Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1121

ตอนที่ 1121

บทที่ 1121 ตั้งใจบอกลา

น่าจะแทบไม่มีข้าวของอะไรหลงเหลือแล้วสินะ……

ฉินซีเดินดูวนรอบหนึ่ง หยิบของเล็กๆ น้อยๆ ที่วางกระจัดกระจายอีกครั้ง ก็นับว่าเก็บของครบถ้วนแล้ว

เธอผลักกระเป๋าเดินทางไปข้างประตู ส่วนตัวเองนั่งลงที่โซฟา แล้วหยิบมือถือขึ้นมา เตรียมจะส่งคลิปไปให้ลู่เซิ่นเมื่อถึงเวลา

ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะต้องพูดทุกอย่างให้ชัดเจน

ฉินซีรู้ดี ในใจลึกๆ ยังคงมีความหวังอันเลือนรางเหลือเกิน หวังว่าลู่เซิ่นจะมีคำอธิบายที่ฟังขึ้น ประสานดวงใจที่แหลกสลายของเธอให้กลับมาดีดังเดิม

แต่ทั้งสมองและสติสัมปชัญญะกลับบอกเธอว่า มันไม่มีทางเป็นไปได้

ความสงสัยเกิดขึ้นแล้ว คลิปนั่นดูแล้วช่างเหมือนจริงเหลือเกิน ฉินซีรู้ดี แทบไม่มีอะไรโน้มน้าวเธอได้แล้ว

ดังนั้นคลิปครั้งนี้ เหมือนกับเป็นการตั้งใจบอกลามากกว่า

เมื่อกล่าวคำลาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพบหน้ากันอีก

ตอนนี้ฉินซีซึ้งใจที่ตอนนั้นอานหยันเจ้ากี้เจ้าการ ลากเธอไปดูห้อง และยังทำสัญญาเช่าหลายเดือน

อย่างน้อยตอนนี้เธอจะไปจากที่นี่ ก็ไม่ถึงกับไม่มีที่ไป

ท้องฟ้านอกหน้าต่างค่อยๆ ลับแสง อารมณ์ของฉินซีกลับสงบขึ้น

เธอรู้ดี ฟังน้ำเสียงร่าเริงของลู่เซิ่นเมื่อคืนวาน วันนี้เขาตื่นนอนแล้วจะต้องโทรมาหาเธอแน่นอน

สิ่งที่เธอจะได้ เพียงแต่รอคอยเท่านั้น

หมู่นี้ท้องฟ้ามืดเร็วมาก เพิ่งจะเลยหนึ่งทุ่ม ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

ฉินซีไม่ได้เปิดไฟ ความมืดจึงปกคลุมทั้งห้อง

บรรยากาศที่มืดมิดทำให้รู้สึกง่วงนอนได้ง่าย โซฟานุ่มสบายยิ่งทำให้รู้สึกง่วง ไม่นานนัก เปลือกตาของฉินซีก็ค่อยๆ ปิดลง……

ทันใดนั้นเสียงประตูระเบียงดังขึ้น

ฉินซีสะดุ้งตื่น

มีคนมา

หรือว่าอย่างอื่นกันแน่

ตอนบ่ายเพิ่งจะมีคนแอบบุกเข้ามาในรีสอร์ทชิงหยวน เธอยังไม่รู้สึกผ่อนคลายสักเท่าไร เมื่อมีความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้เธอระแวดระวัง

เธอกำมือถือในมือแน่น พร้อมโทรขอความช่วยเหลือทุกเมื่อ

แต่ภายในห้องมืดสนิท เธอมองเห็นสถานการณ์ในห้องได้ไม่ชัด จึงไม่กล้าขยับตัว ได้แต่นั่งบนโซฟากลั้นหายใจ ตั้งใจจับทิศทางเสียงในห้อง

……มีเพียงความเงียบเท่านั้น

ฉินซีรอคอยในความมืดเนิ่นนาน นานจนเธอสงสัยว่าตัวเองคิดมากไปเองหรือเปล่า หรือที่จริงแล้วไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรดังมาจากทางระเบียง

ในที่สุดเธอทนไม่ไหว ค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟา ตัดสินใจจะไปดูที่ระเบียงสักหน่อย

แต่ขณะที่เธอเพิ่งจะยืนขึ้นนั้น

“ไม่ต้องหาแล้ว”

ทันใดนั้นมีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังฉินซี

ฉินซีไม่ทันตั้งตัวตกใจ จนขาอ่อน เกือบจะล้มลงไปที่โซฟา

เธอหันกลับไป ตะโกนเสียงดัง “ใคร”

เสียงนี้คุ้นหูไม่น้อย แต่เวลานี้ฉินซีใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่อาจไตร่ตรองความทรงจำได้

เธอยังไม่ทันเปิดไฟฉาย ผู้ชายคนนั้นก็เปิดไฟฉายจากมือถือก่อน

แสงจ้าจากด้านหลังมือถือสาดแสงออกมา ถึงแม้จะไม่ส่องเข้าตาฉินซี แต่ก็ทำให้เธอทนไม่ได้จนต้องหรี่ตา

สายตาของเธอปรับตัวกับแสงจ้านั้นอย่างรวดเร็ว จนเห็นชัดว่าคนผู้นั้นคือใคร

……ไม่ถือว่าเกินความคาดหมาย คนที่บุกเข้ามา ก็คือจ้านเซิน

“คุณนั่นเอง” เมื่อเห็นชัดว่าเป็นใคร ฉินซีกลับรู้สึกสงบลง

จ้านเซินรู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีนิ่งสงบของเธอ เลิกคิ้วถาม “คุณไม่แปลกใจหรือไง”

ฉินซียิ้มนิดนึง ไม่ตอบอะไร

เธอจะบอกไม่ได้ ครั้งแรกที่เจอหน้าจ้านเซินก็รู้สึกว่าเขามีบางอย่างแปลกๆ

อีกอย่าง สัญชาตญาณของฉินซีที่บอกไม่ถูก จ้านเซินไม่ใช่คนเลว

ฉินซีเงียบ จ้านเซินเดินอ้อมไปหน้าโซฟาอย่างสง่าผ่าเผย นั่งลงตรงโซฟาข้างฉินซีตามสบาย

“คุณกำลังรอโทรศัพท์ของลู่เซิ่นหรือ” เขาเงยหน้ามองฉินซี

ฉินซีหน้าตึง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณหรือเปล่าคะ”

จ้านเซินหัวเราะเบาๆ “จะไม่เกี่ยวกับผมได้ยังไง”

มีอะไรบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของฉินซี เธอขมวดคิ้ว ก้มหน้ามองจ้านเซิน“คุณเองหรือ”

เธอยังถามคำถามไม่จบ แต่เมื่อเห็นการแสดงออกของจ้านเซินเห็นชัดว่าเขารู้ว่าเธอกำลังถามอะไร

เขาพยักหน้าอย่างสุขุม “ผมทำเอง ทั้งส่งคลิปเสียงทางอีเมล์ ตอนบ่ายเข้ามาก็อปปี้คลิปในคอมพิวเตอร์ของคุณ ผมเป็นคนลงมือเอง”

สีหน้าของฉินซีเย็นชา

ใช่ว่าเธอจะไม่เคยสงสัยจ้านเซินมาก่อน แต่ถึงแม้จะรู้สึกว่าจ้านเซินแปลกๆ เธอก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีจ้านเซินทำขนาดนี้ไปเพื่ออะไร

“เพราะอะไรคะ” เธอถามเขา

จ้านเซินหัวเราะเบาๆ “ถังย่าไม่เคยบอกคุณหรือ ผมก็แค่อยากให้คุณรู้ธาตุแท้ ลู่เซิ่นเป็นคนอย่างไร”

สีหน้าของฉินซียังคงเย็นชา “ลู่เซิ่นเป็นคนอย่างไร ฉันไม่จำเป็นต้องให้คุณเป็นคนบอก”

จ้านเซินราวกับได้ฟังเรื่องตลก หัวเราะออกมา หันมามองฉินซี “ไม่ต้องให้ผมบอกงั้นหรือ แต่คุณก็เชื่อหลักฐานพวกนี้ไม่ใช่หรือ ไม่อย่างนั้นทำไมต้องเก็บของเตรียมไปจากที่นี่ล่ะ”

ฉินซีถูกพูดแทงใจ ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรไปชั่วขณะ

เสียงของจ้านเซินนุ่มนวล คล้ายกับจะสะกดจิต “คุณลองคิดสิ ถ้าผมไม่ส่งคลิปพวกนี้ให้ คุณจะถูกผู้ชายเหยียบเรือสองแคมอย่างลู่เซิ่นปิดบังไปถึงเมื่อไร หรือจะรอให้เขาแต่งงานก่อน ค่อยพาเมียใหม่กลับมา คุณเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ตรงๆ จะรับได้มากกว่าหรือไง”

ฉินซีหรี่ตา

เธอเชื่อสนิทว่าคลิปเสียงและภาพเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หลังจากจ้านเซินโผล่มา เธอกลับรู้สึกสงสัย

ถ้าหาก… จ้านเซินแกล้งทำคลิปพวกนี้ขึ้นทั้งหมดล่ะ

เธอดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์ หยิบมือถือขึ้นมาทันที

เธอรอต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องโทรไปหาลู่เซิ่นเดี๋ยวนี้ ถามให้แน่ชัดเรื่องทั้งหมดเป็นยังไงกันแน่

ในห้องยังคงไม่ได้เปิดไฟ หลายนาทีนี้ทั้งสองคน สนทนากันท่ามกลางความมืด แสงสว่างเพียงอย่างเดียวคือไฟฉายจากมือถือของจ้านเซิน

เมื่อฉินซีแตะมือถือ ก็เกิดแสงสว่างอีกจุดหนึ่งทันที

แสงสว่างดึงความสนใจของจ้านเซิน หันไปมองมือถือของเธอ น้ำเสียงมีแววเยาะเบาๆ “คุณคิดจะโทรไปหาลู่เซิ่น ถามเรื่องทั้งหมดนี้จริงไหม”

ฉินซีหน้าตึง ไม่ตอบคำถาม

จ้านเซินกลับมีทีท่าผ่อนคลายเอนหลังกับโซฟา แบมือทำนองไม่แยแส “คุณอยากถาม ก็ถามสิ แต่ผมคิดว่า ตอนนี้เขาคงไม่มีเวลารับสายของคุณ”

ฉินซีขมวดคิ้วนิดๆ ไม่สนใจเขา

แต่นิ้วมือที่จะกดปุ่มโทรออก กลับหยุดชะงัก

จ้านเซินคงจะสังเกตเห็นแล้ว หรือไม่เห็นก็ตาม แต่เขายังคงเอนหลังกับโซฟาสบายๆ เห็นฉินซีนิ่งเฉยไปครู่หนึ่ง จึงพูดเร่งเธอ “คุณจะโทรไม่ใช่หรือ ทำไมไม่โทรล่ะ”

ฉินซีสูดหายใจลึก กดปุ่มโทรออก

หนึ่งนาทีแห่งการรอคอย เสียงรอสายที่ได้ยิน ราวกับทุบลงบนใจของเธอ

หลังจากหนึ่งนาทีนั้น เสียงผู้หญิงเย็นชาดังมาจากปลายสาย “หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่มีผู้รับสาย…”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท