Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1129

ตอนที่ 1129

บทที่ 1129 การรังแกใดๆ

ฉินซีลุกพรวด

เธอไม่อาจนั่งรอความทรมานได้!

ในเมื่อไม่อาจหลบหนีได้ เธอไม่ยอมอยู่เฉย ให้ใครรังแกเด็ดขาด!

แต่เธอยังไม่ทันได้ก้าวเท้าออกไป เสียงของจ้านเซินก็ดังขึ้นข้างหลังเธอเบาๆ

“ฉินซี คุณรู้มั้ยทำไมเมื่อวานแค่หายใจนิดเดียว ก็เชื่อฟังผมแต่โดยดี”

จ้านเซินลุกขึ้นตาม เดินมาหยุดที่ข้างฉินซี ก้มมองเธอ “ในทางทหาร MNC คือยาประเภทควบคุมประสาทที่เพิ่งพัฒนาออกมาล่าสุด มันออกฤทธิ์ควบคุมการกระทำและความคิดบางส่วนของผู้ใช้ยา แต่ไม่เปลี่ยนผลของการแสดงออกอย่างอื่น แทบดูไม่ออกว่าคนนั้นถูกใช้ยา ไม่เสพติด ไม่มีอาการภายหลัง คิดราคาตามมิลลิกรัม แค่นิดเดียวเท่านั้น…” เขายกมือขึ้นมา นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือติดกัน “ก็ราคาหลักแสน”

เขาพูดไปพลาง หยิบขวดเล็กๆ ออกมาจากกล่องยาของคนสวมชุดกาวน์ เขย่าตรงหน้าเธอ “เมื่อวานคุณคนเดียว ก็ใช้ยาไปเกือบสิบล้าน แต่ถ้าคุณอยากจะหนีอีก ผมก็ไม่เสียดายที่จะใช้ยามากขนาดนั้น ทั้งหมดกับคุณ”

ฉินซีมองยาที่เขย่าในขวดแก้วเล็กๆ นั้น ในที่สุดก็พูดตอบโต้ จ้านเซิน

เธอหรี่ตา มองจ้านเซินแฝงความรู้สึกเยาะเย้ย “ฉันยังไม่รู้เลย ฉันมีค่าอะไร ควรค่าให้คุณต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้น เพื่อรั้งให้ฉันอยู่ที่นี่”

รอยยิ้มของจ้านเซินที่มุมปากกว้างขึ้น “ผมบอกแล้วไง รอคุณจำได้ ก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง”

ขณะที่ทั้งสองคนสนทนากัน คนสวมชุดกาวน์ยืนขวางหน้าประตูไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไร

ฉินซีประเมินด้วยสายตา

คนสวมชุดกาวน์แม้จะผอมสูง แต่ดูแล้วไม่อ่อนแอ คงจะเป็นตัวร้ายเช่นกัน

ถึงแม้จะวิ่งหนีได้คนหนึ่ง ก็ไม่มีทางวิ่งหนีถึงสองคนได้ ไม่นับยาในมือ จ้านเซินนอกตึกนี้ก็คงเป็นถิ่นของจ้านเซินเธอไม่มีวันหนีพ้น

ฉินซีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

แม้ว่าจะรู้จักเขาไม่นาน เธอก็ดูออกจ้านเซินคือคนที่ชอบควบคุมมาก ถ้าเธอดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟัง เขาก็จะใช้วิธีที่รุนแรงขึ้นเพื่อควบคุมเธอ

หรือพูดได้ว่า…ถ้าเธอยืนยันไม่ยอมรักษา เขาต้องใช้ยาในมือนั่นแน่นอน

ถึงแม้ จ้านเซินจะพูดย้ำยานั่นไม่เสพติด และไม่มีผลเสียตามมา แต่ฉินซีไม่เชื่อคำพูดของเขาทั้งหมด

ในตอนแรกเธอรู้สึกว่า จ้านเซินไม่มีทางทำร้ายตัวเองก็จริง แต่เมื่อถูก จ้านเซินวางแผนเช่นนี้ ความรู้สึกนั้นก็หายไปนานแล้ว

ถ้าเธอเป็นเม่นตัวหนึ่ง ตอนนี้คงต้องสลัดขนแหลมทั้งตัวแน่

แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง วิธีการที่ดีกว่าในตอนนี้ คงจะเป็น…ยอมทำตาม แล้วค่อยหาโอกาสหนี

เธอยืนนิ่งไม่ขยับจ้านเซินดูเหมือนว่าจะมองเห็นว่าในใจของเธอหวั่นไหว โบกมือให้คนสวมชุดกาวน์ “เตรียมตัวได้”

คนสวมชุดกาวน์เดินเพียงก้าวหนึ่งก็มาถึงตรงหน้าฉินซี น้ำเสียงมีมารยาทแฝงด้วยความแข็งกร้าวที่ไม่อาจปฏิเสธได้ง่าย “คุณฉิน เชิญนั่งครับ”

ฉินซีไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ทำตามเขา เดินกลับไปนั่งที่โซฟาสีน้ำตาลเข้ม

คนสวมชุดกาวน์ให้เธอนั่งบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกล่องยา

เขาทำเสียงต่ำ “ตอนนี้ หลับตาครับ”

เสียงของเขาเพิ่งหายไป จ้านเซินก็พูดเสริมขึ้น “คุณทำตาม จะดีที่สุด ถ้าไม่ได้ผล คุณก็รู้ดี ยาขวดนี้รอคุณอยู่เสมอ”

ฉินซีหลับตา เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เพียงแต่ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร

หลังจากคำพูดของคนสวมชุดกาวน์ ลมหายใจของเธอยาวขึ้นช้าๆ

จ้านเซินรู้ว่า เธอถูกสะกดจิตแล้ว

คนสวมชุดกาวน์ยังคงชี้นำความทรงจำของฉินซีอยู่ตลอด เขาไม่รีบร้อนออกไป นั่งเงียบๆ รอที่เตียงไม่ห่าง สายตาจับจ้องที่ฉินซี

ต้องการให้ฉินซีนึกเรื่องราวในอดีตได้ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่วิธีสะกดจิตเท่านั้น

แต่…นี่คือวิธีที่เร็วที่สุด

จ้านเซินไม่มีทางทนยอมเห็นฉินซีตั้งใจมุ่งหน้าสู่ชีวิตใหม่ โดยไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอดีต

เธอต้องเป็นคนข้างกายเขา ต้องถูกเขาควบคุมตลอดไป

ใกล้กันนั้น ลมหายใจของฉินซีไม่ยาวแล้ว แต่จังหวะหายใจถี่ขึ้น

สายตาของจ้านเซินดีมาก เมื่อมองดู ก็เห็นฉินซีขมวดคิ้วแน่น สีหน้าขาวซีด

กระทั่ง…มีหยดเหงื่อผุดขึ้นเต็มขมับ

จ้านเซินเม้มริมฝีปาก แต่ไม่ได้สั่งให้หยุด

……

เมื่อได้ยินคนสวมชุดกาวน์ออกคำสั่ง ฉินซีสะลึมสะลือ รู้สึกว่าสติของตัวเองคลำอยู่ในความมืดเนิ่นนาน เดินวนเวียนในเขาวงกตท่ามกลางความมืดมิดพักใหญ่ ทันใดนั้นก็คลำเจอประตูบานหนึ่งตรงหน้า

ประตูบานนั้นหนักมาก เหมือนกับมีแรงอะไรสักอย่างยันกับเธอ ไม่ยอมให้เธอเปิดประตูบานนี้ แต่สำนึกของเธอแน่วแน่มาก ต้องการเปิดประตูให้ได้

ไม่รู้ว่าทั้งสองฝั่งงัดข้อกันนานเท่าใด ในที่สุดเธอก็ผลักประตูบานนั้นเปิดออกได้

เธอเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง เหมือนเหยียบลงกลางอากาศ ร่วงลงไปอย่างแรง

เธอยื่นมือไปอยากจะไขว่คว้าอะไรบางอย่าง รอบตัวมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรหยุดยั้งเธอไม่ให้ร่วงหล่นลงไป

เธอรู้สึกแต่ว่าผ่านไปเนิ่นนาน ตัวเองถึงหยุดดำดิ่งลงไป

แต่นี่ยังไม่สิ้นสุด

เธอมองไปรอบๆ รู้สึกว่าตัวเองก้าวสู่ฝันร้าย

แต่เธอรู้ดี ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝัน

เพราะเทียบกับความฝันแล้ว ช่างเหมือนจริงเหลือเกิน

ครั้งนี้ เธอไม่ได้ใช้มุมมองของพระเจ้ามองลงมาแล้ว แต่เป็นมุมมองของตัวเองที่สัมผัสกับทุกอย่าง เพราะอย่างนี้ ความรู้สึกเป็นของตัวเองมากกว่า ความเจ็บปวดก็รุนแรงเป็นพิเศษ

……

ฉินซีก้มดูกระโปรงของตัวเอง แน่ใจว่า นี่คือตอนเธออายุสิบขวบ

เพราะเธอมีความทรงจำกับกระโปรงตัวที่กำลังสวมใส่มากเหลือเกิน มันเป็นของขวัญวันเกิดอายุสิบขวบที่พ่อซื้อให้ แต่เธอได้สวมไม่กี่ครั้ง ตอนหลังไม่รู้คนรับใช้เอาไปเก็บไว้ที่ไหน

คุณปู่ซื้อของขวัญให้เธอมากมาย แต่เธอกลับจำกระโปรงตัวนี้ที่หายไปอย่างไม่รู้สาเหตุได้แม่นยำ

คงเป็นเพราะคนเรามักเป็นอย่างนี้ ฝังใจกับของที่หายไป

แต่ไม่นานฉินซีก็หันไปสนใจกับเสียงคนจากภายนอก ไม่ก้มหน้าพิจารณากระโปรงที่ตัวเองสวมอยู่อีกต่อไป

เธอมองไปรอบๆ พบว่าตัวเองอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวน

ถ้าจะพูดให้ชัดเจนคุณปู่ฉินยังอยู่ที่นี่ บ้านยังไม่ถูกขาย เวลานั้นจึงยังเรียกว่าบ้านตระกูลฉิน

ที่จริงแล้ว เมื่อคาดเดาจากลำดับเวลา ตอนนี้เธอควรจะเพิ่งฉลองวันเกิด อยู่ที่บ้านตระกูลฉินเป็นเรื่องปกติ

ทำไมความทรงจำช่วงแรกถึงเริ่มต้นที่นี่นะ

ฉินซีไม่เข้าใจ แต่ยังคงเดินย่องไปยังทิศทางที่มีเสียงคนดังมา

เธอซ่อนตัวหลังร่มไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ยื่นหน้าออกไปนิดหนึ่ง

คนที่กำลังสนทนากัน คือฉินซึ่งเทียนกับคุณปู่ โชคดีที่ทั้งสองคนหันหลังให้ จึงไม่เห็นความเคลื่อนไหวของเธอ

พวกเขาสองคนเหมือนกำลังถกเถียงอะไรกัน ไม่สามารถควบคุมเสียงได้ เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ

ทำให้ฉินซีที่หลบอยู่ไกลออกไปได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่ชัดเจน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท