดพี่ชายที่เลี้ยงตัวเองมากับมือยังกล้าที่จะพูดแบบนี้ เวินจิ้งก็คงที่จะนับว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง แต่ก็คงไม่ได้ถึงขนาดงามล่มเมืองเหมือนในนิยายจีนเสียหน่อย

แต่กับฉินซีมันแตกต่างออกไป

ฉินซีเป็นคนงามที่แท้จริง

ลู่เซิ่นไม่คิดว่าเขาจะเป็นพวกที่มองคนจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่มันก็อดยอมรับไม่ได้ว่า ถ้าหากครั้งแรกที่เจอกันที่หอศิลป์ ไม่ได้เจอรูปร่างที่สะดุดตาของฉินซีเข้า เขาก็คงไม่สนใจเธอ และเดินผ่านเลยไปเฉยๆ

ถึงแม้เขาจะไม่ได้รักที่รูปลักษณ์ภายนอกของฉินซี แต่มันก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าแม้ว่าฉินซีจะไม่มีความสามารถอะไรเลย แต่แค่เพียงอาศัยหน้าตาของเธอ ก็เพียงพอแล้วที่จะดึงดูดให้ผู้ชายเข้ามาสยบแทบเท้าของเธอได้ง่ายๆ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นขยับสายตาด้วยความไม่สบายใจเล็กหน้า

ในเวลานี้เขาก็ยุ่งกับเรื่องธุระของหลินยี่ ต้องออกไปดูงานบ่อย โอกาสที่จะเจอกับฉินซีก็น้อยเหลือเกิน จนเขาไม่ได้สนใจมัน

แล้วถ้าหากว่าฉินซีไปคุยกับใครที่ไม่ใช่เขา… …

ลู่เซิ่นสั่งตัวเองไม่ให้คิดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป แต่อารมณ์ของเขากลับไม่ฟังคำสั่งของตัวเอง

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ที่เรียกว่าเป็นเจ้าของนั้นมันเป็นอย่างไร

แทบจะอดรนทนไม่ไหวที่จะบอกให้ทั้งโลกได้รู้ว่า เธอเป็นของเขา คนอื่นจะได้ไม่เข้ามายุ่งวุ่นวาย และอย่ามาคิดเพ้อเจ้ออะไรกับผู้หญิงของเขาอีก

ความคิดนี้ชั่วขณะของเขาเองทำให้ลู่เซิ่นมีความคิดที่จะอยากจะรีบกลับประเทศF เสียเดี๋ยวนี้

ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องพยายามที่จะควบคุมตัวเองเอาไว้ให้ได้ แต่ความคิดนี้ก็ฝังหยั่งรากลึกฝังลงกลางใจของเขา

เขากับฉินซีแต่งงานกันไม่กี่เดือน แต่ดูเหมือนว่าทั้งเขาและเธอจะไม่ได้ออกมาพูดอะไรที่ชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกันและกัน

เขาจะมีโอกาสที่จะได้กุมมือของฉินซีและแสดงความรักของเขาและเธอให้ทุกคนเห็นไหม?

ลู่เซิ่นถูกจัดให้เข้าไปอยู่ในตระกูลลู่ตั้งแต่ย่างก้าวเข้าสู่วัยหนุ่ม รับผิดชอบทำงานของตระกูลลู่มาโดยตลอด ไม่ว่าเมื่อก่อนจะได้พบเจอผู้หญิงมากมายแค่ไหน ก็ไม่มีเวลาที่จะเข้าหาหรือไปไล่ตามได้

ตอนนี้เขาอยากโรแมนติกกว่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

ถ้าหากว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาดึกขนาดนี้แล้วละก็ เขาก็คงอยากที่จะไปเรียกหลินหยังแล้วมานั่งจับเข่าคุยเกี่ยวกับปัญหานี้

ลู่เซิ่นถอนหายใจเบา ก่อนที่จะพลิกดูหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง

ฉินซียังคงไม่โทรมาหาเขา

เมื่อลองดูเวลาแล้ว จริงๆก็แค่ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอยังไม่ถึงบ้านก็เป็นเรื่องที่ปกติ

ลู่เซิ่นกลับคิดว่า ครึ่งชั่วโมงนี้มันยาวนานกว่าครั้งไหนๆ

เขากำลังที่จะวางโทรศัพท์ลง ทันใดหลินยี่ก็ได้ทักเข้ามาหาเขาพอดี

เนื้อหาที่เขาสนทนาพูดคุยเล่นกับหลินยี่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เป็นแค่เรื่องไม่กี่ชั่วโมงที่ลุงรองของเขาจะให้ไปพบเวินจิ้งในวันพรุ่งนี้ เขาได้บอกหลินยี่อย่างไม่ได้เป็นทางการอะไรกับเรื่องนี้ แต่หลินยี่ก็ไม่สะดวกที่จะพิมพ์ แค่ตอบกลับมาว่า อืม

ลู่เซิ่นมองไปยังชื่อของหลินยี่ ทันใดก็นึกขึ้นมาได้ ตอนที่พูดล้อเล่นกับหลินยี่เมื่อครั้งก่อน หลินยี่ได้พูดว่า “น้องสาวของฉันไม่มีงานแต่งงานก็ต้องแต่งงานไปก่อนหรอ?”

งานแต่งงานหรอ?

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท