Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1137

ตอนที่ 1137

บทที่ 1137 จิตใจโหดเหี้ยมพอจริง ๆ

รอจนถึงตอนที่ความเจ็บปวดของฉินซีค่อย ๆ จางลงอีกครั้งนั้น เธอก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ในห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง

พอมองไปรอบข้าง การตกแต่งของห้องนี้ กับห้องที่ร่างกายตัวเองกำลังนอนอยู่ในตอนนี้ มีความคล้ายคลึงกันพอสมควร

นี่ฉินซีถึงได้เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ห้องพักผ่อนในหอคอยC ก็เป็นสไตล์แบบนี้เหมือนกัน

พอคิดมาถึงตรงนี้ ด้านหลังก็มีคนเรียกชื่อเธอขึ้นมา

“ฉินซี!”

เสียงนี้ช่างคุ้นหู ฉินซีหันหน้าไป แล้วก็เห็นใบหน้าที่จะคุ้นเคยไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วของจ้านเซิน

จ้านเซินดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าตอนที่เข้าค่ายฝึกอบรมไม่น้อย อย่างน้อยรูปร่างของใบหน้าก็เข้าใกล้กับใบหน้าของเขาในตอนนี้แล้ว น้ำเสียงก็ขรึมต่ำขึ้นกว่าเมื่อกี้ไม่น้อย

“เธอเตรียมตัวเสร็จหรือยัง?” จ้านเซินถามขึ้น

ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองพยักหน้าลง

“งั้นก็ไปกันเถอะ” จ้านเซินสะบัดมือ แล้วฉินซีก็เดินตามออกไป

มองตามจากสายตาของฉินซี ก็เห็นการตกแต่งของรอบข้าง ฉินซีพอจะสามารถเดาได้แล้วว่า ตอนนี้พวกเขาก็น่าจะอยู่ในฐานที่ไหนสักแห่งขององค์กรนี้อีกแล้ว

แล้วตอนนี้ตัวเองอายุเท่าไหร่ล่ะ? แล้วกำลังจะไปทำอะไร?

ตอนนี้ฉินซียังไม่ได้คำตอบชั่วคราว

เธอรู้เพียงแค่ได้แต่เดินตามจ้านเซินไปอย่างเงียบ ๆ เดินเข้าไปในที่แห่งหนึ่งที่เหมือนกับห้องประชุม

เพียงแต่ว่าห้องประชุมนี้จะเรียบง่ายกว่าที่อื่นที่เธอเคยเจอมาบ้างเล็กน้อย ไม่มีการตกแต่งที่โอ่อ่าตระการตา พื้นที่ก็ไม่ได้ถือว่าใหญ่มาก

ข้างในได้เริ่มมีคนมานั่งกระจายกันอยู่บ้างแล้ว พอได้ยินเสียงเธอกับจ้านเซินเดินมา ก็พยักหน้าทักทายกับจ้านเซิน

จ้านเซินกลับไม่ได้ตอบกลับ

แต่กลับเป็นฉินซีที่พยักหน้าให้พวกเขา และเดินไปถึงข้างกายพวกเขา แล้วก็หาที่นั่งลง

ผ่านไปอีกไม่กี่นาที ก็มีคนทยอยเดินเข้ามาเรื่อย ๆ ในที่สุดก็สามารถเติมเต็มห้องประชุมที่ไม่ได้ถือว่าใหญ่มากนี้ได้สักที

ฉินซียืมโอกาสที่ตัวเองกำลังมองไปรอบ ๆ สำรวจรอบข้างไปรอบหนึ่ง

รวมทั้งหมดมีคนยี่สิบคนก็ไม่ถึง ดูไปแล้วอายุน่าจะอยู่ประมาณสิบกว่าทั้งนั้น มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ว่าผู้ชายดูจะเยอะกว่าเล็กน้อย

ฉินซียังอยากจะสำรวจต่อไป แต่ว่าที่ลำโพงได้มีเสียงคนลอยออกมาแล้ว

“สวัสดีตอนบ่าย ทุกท่าน”

ฉินซีถึงได้นั่งตัวตรง แล้วมองไปทางเวทีบรรยาย

ที่เวทีบรรยายนั้นมีคนนั่งอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามคน จ้านเซินนั้นนั่งอยู่ทางด้านซ้าย ที่ด้านขวาสุดมีชายคนหนึ่งที่ดูแล้วค่อนข้างผอมบางกำลังถือไมโครโฟนพูดอยู่ และคนที่นั่งอยู่ตรงกลาง เป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง

ฉินซีหรี่ตามองไป อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้……เหมือนจะคล้ายกับจ้านเซินนิดหน่อย

หรือพูดอีกอย่างก็คือ จ้านเซินในคนปัจจุบันถ้าผ่านไปอีกไม่กี่ปี ก็คงจะมี รูปลักษณ์แบบนี้

สำหรับสถานะของผู้ชายคนนี้ เธอได้แต่แอบคาดเดาอยู่ในใจนิด ๆ หน่อย ๆ

แต่ว่าผู้ชายคนที่อยู่ด้านขวาสุดยังคงพูดต่อไป “ยินดีด้วยกับทุกท่าน หลังจากที่ผ่านการฝึกฝนมาสามปี ในที่สุดก็สามารถทำได้ถึงมาตรฐานการจบการศึกษาของค่ายเตรียมการได้แล้ว”

ฉินซีแอบตกใจขึ้นในใจ

นี่มัน……ฝึกฝนอยู่ในค่ายเตรียมการมาเป็นเวลาสามปีแล้วเหรอ?

แต่ว่าเธอสามารถยืมหางตาของตัวเองมองเห็นรอบข้าง บนใบหน้าของผู้คนยังไม่มีการสั่นไหวของความรู้สึกอะไรโผล่ออกมา

ดูท่าแล้วทุกคนได้ฝึกฝนกันมาสามปีแล้วจริง ๆ

“ยืมเวลาปิดเทอมฤดูหนาวและฤดูร้อนของทุกคนมาใช้ จนสามารถทำผลการฝึกฝนมาได้ถึงขนาดนี้ พวกเราก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก” ผู้ชายคนนั้นพูด “เพราะฉะนั้นอยู่ที่นี่ ต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับทุกท่านที่สามารถได้สิทธิ์เข้าร่วมกับองค์กร”

คำพูดนี้ของเขาเหมือนกับกำลังจะบอกอะไร

ฉินซีขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยอยู่ในใจ

และก็เป็นอย่างว่า ผู้ชายคนนั้นพูดต่อไป “ตอนนี้ ทุกท่านกำลังจะเข้าสู่การปฏิบัติภารกิจตัวคนเดียวครั้งแรก หลังจากที่ปฏิบัติภารกิจสำเร็จแล้ว ก็จะสามารถเข้าสู่องค์กรได้อย่างแท้จริง และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร”

ฉินซีสังเกตเห็นถึง เวลาที่ผู้ชายคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องพวกนี้ คนหลายคนที่นั่งอยู่รอบข้างตัวเองต่างก็หน้าตาเคร่งเครียดมาก ราวกับว่ามองเรื่องที่จะได้เข้าหรือไม่ได้เข้าองค์กรนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ

ส่วนตัวเธอเอง ก็กำลังนั่งตัวตรงอย่างเคร่งขรึมอยู่

“สำหรับภารกิจคืออะไรนั้น หลังจากที่จบการประชุมแล้ว จะมีคนมาบอกพวกเธอหนึ่งต่อหนึ่งเอง” ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้น “แต่ว่าเมื่อคำนึงถึงว่าทุกคนนั้นต่างก็เป็นการปฏิบัติภารกิจคนเดียวครั้งแรก เพราะฉะนั้นระดับความยากก็จะไม่มากนัก และถึงแม้ว่าภารกิจจะล้มเหลว ก็จะไม่มีการลงโทษใด ๆ เพียงแต่ว่าจะน่าเสียดายมาก ที่จะไม่สามารถเข้าร่วมกับองค์กรได้ก็เท่านั้นเอง”

พอคำพูดนี้ของเขาพูดออกมา คนที่นั่งอยู่รอบข้างฉินซีก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวกันขึ้น

“ไม่สามารถเข้าร่วมได้แล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่มั้ง!”

เธอได้ยินคนกำลังคุยกันเสียงต่ำ น้ำเสียงดูร้อนรน

แต่ว่าผู้ชายที่อยู่บนเวทีเหมือนกับว่าจะไม่รู้เรื่องรู้ราวกับความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นข้างล่าง เขาพูดแบบนี้จบ ก็เปิดปากพูดอีกว่า “ตอนนี้ ขอให้ทุกคนกลับไปที่ห้องของตัวเอง นักทดสอบของพวกเธอจะมาคุยกับพวกเธอทุกคน และแจกแจงภารกิจ”

คนรอบข้างฉินซีลุกขึ้นทีละคนต่อ ๆ กันไป แล้วฉินซีที่สิบสามขวบก็ลุกขึ้นตามไปด้วย

แต่ว่าในใจฉินซีมีความสงสัยกะพริบขึ้นมาอย่างหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นจ้านเซิน หรือว่าผู้ชายวัยกลางที่นั่งอยู่ตรงกลางนั้น ต่างก็ไม่เคยเปิดปากพูดอะไรสักคำ

งั้นทำไมพวกเขาถึงได้มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ล่ะ? หรือว่าแค่มาดูทุกคนเท่านั้นเหรอ?

สัญชาตญาณของฉินซีเองรู้สึกว่าไม่ได้ง่ายดายขนาดนี้ แต่ว่าในตอนนี้ก็หาเหตุผลที่ดีกว่านี้ออกมาไม่ได้

เธอตามหลังผู้คนกลับมาถึงห้องที่เธอเพิ่งจากไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

และยืมสายตาตัวเองสำรวจดูอีกรอบ ฉินซีก็รู้สึกว่าการตกแต่งแบบนี้ยิ่งคุ้นเคยมากยิ่งขึ้น

กำแพงสีขาว ผ้าปูเตียงสีขาว โซฟาและชั้นวางหนังสือเล็ก ๆ สีน้ำตาล

……นี่มันก็คือการตกแต่งของห้องที่ตัวเองโดนขังไว้ไม่ใช่เหรอ?

ฉินซีพร่ำบ่นอยู่ในใจอย่างไม่สบอารมณ์ไปหลายคำ ประตูถึงจะโดนเคาะดังขึ้น

พอเห็นว่าคนที่เข้ามาคือฟางฟาง ฉินซีกลับไม่รู้สึกแปลกใจ

จากช่วงความทรงจำของตัวเอง เธอสามารถพยายามประติประต่อชีวิตของตัวเองในช่วงสามปีที่อยู่ในค่ายเตรียมการนี้ว่าผ่านมาได้ยังไง

องค์กรจะต้องโน้มน้าวฉินซึ่งเทียนได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นจึงทำให้เธอสามารถเข้ามาฝึกในค่ายเตรียมการแบบปิดได้ในทุก ๆ ปิดเทอมฤดูหนาวและร้อน แต่ว่านี่กลับเป็นเพียงแค่เวลาฝึกที่ดูผิวเผิน แต่ที่จริงแล้ว คนขององค์กรจะคอยมาหาเธอตอนสุดสัปดาห์เสมอแล้วก็พาเธอไปแถวชานเมือง เพื่อฝึกฝนต่อไป และหลังจากที่ฝึกฝนแล้ว ก็ยังจะมีการบ้านที่จะให้เธอไปทำให้สำเร็จคนเดียว และก่อนที่จะฝึกฝนในครั้งต่อไป ก็จะต้องตรวจสอบสถานะความเรียบร้อยของการบ้านอีกด้วย

ในตอนนั้นคุณปู่ได้เสียชีวิตไปแล้ว เพราะฉะนั้นฉินซีก็เลยไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ จึงไม่ได้ปฏิเสธการฝึกฝนระดับเข้มข้นแบบนี้

สำหรับเนื้อหาที่ติดต่อกันแบบนี้ ก็ยิ่งเข้มข้นมากยิ่งขึ้นแล้ว

จะต้องคอยฝึกฝนร่างกาย การวิ่งระยะยาวหรือหมอบคลานนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ยังจะต้องฝึกฝนทักษะการต่อสู้ เพราะว่าฉินซีสามารถเห็นได้จากความทรงจำของตัวเองว่ามีหลายครั้งที่มีภาพตัวเองต่อสู้อยู่กับจ้านเซิน รวมทั้งภาพที่ทุกครั้งหลังจากที่ตัวเองพ่ายแพ้จนไม่เหลือคราบแล้วและยืนอยู่ข้างกายจ้านเซิน แล้วก็ฟังเขาวิเคราะห์ว่าตัวเองยังทำตรงไหนได้ไม่ดีพอ

……นี่มันจิตใจช่างโหดเหี้ยมพอจริง ๆ ให้ตัวเองที่เป็นเด็กผู้หญิงต้องมาฝึกฝนแบบนี้ และก็ไม่คำนึงถึงเพศและอายุเลยสักนิด

พอดูตามแบบนี้แล้ว ฉินซีสามารถรู้สึกได้ว่า ตัวเองเหมือนโดนฝึกฝนไปในทางนักฆ่าคนหนึ่งยังไงอย่างงั้น

ถ้าหากไม่ใช้เพราะว่ามีช่วงความทรงจำที่ฝึกฝนอยู่กับฟางฟางมากกว่าแล้วละก็ เธอเกือบจะแน่ใจแล้วว่า องค์กรนี้เป็นองค์กรนักฆ่าแห่งหนึ่ง

เพราะว่าในความทรงจำที่ฝึกฝนกับฟางฟางนั้น ไม่ได้มีการฝึกฝนที่เกี่ยวกับเรื่องพละกำลังพวกนี้เลย

สิ่งที่ต้องทำก็คือ สังเกตการณ์ จดจำ และถ่ายทอดออกมา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท