Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1130

ตอนที่ 1130

บทที่ 1130 จ้านเซินในวัยเด็ก

“ฉินซี เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ส่งเธอไปที่นั่นทำอะไร!” คุณปู่โกรธจัดจ้องเขม็ง “ที่นั่นมันดีตรงไหน”

“พ่อ!” ฉินซึ่งเทียนไม่ยอมอ่อนข้อ “งั้นพ่อต้องไปโทษเหยาหมิ่น! พวกเราสองคนมีลูกสาวคนเดียว ได้แต่เลี้ยงแบบเด็กผู้ชาย! ที่นี่ เมืองAตระกูลที่มีหน้ามีตาก็ส่งลูกไปค่ายฝึกทั้งนั้น ผมให้ลูกไปรู้จักกับเด็กพวกนั้นก่อนผิดตรงไหน! ต่อไปก็ต้องเป็นเพื่อนกัน! อีกอย่าง ถึงฉินซีเป็นเด็กผู้หญิงแล้วยังไง ไปค่ายฝึกเรียนป้องกันตัวเองสักหน่อย ไม่เห็นเสียหายตรงไหน!”

คุณปู่กระแทกไม้เท้า “แกมันยโส! ฉินซึ่งเทียน! เพื่อหน้าตาของแก ขนาดลูกสาวยังไม่สนใจ!”

ฉินซึ่งเทียนเห็นว่าโน้มน้าวใจคุณปู่ไม่ได้ ลุกพรวด “พ่อ ผมบอกแล้วไง พ่อไม่เข้าใจ! คอนเนคชั่นสำคัญมาก ผมทำเพื่อตัวเองหรือไง ผมกำลังปูทางอนาคตให้ฉินซี! แค่ทำความรู้จักไว้ผิดหรือไง ผมสมัครให้ลูกแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะส่งเธอไป! พ่อไม่ต้องพูดแล้ว!”

เขาหันมาจะเดินมาทางที่ฉินซีซ่อนตัวอยู่ ดีที่คุณปู่พูดอีกครู่หนึ่งทำให้เขาหยุดอยู่ที่เดิม

ฉินซีรีบวิ่งออกไปจากที่ซ่อนเบาที่สุด

ในที่สุดก็หาเจอที่ปลอดภัยหน่อย เธอค่อยมีเวลาคิดถึงเรื่องที่เพิ่งจะได้ยินคุณปู่ทะเลาะกับฉินซึ่งเทียน

ฟังแล้วเหมือนกับ… ฉินซึ่งเทียนจะส่งเธอไปที่แห่งหนึ่งเรียกว่าค่ายฝึก แต่คุณปู่ไม่เห็นด้วย

ตอนฉันอายุสิบขวบ เคยไปค่ายฝึกด้วยหรือ

ฉินซีเอียงศีรษะครุ่นคิดครู่หนึ่ง แต่เรื่องตอนอายุสิบขวบผ่านมานานเหลือเกิน เธอคิดเรื่องที่มีประโยชน์ไม่ออก ในหัวมีแต่ความสับสน

เธออยากจะคิดต่อ แต่ที่ประตูมีคนเรียกเธอ คงจะเรียกไปกินข้าว ความคิดของฉินซีถูกขัดจังหวะ กำลังจะลุกขึ้นเดินไปข้างนอก ทันใดนั้นก็เหมือนหลุดเข้าไปในพายุหมุน

ฉากรอบตัวเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เธอสังเกตไปรอบๆ พบว่าตัวเองนั่งอยู่บนรถบัสโยกเยก

ก้มลงมอง ตัวเองสวมเสื้อลายพรางทหารตัวเล็ก คนที่นั่งรอบข้าง เป็นเด็กอายุพอๆ กับเธอ สวมเสื้อลายพรางทหารทุกคน ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้ชาย มีเด็กผู้หญิงไม่กี่คน

ท้องฟ้านอกหน้าต่างรถค่อนข้างมืดแล้ว เด็กๆ น่าจะนั่งในรถบัสมานาน ใบหน้าอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด มีหลายคนนอนหลับในรถที่สั่นคลอน

ฉินซีเข้าใจ คงจะเป็นเพราะในที่สุดคุณปู่ห้ามฉินซึ่งเทียนไม่ได้ ตัวเองยังคงถูกฉินซึ่งเทียนส่งไปสถานที่เรียกว่าค่ายฝึก

เธอกำลังนึกย้อนความทรงจำ รถก็เลี้ยวโค้งสุดท้าย หยุดจอดที่แห่งหนึ่ง

เด็กผู้หญิงที่นั่งข้างเธอลืมตาตื่น ดวงตาสะลึมสะลือเงยหน้ามอง “ถึงแล้วหรือ”

ฉินซีพบว่าตัวเองพยักหน้าโดยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ และยังใช้เสียงของเด็กหญิงอายุสิบขวบตอบ “น่าจะถึงแล้วมั้ง!”

ฉินซีเข้าใจแล้ว เธอไม่ได้กลับมาตอนอายุสิบขวบจริงๆ ถ้าจะอธิบาย เธอเหมือนวิญญาณล่องลอย มาอยู่ในร่างของตัวเองในอดีต จึงสามารถใช้สายตาของตัวเองสังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัว

ฉินซีที่อายุสิบขวบเพิ่งจะตอบคำถาม ประตูหน้าของรถบัสก็ถูกเปิด ผู้หญิงวัยกลางคนเดินขึ้นมา

“ทุกคนเข้าแถว ลงมาทีละคน!”

เด็กๆ ลุกขึ้นตามคำสั่ง ฉินซีก็ลุกขึ้นเช่นกัน เดินออกจากรถบัสตามแถวไป

รถจอดในหุบเขาแห่งหนึ่ง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา คือค่ายฝึกทหาร มองเห็นกลุ่มคนฝึกฝนอย่างเป็นระเบียบอยู่ไกลๆ และยังท่องคำขวัญพร้อมเพรียงกัน

ฉินซีขมวดคิ้วครุ่นคิด ทำไมจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยมาสถานที่ฝึกทางทหารตอนอายุสิบขวบ

ไม่รอให้เธอคิดถึงเรื่องอะไรที่สำคัญ ก็มีคนเป่านกหวีด ดึงความสนใจของฉินซี

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา หัวใจก็บีบตัวอย่างแรง

คนที่ยืนข้างคนเป่านกหวีด เห็นชัดว่าก็คือ จ้านเซินในวัยเด็ก

ฉินซีไม่มีทางจำผิดแน่ แม้ว่าตอนนี้ผิวของจ้านเซินยังไม่คล้ำมาก โครงหน้าก็ยังไม่คมเข้ม ร่างกายก็ไม่กำยำแตกต่างจากตอนนี้มาก ยังคงผอมบางเหมือนเด็กวัยสิบกว่าขวบ แต่ใบหน้ายังมีเค้าหน้าปัจจุบัน

ทำไมจ้านเซินมาอยู่ที่นี่

ฉันเคยรู้จักจ้านเซินมาก่อนจริงๆ หรือนี่

ในหัวของฉินซีสับสน ทันใดนั้นนึกสงสัยคำพูดของจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลคนนั้น

ตามที่หมอคนนั้นอธิบาย ความทรงจำของเธอหายไปเพราะเห็นแม่กระโดดตึก รับความกระทบกระเทือนไม่ไหวจึงสร้างการปิดกั้น สมองปกป้องตัวเอง กระทั่งสูญเสียความจำส่วนใหญ่

ความทรงจำที่ถูกลืมส่วนใหญ่เป็นช่วงหลังจากฉินซีโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่างน้อยไม่น่าห่างจากช่วงที่ถูกกระทบกระเทือนมากนัก

แต่ถ้าความทรงจำช่วงนี้เป็นความจริง หมายความว่าเธอสูญเสียความทรงจำช่วงสิบขวบ

ตรงข้ามกับการวินิจฉัยของหมอคนนั้น

อย่างน้อย ก็พิสูจน์แล้ว การสูญเสียความทรงจำของฉินซีไม่ใช่การปิดกั้นเพราะความเจ็บปวดแต่อย่างเดียว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีทางลืมเรื่องที่เกิดขึ้นตอนอายุสิบขวบ

ฉินซีรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ

…ยังมีสาเหตุอะไรอีก ฉันเคยเจอกับเรื่องอะไรอีกนะ

แต่นี่เป็นเพียงความสงสัยของฉินซีคนปัจจุบัน ขณะที่ฉินซีอายุสิบขวบใบหน้าไร้เดียงสายืนอยู่ในแถว ฟังคนเป่านกหวีดแนะนำเรื่องที่ต้องปฏิบัติ

มีกลุ่มคนอายุราวสิบกว่าหลายคนยืนขนาบข้างซ้ายขวาของคนเป่านกหวีด จ้านเซินเป็นคนหนึ่งในนั้น แต่ฉินซีมีความรู้สึกว่าจ้านเซินแตกต่างจากคนอื่น

หลังจากคนเป่านกหวีด แนะนำเรื่องที่ต้องปฏิบัติแล้ว ก็ให้ทุกคนแยกย้าย ไปหาหัวหน้ากลุ่มของตัวเอง

ฉินซียังอยากจะสังเกตจ้านเซินให้ละเอียดกว่านี้ แต่ก็ต้องจำใจเพราะตอนนั้นตัวเองไม่สนใจเด็กผู้ชายคนนี้สักนิดเดียว เมื่อได้ยินว่าเลิกแถว ก็จูงมือเพื่อนที่อยู่ข้างๆ เดินผ่านหลายคน สุดท้ายไปหยุดที่หน้าผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มนั้น

ฉินซียืนกับที่ เงยหน้าประสานสายตากับผู้หญิงที่นำกลุ่มนั้น ในใจอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

นี่ก็เป็นอีกคนที่คุ้นหน้า

ถังย่าที่อยู่ตรงหน้าอายุไม่น่าเกินสิบหก ใบหน้าอ่อนวัยกว่าตอนนี้มาก ริมฝีปากก็ไม่มีรอยยิ้มตามหน้าที่ อย่างที่ฉินซีเห็นจนเคยชิน แต่เป็นใบหน้าเย็นชา เหลือบตามองเด็กหญิงสองคนตรงหน้า น้ำเสียงก็เย็นชา “ชื่ออะไร”

ฉินซีพูดชื่อตัวเอง เด็กสาวข้างตัวเองก็บอกชื่อเช่นกัน ทั้งสองคนยืนรอครู่หนึ่ง จนพวกเด็กหญิงเดินมาครบ ทุกคนลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วถังย่าเก็บสมุดทะเบียน กวาดตามองทุกคน สั่งน้ำเสียงเย็นชา “ทั้งหมดแปดคน แบ่งเป็นสองแถว แถวละสี่คน รีบตามมา” พอพูดจบ ก็ไม่สนใจปฏิกิริยาของทุกคน เดินเข้าไปข้างในทันที

ฉินซีที่อายุสิบขวบและเพื่อนข้างๆ ก็รีบเดินตามไป แต่ยังคงกวาดมองไปรอบๆ

การสังเกตไปรอบๆ นี้เอง ฉินซีในตอนนี้ถึงพบว่า เบื้องหน้าจ้านเซินยังมีอีกคนหนึ่ง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท