Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1136

ตอนที่ 1136

บทที่ 1136 ความเจ็บปวดที่คุ้นเคย

ฉินซีรู้สึกว่าความผิดหวังบนใบหน้าของตัวเองนั้นจะต้องดูเกินบรรยายแล้ว เพราะฉะนั้นฟางฟางถึงได้ยื่นมือมา ลูบหัวตัวเองเบา ๆ แล้วพูดต่อว่า “ฉันแค่สามารถพูดกับเธอได้นิดหน่อยเท่านั้น นี่คือข้อมูลที่ฉันสามารถเปิดเผยได้มากที่สุดแล้ว องค์กรนั้นยิ่งใหญ่มาก และมีการติดต่อที่ลึกลับอย่างมากกับทางการทหารของประเทศต่าง ๆ ที่ที่เราอยู่ในตอนนี้ ก็เป็นหนึ่งในฐานขององค์กรที่อยู่ในประเทศF”

“งั้นแล้วองค์กรทำอะไรบ้างคะ?” ฉินซีฟังตัวเองเปิดปากถามขึ้น

ฟางฟางยิ้มอย่างแกล้งโง่ “องค์กรก็ทำทุกอย่างจ้ะ”

“งั้นองค์กรเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีล่ะคะ?” ฉินซีถามขึ้นอีก

อาจจะเป็นเพราะว่าผู้หญิงหน้าขรึมคนเมื่อกี้ได้ทิ้งภาพฝังใจที่ลึกมาก ๆ เอาไว้ เพราะฉะนั้นน้ำเสียงที่ใช้ถามประโยคนี้จึงค่อนข้างจริงจังมาก

ฟางฟางยิ้มขึ้นอีกครั้ง “ฉินซี……รอให้เธอโตกว่านี้หน่อย เธอก็จะเข้าใจเอง ว่าเรื่องราวมากมายบนโลกใบนี้ไม่ได้สามารถแบ่งแยกผิดถูก หรือขาวดำได้เสมอไป องค์กรไม่ใช่สิ่งที่ดี และไม่ใช่สิ่งที่ร้าย องค์กรเป็น……สีเทา”

“สีเทาเหรอ?” ฉินซีที่สิบขวบขมวดคิ้วขึ้นน้อย ๆ เหมือนกับว่าไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด

แต่ว่าฉินซีในปัจจุบันนั้นได้เข้าใจทั้งหมดแล้ว ว่าฟางฟางอยากจะแสดงความหมายอะไรกัน

“องค์กร” ที่ว่ามานี้ น่าจะเป็นองค์กรที่เห็นแก่ผลประโยชน์เป็นหลัก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะซื่อสัตย์กับใคร และก็ไม่มีสถานะที่กำหนดไว้ชัดเจน

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว สำหรับคนบางคนอาจจะเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับคนบางคนมาพูดแล้วอาจจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก

แต่ว่าดูไปแล้วฟางฟางก็ไม่ได้คาดหวังว่าฉินซีจะสามารถเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดได้ทั้งหมด เขาเพียงแค่ลูบหัวของฉินซีเบา ๆ และพูดซ้ำอีกครั้งว่า “รอเธอโตกว่านี้อีกหน่อย เธอก็จะเข้าใจเอง”

ฉินซีพยักหน้าอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง

อาจจะเห็นว่าฟางฟางค่อนข้างทำตัวสนิทสนม ฉินซีที่สิบขวบจึงอดใจไม่ไหวกับคำถามของตัวเอง แล้วถามขึ้นอีกครั้งว่า “เพราะฉะนั้นพวกคุณพาฉันมาถึงที่นี่ ก็เพราะว่าอยากจะให้ฉันเข้าร่วมกับองค์กรนี้ ใช่ไหมคะ?”

บนใบหน้าของฟางฟางมีแววพึงพอใจเกิดขึ้นจาง ๆ “เธอเป็นเด็กที่ฉลาดมากจริง ๆ”

ฉินซีกลับเอียงหัวเล็กน้อย แล้วอยู่ ๆ ก็พูดอย่างมีหลักการขึ้นว่า “แต่ว่าพวกคุณก็ไม่ถามฉันเลยว่าอยากจะเข้าร่วมไหม แล้วก็พาฉันมาถึงที่นี่และยังทำการทดลองพวกนี้อีก ฉันก็เลยไม่มีเวลาไปเล่นกับเพื่อน ๆ ที่ฉันรู้สักเลย คุณน้าคนนั้นยังติดแผ่นติดไว้บนหัวของฉันอีก แล้วมันยังทำให้ฉันเจ็บมากเลย”

ฟางฟางหรี่ตาลงต่ำ “เพราะฉะนั้น ฉันถึงได้พูดว่า ต้องขอโทษเธอแทนผู้บัญชาการด้วยยังไงล่ะ”

ฉินซีก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับเธอต่อ สะบัดมือเล็ก ๆ แล้วพูดอย่างเด็กที่เหมือนผู้ใหญ่ว่า “ช่างเถอะ มันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย ว่าแต่ทำไมพวกคุณจะต้องเลือกฉันด้วยล่ะ?”

ฟางฟางโดนคำพูดของเธอทำให้รู้สึกขำ ยิ้มแล้วตอบว่า “เพราะว่าเธอมีความอดทนมาก ความสามารถในการสังเกตและความทรงจำก็ดีมาก ๆ ด้วย”

น้ำเสียงของเธอฟังแล้วเหมือนกับว่าเป็นการกล่าวชื่นชมโดยตรง แต่ฉินซีก็ไม่ได้ถ่อมตนเลย และพยักหน้ายอมรับโดยตรง “ครูของฉันก็เคยชื่นชมฉันแบบนี้เหมือนกัน”

มุมปากของฟางฟางก็ยังคงมีรอยยิ้มแฝงอยู่ “ ใช่ เพราะว่าฉินซีเป็นเด็กที่สุดยอดมากคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นเราต้องการให้เธอมาเข้าร่วมกับเราด้วย”

ฉินซีกลับไม่ได้ตอบตกลงในทันที แต่กลับหันหน้าไปมองทางฟางฟาง “แต่ว่าฉันยังต้องเรียนหนังสือ ยังต้องไปถ่ายรูปกับคุณปู่ และยังต้องวาดรูปเป็นเพื่อนคุณแม่ อาจจะไม่มีเวลามาเข้าร่วมกับพวกคุณ ”

น้ำเสียงแบบเด็ก ๆ ของเธอเหมือนว่าจะทำให้ฟางฟางอารมณ์ดีมาก เธอโบกมือเล็กน้อย “พวกเราจะไม่ยึดเวลาพวกนี้ของเธอมาใช้หรอก”

“เพราะฉะนั้นที่คุณพาฉันมา ก็เพราะอยากจะถามฉันว่า อยากจะเข้าร่วมกับองค์กรของพวกคุณไหม ใช่หรือเปล่า?” ฉินซีถามขึ้น

ฟางฟางพยักหน้า “ใช่จ้ะ”

ฉินซีแววตาหมุนวน แล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนกับว่านึกอะไรออก แล้วถามขึ้นว่า “แต่ว่าคุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่า นักทดลองคืออะไร ”

ฟางฟางอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติกลับมาได้

นี่คือสถานะที่ฟางฟางได้พูดไว้ตอนที่ตัวเองแนะนำตัวกับฉินซี

เธอดูไปแล้วเหมือนกับจะตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าฉินซีจะยังจำหัวข้อที่ตัวเองตั้งใจบ่ายเบี่ยงไปแล้วได้ แต่ว่าจากสถานการณ์ตรงหน้านี้มาดูแล้ว เธอคงจะไม่สามารถหลบหลีกได้อีกครั้งแล้ว ก็เลยพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “นักทดลองก็คือคนที่จะทำการทดลองกับห้องทดลองทุกห้องในที่แห่งนี้ ในองค์กรมีเรื่องให้ทดลองเยอะแยะที่จะต้องทำให้สำเร็จ เพราะฉะนั้นต้องการคนอย่างพวกเรามากมายที่จะมาทำการทดลองให้สำเร็จ”

ฉินซีหรี่ตาลงน้อย ๆ “งั้นคุณน้าคนที่ทำให้ฉันเจ็บเมื่อกี้ ก็เป็นนักทดลองด้วยเหรอคะ?”

ฟางฟางหยุดนิ่งไปไม่กี่วินาที แล้วก็พยักหน้าขึ้นช้า ๆ แต่ว่าก็เปิดปากพูดเสริมขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฉินซี ถึงแม้จะเป็นนักทดลองเหมือนกัน แต่ว่าระหว่างคนเรา ก็ไม่เหมือนกันทั้งนั้นแหละ”

ฉินซีก็พยักหน้า แต่ว่าไม่ได้พูดอะไร

น้ำเสียงของฟางฟางยิ่งนุ่มนวลขึ้นอีก “ฉินซี เธอรู้สึกสนใจในองค์กรของเรานี้อยู่ ถูกต้องไหม?”

ฉินซีไม่ได้ขยับ เพียงแต่หรี่ตาให้ต่ำลง

ฟางฟางพูดไม่ผิด ฉินซีคิดอยู่ในใจ

ที่จริงสิ่งที่เกิดขึ้นที่หอคอยCทั้งหมด สำหรับตัวเองที่สิบขวบแล้วจะต้องรู้สึกแปลกใจมากอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถึงจะต้องอดทนกับความเจ็บปวดก็ยังยินดีที่จะตามจ้านเซินมาครั้งแล้วครั้งเล่า

ฟางฟางยังคงพูดต่อ “พอเพียงแค่เธอพยักหน้า พวกเราก็จะไปช่วยเธอพูดเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ให้”

และก็ผ่านไปอีกไม่กี่วินาที ฉินซีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา มองไปที่ฟางฟาง “แค่พวกคุณต้องการฉัน ฉันก็จะต้องเข้าร่วมเหรอ? ถ้าเข้าร่วมกับพวกคุณแล้วจะมีผลดีอะไรต่อฉันล่ะ?”

ความลึกซึ้งของคำถามนี้ของเธอดูจะเกินความคาดหมายของฟางฟางไป เธอนิ่งอึ้งไปไม่กี่วินาที ถึงจะเปิดปากพูดอธิบายขึ้นว่า “ฉินซี ตอนนี้เธอยังไม่เข้าใจ แต่ว่าต่อไปเธอจะเข้าใจเอง คนเราทุกคนนั้นมีพละกำลังที่เล็กน้อยมาก แต่ว่าพอมาอยู่ที่นี่ เธอจะสามารถแสดงพละกำลังได้อย่างมากที่สุด……”

ฟางฟางยังคงพูดต่อไป แต่ว่าฉินซีก็เริ่มฟังคำพูดของเธอไม่ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง

มีประสบการณ์มาจากก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว ฉินซีก็รู้ว่า ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะว่าเธอจะเข้าสู่ความทรงจำช่วงใหม่แล้ว

สำหรับผลสรุปของการพูดคุยกับฟางฟางในครั้งนี้นั้น?

ถึงแม้ฉินซีจะจำอะไรไม่ได้เลย ก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเดาได้ยากหรอก

เธอจะต้องตอบตกลงกับฟางฟางอยู่แล้ว

ตัวเองที่สิบขวบนั้น ช่างไร้เดียงสา และยังมีความหยิ่งทะนงอีกนิด โอกาสที่จะสามารถแสดงความสามารถพิเศษ ตัวเองจะไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ แน่

โลกของเด็กก็บริสุทธิ์แบบนี้ และเป้าหมายก็ง่ายดายอย่างน่ากลัว

สำหรับทางด้านผู้ปกครองสามารถยินยอมได้ยังไงนั้น ฉินซีก็เดาออกได้ไม่ยาก

ก็คงหนีไม่พ้นการพูดชื่นชมตัวเธอกับฉินซึ่งเทียนรอบหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่าตามสัญญาตั้งแต่แรก ให้ตัวเองเข้าร่วมค่ายฝึกอบรมเตรียมตัวระยะยาว เพียงแค่สัญญาว่ามีข้อดีบางอย่าง ฉินซึ่งเทียนก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตอบตกลงแล้ว

ไม่ว่ายังไง ในใจของฉินซีก็เข้าใจดี ด้วยคำพูดไม่กี่คำของฟางฟาง ตัวเองที่สิบขวบ ก็เข้าสู่ค่ายเตรียมการของ “องค์กร”ที่ว่ามานี้อย่างมึนงงไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว

แต่ว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งจะคิดเข้าใจในเรื่องพวกนี้เอง ในสมองก็มีความเจ็บปวดที่คุ้นเคยเกิดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว

……แล้วก็เป็นช่วงความทรงจำที่มากมายอีกครั้ง

ฉินซีพบว่าความอดทนของคนเรานั้นสามารถค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นได้จริง ๆ ขั้นตอนที่ก่อนหน้านี้ยังทำให้ตัวเองเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว แต่ตอนนี้กลับเริ่มไม่ค่อยเจ็บปวดขนาดนั้นแล้ว

หรือแม้แต่เธอยังสามารถแบ่งความสนใจออกมา แล้วไปตั้งใจดูช่วงความทรงจำที่พุ่งออกมาพวกนั้นได้

ช่วงความทรงจำในครั้งนี้ ล้วนเป็นภาพเหตุการณ์ที่เธออยู่ในการฝึกอบรมเตรียมการที่ว่านั้น ตามคำพูดที่ฟางฟางพูดมานั้น ที่พวกเขาสนใจในตัวเอง ก็เพราะว่ากะจะฝึกฝนให้เธอเป็นคนจำพวกหน่วยสอดแนม แต่ว่าดูจากความทรงจำแล้ว การฝึกฝนในชีวิตประจำวันของตัวเอง พวกเขาก็ไม่ได้ผ่อนปรนลงเลย

จากภาพช่วงความทรงจำที่กะพริบเข้ามา ฉินซีสามารถมองเห็นภาพที่ตัวเองวิ่งและฝึกฝนด้านการยิง วนไปซ้ำ ๆ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท