Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1124

ตอนที่ 1124

บทที่ 1124 วิตกกังวล

เสียงของพ่อบ้านดังมาตามสาย “ประธานลู่ คุณผู้หญิงเพิ่งออกไปครับ”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ตอนนี้น่ะหรือ”

ลองคำนวณดูแล้ว เวลาของประเทศF น่าจะเกือบสี่ทุ่มแล้ว ทำไมฉินซีออกไปเวลานี้

น้ำเสียงพ่อบ้านกังวล “คุณผู้หญิงบอกว่าเพื่อนของเธอที่ชื่ออานหยันมีเรื่องนิดหน่อย อารมณ์ไม่ค่อยดี เธอจะไปปลอบใจครับ”

เมื่อพูดถึงอานหยัน ลู่เซิ่นค่อยวางใจลงบ้าง

ในใจเขาอานหยันเป็นผู้หญิงแปลกๆ ถ้าจะทำอะไรก็เป็นเรื่องปกติมาก ให้ฉินซีไปเป็นเพื่อนตอนดึกดื่นเช่นนี้ ก็เป็นไปได้

อีกอย่างหนึ่ง เขารู้ว่าอานหยันเป็นคนของสำนักข่าวกรอง ที่พักของเธอได้รับการดูแลรัดกุม ฉินซีอยู่ที่นั่น ถือว่าปลอดภัยมากทีเดียว

น้ำเสียงของเขาจึงผ่อนคลายลง “ถ้าไปอยู่กับอานหยัน ก็ไม่น่าจะมีอะไร สองสามวันนี้ผมไม่อยู่ เธอคงจะไม่มีอะไร ช่วงนี้ไปอยู่กับอานหยันก็ดี ช่วยดูแลเธอ อย่าทำงานหนักไป”

ลู่เซิ่นคิดถึงตอนวีดิโอคอลเมื่อวานฉินซีสีหน้าอิดโรย และยังดูเศร้าสร้อยด้วย

ต้องหาเวลาเกลี้ยกล่อมเธอ ลู่เซิ่นคิดในใจ ใกล้จะจัดงานแต่งงานแล้ว ทำงานอดหลับอดนอน หน้าต้องโทรมแน่

ในงานแต่งงาน ฉินซีจะต้องอยากเป็นคนที่สวยที่สุดในงาน

แต่พ่อบ้านที่อยู่ปลายสายคิดไม่ถึงความคิดของลู่เซิ่นจะไปไกลถึงขนาดนี้ ได้บทเรียนจากไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขากลัวว่าถ้าตัวเองลังเลอีก ก็กลัวว่าลู่เซิ่นจะวางสาย จนไม่มีโอกาสอธิบาย จึงรีบพูดขัดจังหวะความคิดของลู่เซิ่น “ไปอยู่กับคุณอานแน่นอนว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมรู้สึกว่า… คุณผู้หญิงดูแปลกๆ ไปนะครับ”

“แปลกยังไงหรือ” ลู่เซิ่นขมวดคิ้วนิดหนึ่ง ความคิดแล่นกลับมาเมื่อได้ยินประโยคนี้ “แปลกตรงไหน”

พ่อบ้านคิดอยู่ครู่หนึ่ง พูดขึ้นอย่างลำบากใจ “พูดไม่ถูกครับ รู้สึกว่า…เธอก้มหัวตลอด ไม่สบตาคน ท่าทางก็ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ พูดง่ายๆ คล้ายกับ…หุ่นเชิดครับ”

เพราะเวลาจำกัด เขาไม่ได้พูดถึงท่าทางแปลกๆ ของฉินซีก่อนหน้านี้ จึงไม่ได้อธิบายทั้งหมด

เขาบอกกับลู่เซิ่นไม่ได้ เขารู้สึกว่าฉินซีเหมือนจะกล่าวคำอำลา คิดจะไปจากรีสอร์ทชิงหยวน ตัวเองถึงได้วิตกกังวลขนาดนี้

เมื่อได้ฟังพ่อบ้านอธิบายโดยละเอียด ลู่เซิ่นขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม

ทำไมเมื่อได้ยินคำอธิบายเช่นนี้ เหมือนกับถูกวางยาควบคุมประสาทหรือถูกสะกดจิตอะไรทำนองนั้น

เรื่องนี้เกี่ยวกับความปลอดภัยของฉินซี เขาไม่กล้าประมาท น้ำเสียงจริงจังขึ้น “เธอไปแล้วหรือ ไปนานหรือยัง ไปคนเดียวหรือเปล่า”

พ่อบ้านรีบตอบ “เพิ่งไปไม่นานครับ ผมให้คนขับรถไปส่ง และยังกำชับเป็นพิเศษให้ส่งคุณผู้หญิงถึงหน้าบ้านคุณอาน เห็นเธอเข้าบ้านแล้วค่อยกลับ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า “โอเค ผมรู้แล้ว ผมจะโทรไปหาฉินซีให้แน่ใจ คุณโทรไปหาคนขับรถสั่งอีกที ต้องแน่ใจว่าเธอเข้าบ้านอานหยันแล้วค่อยกลับ”

พ่อบ้านรับคำหลายครั้ง ลู่เซิ่นวางสาย ไม่รอช้า วีดิโอคอลไปหาฉินซีทันที

ฉินซีรับสายอย่างรวดเร็ว “ลู่เซิ่น”

น้ำเสียงของลู่เซิ่นกังวล เขาตั้งใจสังเกตสีหน้าของฉินซี

ฉินซีนั่งอยู่ในรถ แสงไฟจากท้องถนนนอกหน้าต่างส่องเข้ามา เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด เธอมองหน้าจอ มุมปากมีรอยยิ้มนิดๆ เหมือนทุกครั้งที่วีดิโอคอลคุยกัน ลู่เซิ่นดูไม่ออกว่ามีอะไรผิดปกติ

เขาไม่รู้จะบอกอย่างไรที่ตัวเองสงสัยเพราะคำพูดของพ่อบ้าน จึงได้แต่ถาม “คุณอยู่ไหน ไม่อยู่บ้านหรือครับ”

ฉินซีพยักหน้า “อานหยันถูกทิ้ง อารมณ์ไม่ค่อยดี ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอค่ะ”

ลู่เซิ่นได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ในที่สุดก็คลายความสงสัยไปสิ้น

ตอนนี้ใช้ยาประเภทควบคุมประสาทได้นั้นมีโอกาสน้อยนิด ราคาก็แพงลิบ ถึงแม้ยาส่วนใหญ่จะมีผลแล้ว ทำให้คนเชื่อฟัง แต่ทำให้คนเปลี่ยนเป็นเหมือนหุ่นเชิดได้ สั่งอะไรก็ทำตาม นี่คือสาเหตุที่เขากังวลหลังจากฟังพ่อบ้านอธิบาย

แต่หน้าตาท่าทางของฉินซีที่เห็นอยู่ ไม่เหมือนผลจากการใช้ยาประเภทนั้นที่ออกฤทธิ์ทำให้เหม่อลอย

ที่จริงใช่ว่าจะไม่มียาที่ให้ผลเช่นนี้…แม้แต่ลู่เซิ่นยังรู้เรื่องนี้ผิวเผิน ยาชนิดนี้เป็นยาที่ทางทหารเพิ่งพัฒนาขึ้น ราคาสูงลิบ ได้ยินมาว่าทำให้คนเชื่อฟัง และยังดูไม่ออกว่าถูกใช้ยา ส่วนยาจริงๆ เป็นยังไง ผลการใช้ยาเป็นยังไง แม้แต่ลู่เซิ่นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจะหาซื้อยาชนิดนี้มาได้

ถึงแม้จะหายามาได้ แล้วจะเอามาใช้กับฉินซีได้อย่างไร รีสอร์ทชิงหยวนรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ใครกันจะมีโอกาสวางยาฉินซี ใช้ยานี้กับเธอ ทำให้เธอเชื่อฟังและทำตามได้หรือ

ตอนนี้ฉินซีเปิดเผยว่าไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉินแล้ว คนภายนอกก็ไม่รู้ว่าเธอได้รับเงินจากการขายหุ้นบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับฉินซี ก็ยิ่งถูกเขาตั้งใจเก็บเป็นความลับ

การดูแลหลายชั้นขนาดนี้ เพียงพอที่จะทำให้ฉินซีไม่มีค่าอะไรในสายตาคนอื่น แล้วทำไมถึงมีคนใช้ยาแพงขนาดนี้ควบคุมเธอ

ลู่เซิ่นรู้สึกว่าตัวเองวิตกกังวลเกินไปแล้ว

แน่นอนถ้าคุณรู้ว่าตอนบ่ายรีสอร์ทชิงหยวนถูกคนบุกเข้ามาแล้ว เขาย่อมไม่มองในแง่ดีเช่นนี้แน่

ทว่าตอนนี้เขาไม่รู้อะไรสักนิด เพียงยิ้มมองฉินซี “คุณจะอยู่ที่นั่นกี่วันครับ”

ภาพฉินซีหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง หลายวินาทีต่อมาถึงจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง ถามน้ำเสียงเจือความสงสัย “เมื่อกี้คุณพูดอะไรคะ สัญญาณทางนี้ไม่ค่อยดี”

ลู่เซิ่นยิ้ม “ไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวรอคุณไปถึงบ้านอานหยันค่อยคุยกันนะ ยังมีอีกหลายเรื่องไม่ทันได้บอกคุณ”

ฉินซีพยักหน้า “ค่ะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”

แค่ประโยคเดียวสั้นๆ สัญญาณฝั่งฉินซีสะดุดหลายครั้ง ได้ยินเสียงขาดๆ หายๆ

ลู่เซิ่นส่ายหัวยิ้ม พูดบ๊ายบาย แล้ววางสาย

ถ้าเขารู้ นี่เป็นการพูดคุยกันครั้งสุดท้ายเพราะหลังจากนี้เขาจะไม่ได้คุยกับฉินซีอีกนาน เขาคงจะไม่มีทางยอมวางสายง่ายๆ

เขาในตอนนี้ กับเรื่องที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด ยังไม่รู้อะไรสักนิด

อีกครู่หนึ่ง พ่อบ้านก็ส่งข้อความมา

ลู่เซิ่นเปิดดู เป็นคลิป

คนขับรถคงจะถูกพ่อบ้านกำชับกำชาจนกลัวไม่น้อย เกรงว่าฉินซีจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นตอนที่อยู่กับตน จึงหยิบมือถือมาถ่ายตอนที่ฉินซีเดินเข้าบ้านอานหยัน

ภาพในคลิปไม่ชัดมากนัก ลู่เซิ่นเห็นรูปร่างมัวๆ กดกริ่งประตู ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ประตูเปิดออก คนนั้นเดินเข้าไป ท่าทางเป็นธรรมชาติมาก ดูไม่ออกว่าถูกบังคับตรงไหน

แม้ว่าภาพจะไม่ชัด เขาก็ดูออก คนนั้นคือฉินซี

เพิ่งจะเห็นหน้าฉินซีเมื่อไม่กี่นาทีก่อนแท้ๆ แต่ตอนนี้อยู่ๆ เขาก็คิดถึงเธอ

เขารู้ดี ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะจมกับความรู้สึกของตัวเอง

เขาวางมือถือลง เดินเข้าบ้านเก่า

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท