Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1144

ตอนที่ 1144

บทที่ 1144 แม่รู้ไหมว่าหนูเป็นห่วงมากแค่ไหน

ฉินซีเอากระเป๋าของตัวเองไว้ในรถ และสตาร์ทรถเตรียมจะขับออกไป แล้วอยู่ ๆ กระจกหน้าต่างรถก็โดนเคาะดังขึ้น

ฉินซีหันหน้าไปดู เป็นพ่อบ้านของตระกูลฉิน

เธอกับพ่อบ้านคนนี้ปกติจะสนิทสนมกันมาก แน่นอนว่าตัวเองก็ไม่มีทางที่จะหักหน้าเขาอยู่แล้ว เธอจึงลดกระจกหน้าต่างลงและมองไปที่เขา

ตอนแรกเธอคิดว่าพ่อบ้านอาจจะมาพูดโน้มน้าวเธอ ในใจก็ได้เตรียมวิธีการที่จะตอบโต้กลับแบบต่าง ๆ ไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าพ่อบ้านยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ยัดข้าวปั้นอุ่น ๆ ก้อนหนึ่งเข้ามาให้ “จะถึงเวลากินข้าวแล้ว ดูแลตัวเองให้ดี ๆ อย่าลืมกินข้าวนะ”

แค่ครู่เดียวดวงตาของฉินซีก็ร้อนผ่าวขึ้นมา

นี่มันช่างทิ่มแทงใจจริง ๆ พ่อแท้ ๆ ของตัวเองทำเรื่องที่เทียบหมูหมาก็ยังไม่ได้ แต่พ่อบ้านที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับตัวเองคนนี้ กลับเป็นคนแรกที่มาปลอบใจตัวเอง

แค่ภายใต้คำพูดประโยคเดียวของพ่อบ้านก็ทำให้ความโกรธเกลียดและความน้อยใจที่มีเต็มอกของเธอ อยู่ ๆ ก็หาทางออกระบายออกมาได้ แค่ครู่เดียวก็กลายเป็นน้ำตา ที่แย่งกันไหลออกมาอย่างกลัวว่าจะได้อยู่ข้างหลัง

ฉินซีไม่อยากจะเสียกิริยาต่อหน้าพ่อบ้าน จึงก้มหน้าลง

น้ำตาที่อุ่นร้อนตกลงมากระทบกับหลังมือ ทำให้ฉินซีที่อาศัยอยู่ในร่างของตัวเองเมื่อสองปีก่อนลืมไปชั่วขณะว่า นี่เป็นเพียงแค่ความทรงจำเท่านั้น

มุมมองแรกทำให้เธอแทบจะรู้สึกราวกับว่าตัวเองก็ได้อยู่ตรงนั้นด้วย ในชั่ววินาทีนั้นสำหรับความรู้สึกที่รุนแรงทั้งหมดต่างก็ได้รับรู้พร้อมกันขึ้นมา

เธอโกรธเกลียดที่ฉินซึ่งเทียนที่ทำเรื่องแบบนี้ สงสารเหยาหมิ่นที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เสียใจที่ทุกสิ่งทำไมถึงได้เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้

พูดจนถึงที่สุด เธอก็เป็นแค่เด็กสาวที่อายุยี่สิบต้น ๆ คนหนึ่งเท่านั้น ทุกอย่างเป็นเหมือนกับคลื่นทะเลยักษ์ที่ถาโถมมาทางเธอโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว และก็ท่วมเธอไปตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่เหลือเวลาให้เธอได้ทันตั้งตัวแม้แต่น้อย

เธอได้แต่โดนกวาดเข้าไปอยู่ในมวลน้ำวน

ในชั่วพริบตานี้ฉินซีเหมือนจะมีความเกลียดตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย ที่ไม่ได้ตั้งใจเรียนบทเรียนควบคุมอารมณ์พวกนั้น

ถ้าหากว่าตัวเองกลายเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ที่ไม่มีการสั่นไหวทางความรู้สึกไปจริง ๆ ตอนนี้ก็คงจะไม่ต้องเสียใจขนาดนี้

แต่ว่าเธอก็รู้ว่ายังมีเรื่องอีกมากมายรอตัวเองอยู่ ตัวเองดูแล้วไม่มีเวลาให้มาอ่อนแอเลยสักนิด

และแล้วเธอก็ได้แต่พยายามฝืนไว้ ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาออก แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองพ่อบ้าน พยักหน้าและตอบตกลงไป “หนูจะดูแลตัวเองให้ดี คุณก็เหมือนกันนะคะ ระวังสุขภาพด้วย”

พ่อบ้านมองหน้าเธอ แล้วก็พยักหน้าช้า ๆ เขาถอยหลังหนึ่งก้าว และโบกมือลาให้เธอ

ข้างหน้าของฉินซีก็เริ่มหมองมัวขึ้นอีก แต่ว่าเธอกัดฟันไว้ ไม่ยอมให้น้ำตาไหลลงมา เหยียบคันเร่งทีหนึ่ง แล้วก็ออกจากบ้านตระกูลฉินไป

และก็เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นมา เธอก็ได้ตัดขาดกับฉินซึ่งเทียนไปอย่างเด็ดขาดแล้ว

แล้วก็ไม่ได้เรียกฉินซึ่งเทียนว่าพ่ออีกเลย

……

ไม่นานหลังจากนั้น ฉินซีก็ขับรถกลับมาถึงโรงพยาบาล

อานหยันยังอยู่ในห้องผู้ป่วยช่วยเธอดูเหยาหมิ่นไว้ พอเห็นเธอกลับมา ก็รีบลุกขึ้นยืน

ฉินซีกลัวจะรบกวนการพักผ่อนของเหยาหมิ่น จึงลากเธอมาถึงหน้าประตู

อานหยันเห็นกระเป๋าในมือเธอ ก็ตกใจขึ้นมาทันที “นี่เธอคือ……”

“ฉันตัดขาดกับฉินซึ่งเทียนแล้ว และก็ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉินแล้ว” ฉินซีรายงานอย่างกระชับได้ใจความ

อานหยันเข้าใจดีว่าฉินซึ่งเทียนทำอะไรลงไปบ้าง ที่ฉินซีทำแบบนี้ขึ้นมาได้ก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด เพียงแต่พยักหน้า “แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

ฉินซียังคงขมวดคิ้วไว้แน่น

“เธอ……มีเวลาว่างเมื่อไหร่ ช่วยฉันดูหน่อยว่ามีบ้านที่ไหนให้เช่าบ้างไหม?” เธอมองหน้าอานหยัน “รอแม่ฉันออกจากโรงพยาบาลแล้ว เราก็ต้องหาที่สักที่อยู่อาศัยกัน”

อานหยันรีบเปิดปากพูดขึ้น “ไปอยู่กับฉันไม่ได้เหรอ? ในเมื่อบ้านฉันก็ออกจะใหญ่!”

ฉินซีส่ายหน้า “แม่ฉันกลัวลำบากคนอื่น จะต้องไม่เห็นด้วยแน่ ๆ ก็คงได้แต่ลำบากเธอช่วยหาบ้านหน่อยแล้วกัน”

สุดท้ายอานหยันก็ไม่ได้ยืนกรานอีกต่อไป พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้”

ฉินซีหรี่ตาลง และน้ำเสียงเบาลงเล็กน้อย “บ้านไม่ต้องใหญ่มาก ในเมื่อแม่ฉันกับฉันก็อยู่กันแค่สองคน”

อานหยันพยักหน้าเงียบ ๆ

เธอรู้ว่า บนตัวเหยาหมิ่นและฉินซีจะต้องแบกรับหนี้ก้อนใหญ่มหาศาลเอาไว้ และตอนนี้ก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลฉินไปแล้ว แน่นอนว่าจะต้องรู้สึกเปลืองแรงอยู่บ้าง

แต่ว่าเธอจะไม่เปิดปากตำหนิฉินซีหรอก

ในเมื่อฉินซึ่งเทียนเอาทุกอย่างมาโยนให้เหยาหมิ่นอย่างชัดเจนขนาดนี้ แน่นอนว่าจะต้องไม่มีทางช่วยเหลือเหยาหมิ่นแน่ ๆ

และถึงแม้ฉินซีจะอยู่ที่ตระกูลฉินต่อ ก็คงจะช่วยเหยาหมิ่นได้ยากมาก

ก็เพียงแค่เหยาหมิ่นลำบากคนเดียว กับมีฉินซีมาลำบากเป็นเพื่อนเขาด้วย ก็แตกต่างกันแค่นี้เท่านั้น

แต่ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ฉินซีก็ไม่มีทางอยู่ที่บ้านตระกูลฉินต่อหรอก

ทั้งสองคนก็พูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยค อานหยันก็บอกลาแล้วก็จากไป

ฉินซีเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย มองใบหน้าที่ยังคงนอนหลับอยู่เหยาหมิ่น ถอนหายใจขึ้นเบา ๆ แล้วก็เปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองขึ้นมา

เธอยังมีเรื่องของฟางฟาง จะต้องสืบค้นอีก

…….

อานหยันทำงานได้มีประสิทธิภาพมาก ๆ เช้าอีกวันหนึ่ง เหยาหมิ่นยังไม่ฟื้นขึ้นมา เขาก็ส่งข้อความมาให้ฉินซีแล้ว บอกว่าได้หาบ้านที่ไม่เลวได้หลายที่แล้ว รอแค่ให้เธอไปดู

ฉินซีอดนอนมาทั้งคืนยังไม่ได้นอน คราวนี้สติยังพอไหว เธอลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโทรศัพท์หาอานหยันสายหนึ่ง

“ฉันเชื่อสายตาเธอ” ฉินซีพูดขึ้น “ทางแม่ฉันห่างคนไปไม่ได้ เธอดูโอเคก็พอแล้ว ช่วยฉันตกลงไปเลยก็พอแล้ว”

นอกจากดูแลเหยาหมิ่นแล้ว เธอยังต้องยุ่งยากใจเรื่องของฟางฟางอีกด้วย จึงจากไปไม่ได้จริง ๆ

อานหยันก็เข้าใจ แล้วก็ตอบตกลงไป

ฉินซีวางสายโทรศัพท์ลง แล้วก็เดินเข้ามา ก็พบว่าเหยาหมิ่นได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว

“แม่!” ฉินซีถลึงตาโตขึ้นเล็กน้อย เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงข้างเตียงเธอ

เหยาหมิ่นหันมายิ้มให้เธอจาง ๆ “ลูกมาแล้วเหรอ?”

ฉินซีมองรอยยิ้มของเธอ แล้วในใจก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที

เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก็ยื่นมือไปกดกริ่งก่อน

อย่างรวดเร็วคุณหมอก็เข้ามาตรวจร่างกาย หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แล้วก็ไม่มีไข้แล้ว ก็ให้เขาพักผ่อนดี ๆ แล้วก็จากไป

ในที่สุดห้องผู้ป่วยก็เหลือกันอยู่แค่สองคน ฉินซีเดินมาถึงข้างเตียง แล้วก็โค้งตัวลงมาดูเขา “รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ?”

บนใบหน้าของเหยาหมิ่นยังมีรอยยิ้มอ่อนโยนจาง ๆ “ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ลูกอยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ?”

ฉินซีเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วก็ตัดสินใจว่าไม่โกหกเขาดีกว่า “แม่ค่ะ หนูกับฉินซึ่งเทียนแตกหักกันแล้วค่ะ แล้วก็ย้ายออกมาจากบ้านตระกูลฉินแล้วด้วย”

บนใบหน้าของเหยาหมิ่นมีแววตกใจพาดผ่าน “แตกหักแล้ว?”

ฉินซีพยักหน้าอย่างซื่อตรง “ฉินซึ่งเทียนทำเรื่องราวแบบนั้น หนูไม่มีทางที่จะอยู่กับเขาได้อีกต่อไปแล้วค่ะ”

เมื่อคำนึงถึงสภาพร่างกายของเหยาหมิ่นแล้ว สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดเรื่องที่ฉินซึ่งเทียนได้รับคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลฉินแล้ว

จะให้เธออยู่ใต้หลังคาเดียวกันกับผู้หญิงคนนั้น ฆ่าเธอให้ตายไปเลยยังง่ายกว่า

แต่ว่าเหยาหมิ่นเหมือนจะพอดูออกจากท่าทีของเธอว่ายังมีเรื่องอื่นเก็บไว้อีก

เพียงแต่ว่าเธอเป็นคนอ่อนโยนมาตลอด จึงไม่ได้สอบถามต่อไปอีก

ฉินซียื่นมือออกไปกุมมือของเขาไว้ “ต่อไปมีอะไรเราก็จะเผชิญหน้าพร้อมกันนะคะ แม่คะ เรื่องแบบนี้อย่าให้มีอีกเป็นครั้งที่สองเลยนะคะ แม่รู้ไหมว่าหนูเป็นห่วงมากแค่ไหน?”

เรื่องที่เธอพูดคือเรื่องที่ป่วย แต่กลับไม่ได้พูดเรื่องที่ลากมาเรื่อย ๆ จนต้องมานอนโรงพยาบาล

เหยาหมิ่นมองฉินซีลึกซึ้งทีหนึ่ง ไม่ได้ส่ายหน้าและไม่ได้พยักหน้า เพียงแค่ลูบหัวของฉินซีเท่านั้น “หนูออกจากบ้านตระกูลฉินมาแบบนี้ แล้วมาอยู่กับแม่ จะต้องลำบากนะ”

ฉินซีถอนหายใจขึ้นเบา ๆ แล้วเอาหน้าซุกเข้าไปในผ้าห่ม “ลำบากไม่ใช่เรื่องสำคัญ แม่คะ ต่อไปก็มีแค่เราสองคนพึ่งพากันและกันแล้วนะคะ แม่อย่าทิ้งหนูไว้คนเดียวนะคะ พวกเราสองคนร่วมมือกันจะต้องผ่านมันไปได้แน่นอนค่ะ”

สุดท้ายเหยาหมิ่นก็ยังไม่พูดอะไรอยู่ดี

ฝ่ามือที่เย็นเฉียบลูบผมยาวของฉินซีเอาไว้เบา ๆ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท