Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1119

ตอนที่ 1119

บทที่ 1119 ครั้งนี้คือการบอกลาจริงๆ

สำหรับฉินซีแล้ว?

เธอเพิ่งผ่านเรื่องราวความรักของคนอื่นมาโดยบังเอิญ เข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นตัวเอก แต่จริงๆแล้วเป็นแค่ของเล่นของลู่เซิ่นเท่านั้น ตอนจีบกันแรกๆ มันก็ทำให้สดชื่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะกลายเป็นความเบื่อ และสลายหายไป

อากัปกิริยามีความสำคัญที่สุด ฉินซีย้ำกับตัวเองในใจ

เธอจะไม่มีวันอ่อนแอเหมือนเหยาหมิ่น และเธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องขายขี้หน้าอย่างแน่นอน เธอแค่ต้องการบอกลา ลู่เซิ่นอย่างเงียบๆ ก่อนจะโบกมือลาจากเขาไป

ฉินซีลุกยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง

หน้าต่างของห้องสมุดหันไปทางสวนด้านหลังซึ่งไม่เหมือนกับวิวในห้องนอนเธอ เธอมองเห็นคนสวนสองสามคนที่รดน้ำอยู่ไกลๆ และพ่อบ้านที่ตอนนี้กำลังยืนคุยอยู่กับคนรับใช้ที่หน้าบ้าน

คงต้องขอลา

……

เมื่อออกมาจากห้องสมุด ฉินซีก็ได้พบกับพ่อบ้านพอดี

เมื่อเห็นเธอดูแตกต่างออกไป พ่อบ้านจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณผู้หญิง ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ? อาหารเที่ยงก็ไม่ได้กิน สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย”

ฉินซีโบกมือเพื่อขัดจังหวะเขา “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพราะฉันไม่ได้พักผ่อนดี แค่เหนื่อยเท่านั้น”

พ่อบ้านยังคงมีความกังวลฉายชัดในสายตาของเขา แต่เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้อีก ก่อนเปลี่ยนเรื่อง “อาหารเย็นพร้อมแล้ว ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายตัว จะให้ผมสั่งคนให้ยกขึ้นไปให้คุณบนห้องไหมครับ?”

ฉินซีส่ายหัว “ไม่เป็นไร ฉันจะลงไป”

นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้กินข้าวที่นี่ แม้จะไม่อยากอาหารเลยสักนิด อย่างน้อยก็แค่อยากบอกลาทุกคน

พ่อบ้านยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อฉินซีพูดแค่นั้น เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อีก ก่อนจะขอลงไปสั่งการเรื่องตั้งโต๊ะกับข้าวข่างล่าง

ฉินซีไม่ได้รีบลงไปข้างล่าง แต่ไปที่ห้องมืดอีกทางแทน

เพราะว่ามีคนแอบบุกรุกเข้ามา ทำให้มีการผลัดเปลี่ยนเวรยามของบอดี้การ์ดให้มาเฝ้า ดีที่ไม่มีกล้าเข้ามาขยับกล่องต่างๆของเธอ เมื่อตรวจพบแล้วว่าไม่มีการเปิดออกก็ผลักไปอยู่อีกทาง

ฉินซีเดินเข้าไปจัดเรียงสิ่งที่ของที่เกะกะอีกครั้ง หยิบสิ่งที่ไม่สำคัญออกมา และทิ้งกล่องเล็กๆ สองสามกล่อง

ฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกวักมือไปเรียกสาวรับใช้แถวนั้น เธอพูด “ช่วยย้ายกล่องพวกนี้ไปที่รถฉันหน่อย”

ทุกคนพยักหน้ารับคำสั่ง

แต่เมื่อพูดถึงเรื่องรถ เธอก็หวนนึกถึงบ้างสิ่งได้

พวกเขาหย่าร้างกันแล้ว เมื่อตอนแบ่งทรัพย์สินกัน ลู่เซิ่นได้ให้รถคันนี้กับเธอ

เรื่องเงินๆทองๆ ระหว่างเธอกับลู่เซิ่นนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่เรื่องเดียวที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขคือเธอไม่ได้คืนเงินของลู่เซิ่นเลย

ฉินซียิ้ม

เธอจำสิ่งที่ลู่เซิ่นพูดก่อนหน้านี้ได้

เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการให้ฉินซีจ่ายเงินคืนเขาเร็วขนาดนั้น เพราะเขากลัวว่าหลังจากเคลียร์เงินแล้วจะไม่มีความเกี่ยวข้องระหว่างกันอีก

เธอยังคิดว่าตอนนั้นลู่เซิ่นน่าตลกอยู่เลย ความสัมพันธ์ของเขาสองคนนอกจากเงินแล้ว ยังมีสิ่งต่างๆให้จำอีกมากมาย

ไม่คาดคิดว่า ประโยคนี้จะกลายเป็นจริงในที่สุด

เธอถอนหายใจเบาๆ แล้วหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง

คนรับใช้จัดโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆเมื่อเห็นเธอเดินผ่านมา จึงรีบดึงเก้าอี้ออกมาให้เธอพร้อมกับพูด “คนครัวคิดว่าตอนบ่ายคุณไม่ได้ทานอะไรเลย เลยจะทำโจ๊กทะเลให้คุณทานเรียกน้ำย่อยสักหน่อย ป้ากัวไปเรียนสูตรมาใหม่ เลยจะทำให้คุณลองทานครับ”

ฉินซียิ้มบาง ก่อนก้มลงไปชิม

โจ๊กทะเลมีกลิ่นหอมมาก มีเพียงแต่รสสัมผัสกลมกล่อม ไร้ความคาว จากที่ฉินซีไม่รู้สึกอยากอาหารสักนิด แต่หลังจากซดโจ๊ก จนรู้สึกท้องอุ่นขึ้น เธอจึงรู้สึกอยากอาหารขึ้นมาเล็กน้อย

พ่อบ้านจึงเรียกคนให้ยกอาหารขึ้นโต๊ะ

ห้องครัวของรีสอร์ท มีเชฟเฉพาะทางสองกลุ่ม มีที่รับผิดชอบการทำอาหารที่หรูหราสวยงามและยังมีแม่บ้านที่ปรุงอาหารตามรสฉบับดั้งเดิมอีกด้วย

โดยปกติแล้วพ่อบ้านจะถามว่าต้องการอาหารแบบไหน แล้วจึงไปบอกคนครัว แต่วันนี้ดูเหมือนทุกคนจะรู้ว่าความอยากอาหารของฉินซีไม่ดีนัก ทั้งสองฝ่ายเลยทำมื้อพิเศษขึ้นมาให้เธอ

“นี่… …” ฉินซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหันไปมองแม่บ้าน “ฉันจะกินคนเดียวหมดได้ยังไง นี่มันสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว”

พ่อบ้านแค่ยิ้ม “นี่ไม่ใช่คำสั่งของผมหรอกครับ วันนี้เป็นวันที่เชฟจ้าวต้องเป็นคนทำ แต่ไม่รู้ป้ากัวไปได้ยินมาจากใครไม่รู้ว่าคุณไม่ค่อยเจริญอาหาร จึงทำมาให้คุณทาน เรื่องมันก็เลยเป็นแบบนี้”

ฉินซียิ้มอย่างช่วยไม่ได้ หยิบตะเกียบขึ้นมาชิมนู่นนี่ อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าชม

อาหารบนโต๊ะอร่อยมาก ขนาดเป็นเธอที่วันนี้ไม่อยากจะกินอะไร ก็สามารถกินได้เรื่อยๆ

แต่เธอกินไปได้สักครึ่งชามก็หยุด ก่อนวางตะเกียบลง

ทันใดป้ากัวก็เดินออกมา

ป้ากัวเป็นผู้หญิงชาวเหนือทั่วไป เธอดูกระฉับกระเฉง ท่าทีการพูดก็ดูชัดถ้อยชัดคำ เธอเช็ดมือพลางเดินมาสำรวจฉินซี เมื่อพบว่าฉินซีแทบจะไม่แตะจานอาหารบนโต๊ะ แถมเธอยังวางตะเกียบลงแล้ว ป้ากัวอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาทันทีว่า

“คุณผู้หญิง วันนี้รสชาติอาหารไม่ถูกปากหรือคะ?”

ฉินซีส่ายหัว “ไม่เลย อาหารอร่อยมาก แต่ฉันแค่ไม่อยากกินอะไรน่ะ”

ทันใดนั้นสีหน้าของป้ากัวพลันมีความหมายอะไรบางอย่างขึ้นมา ลากนำเสียงยาวขึ้นมา “คุณผู้หญิง ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ถึงจะไม่อยากทานอะไร ก็ทนฝืนทานหน่อย เดี๋ยวร่างกายจะแย่เอานะคะ”

ตอนแรกที่ฟังฉินซีก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ทันใดเธอก็คิดขึ้นมาได้ ว่าทำไมวันนี้คนครัวถึงคึกคักกัน

จริงๆแล้วพวกเขาคิดว่าที่เธอไม่อยากอาหาร เป็นเพราะ เธอกำลังตั้งครรภ์

นี่ถ้าอยู่ในการ์ตูน บนหัวเธอคงมีเส้นสีดำๆพาดอยู่เป็นแน่

นี่เธอจะไปจากที่นี่แล้วนะ ทำไมถึงกำลังเข้าใจผิดกัน

เธอยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ พลางส่ายหัวและอธิบายว่า “ไม่ใช่ ป้ากัวฉันไม่ได้ ——“

“นี่คุณซ่อนอะไรจากป้าอีกคะ!” ป้ากัวกระแทกแล้วโบกมือไปมา “ป้ารู้ว่าคนอย่างพวกคุณต้องใส่ใจมากค่ะ ไม่ถึงสามเดือนก็ไม่ควรพูดอะไรออกมา ป้าเข้าใจ!”

ใบหน้าของฉินซีแข็งค้าง ใบหน้าของป้ากัวที่พูดว่า “เข้าใจ” ทำให้เธอยิ้มแห้ง

ฉินซีหันไปพูดกับพ่อบ้านว่า “พ่อบ้าน คุณต้องพูดกับฝั่งคนครัวให้เข้าใจ อย่าให้เขาทำงานหนักแบบนี้”

พ่อบ้านยิ้มและพยักหน้า ไม่แน่ใจว่าเขาเชื่อเธอจริงหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ได้ดูขัดอะไร

คนรับใช้ทั้งหมดเดินออกไปไม่มีใครอยู่ในห้องอาหาร นอกจากฉินซีและพ่อบ้าน

ฉินซีมองไปรอบ ๆ ห้องอาหาร

การตกแต่งของชิงหยวน แตกต่างจากบ้านอื่น ๆ ในตระกูลลู่ ไม่ใช่สไตล์จีนจ๋าดั้งเดิม แต่เป็นสไตล์ตะวันตกแบบมินิมอล โทนสีหลักเป็นสีขาว มีโต๊ะยาวสีขาววางอยู่ ตรงกลางมีผ้าปูโต๊ะสีขาวดูเรียบง่ายและสง่างาม

เธอยังจำครั้งแรกที่มาที่นี่ ตอนที่มากินข้าวคนเดียวได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท