Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1145

ตอนที่ 1145

บทที่ 1145 การเริ่มต้นของฝันร้ายอีกอย่างหนึ่ง

ความทรงจำต่อมา ที่จริงฉินซีพอจำได้อยู่บ้าง เพียงแต่ว่าก่อนหน้านั้นตอนที่นึกย้อนกลับไป มักจะรู้สึกว่าเหมือนมีผ้าบาง ๆ มาคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน

แต่ว่าในที่สุดตอนนี้ก็รู้สาเหตุแล้ว

ตรงส่วนที่มัวหม่นเหล่านั้น ก็เป็นเพราะว่าเธอดูแลเหยาหมิ่นไปด้วย และสืบค้นเรื่องของฟางฟางไปด้วยจึงทำให้เกิดขึ้น

เธอจำเรื่องทุกอย่างของเหยาหมิ่นได้ แต่เรื่องของ ฟางฟางกลับโดนความทรงจำลบทิ้งไป เพราะฉะนั้นความทรงจำทั้งหมดถึงได้ดูเว้าๆ แหว่ง ๆ ขาดหายไม่ครบถ้วน

แต่ว่าตอนนี้ ผ้าบาง ๆ ที่คลุมอยู่ตรงหน้าได้โดนเปิดออกแล้ว ในที่สุดเธอก็สามารถมองเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เหยาหมิ่นนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลไปสามวัน

นอกจากตัวฉินซีเองและคนภายในองค์กรแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นรู้เรื่องที่เธอช่วยองค์กรทำงาน เพราะฉะนั้นถึงแม้จะเป็นเหยาหมิ่นหรือว่าอานหยัน ต่างก็ไม่รู้ว่าส่วนตัวเธอยังมีงานพิเศษอีกอย่างหนึ่ง

เมื่อก่อนไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันยังดี แต่ตอนนี้ฉินซีเกือบจะต้องตัวติดกันเพื่อดูแลเหยาหมิ่น ก็เลยหาโอกาสที่จะสืบค้นแบบหลบเลี่ยงผู้คนไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงได้แต่รอให้เหยาหมิ่นหลับสนิทไปแล้ว เธอถึงจะสามารถตั้งใจสืบค้นเรื่องของฟางฟางได้

ภายในเวลาสามวัน เธอแทบจะไม่ได้นอนเลย เพราะฉะนั้นพอเวลาสามวันผ่านไป ตัวเธอทั้งตัวก็ดูอ่อนล้าไปมากทีเดียว

เหยาหมิ่นเห็นอยู่ในสายตา ก็นึกว่าเธอต้องดูแลตัวเองถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึงวันที่สาม ก็ดื้อดึงร้องขอจะออกจากโรงพยาบาลให้ได้

ฉินซีรู้ว่า เขานั้นเป็นห่วงตัวเอง และก็เพราะว่าสถานการณ์เงินของทั้งสองคนรองรับไม่ไหว เพราะฉะนั้นถึงได้ยืนกรานเฉียบขาดขนาดนี้

ยังดีที่หลังจากที่หมอมาตรวจร่างกายอย่างละเอียดดูแล้ว ก็พูดว่าเขาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากแล้ว สามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้

รอหมอสั่งกำชับทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉินซีจึงถือข้าวของและพาเหยาหมิ่น เข้าไปอยู่อาศัยบ้านที่ให้อานหยันช่วยพวกเขาเช่าไว้ด้วยกัน

และฉินซีก็ได้ใช้ช่วงเวลาหลายคืนมานี้ สืบค้นสถานการณ์ของฟางฟาง แล้ว

ตามคำพูดที่อานหยันพูดมา บ้านนี้เป็นของเพื่อนเธอคนหนึ่ง เพื่อนคนนี้ส่วนใหญ่ไปทำงานอยู่ต่างประเทศ เพราะฉะนั้นบ้านหลังนี้ก็ปล่อยว่างมาตลอด ก็เลยปล่อยเช่าในราคาที่ต่ำมากเพื่อสามารถปล่อยเช่าออกไปก็พอ

ฉินซีไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอพูดมานั้นมีกี่ส่วนจริงกี่ส่วนปลอม แต่ว่าบ้านชุดที่อยู่ตรงหน้านี้นั้น สภาพเป็นอย่างที่ไม่มีคนอยู่อาศัยและทำความสะอาดมานานแล้วจริง ๆ

สำหรับฉินซีที่อยู่คฤหาสน์หลังเดี่ยวมาตั้งแต่เด็กมาพูดแล้วนั้น บ้านนี้ถือได้ว่าเล็กมากแล้วจริง ๆ ดีที่ถึงแม้ว่าจะเล็กแต่อุปกรณ์ทุกอย่างกลับครบครัน แถมยังมีสองห้องนอน เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่สมควรมีถึงแม้ว่าจะมีฝุ่นเกาะอยู่เป็นชั้น แต่ว่าก็ยังถือได้ว่าครบถ้วน

ฉินซีกล่าวขอบคุณอานหยันแล้ว สุดท้ายก็อาศัยอยู่ที่นี่เลย

ร่างกายของเหยาหมิ่นยังไม่หายดี เธอก็ไม่กล้าให้เหยาหมิ่นเหน็ดเหนื่อยเกินไป เพราะฉะนั้นฉินซีที่ตั้งแต่เล็กจนโตแทบจะไม่เคยแตะงานบ้านมาก่อนเลย ก็ใช้เวลาไปหนึ่งวันเต็ม ๆ ในที่สุดก็ถือได้ว่าทำความสะอาดบ้านจนเรียบร้อยได้หมด

รอเหยาหมิ่นเข้าไปพักผ่อนแล้วนั้น เธอก็รีบเอาข้อมูลทั้งหมดที่ตัวเองตรวจสอบมาได้รายงานแก่จ้านเซิน

มองหน้าจอสนทนาที่ไม่มีการตอบกลับแล้ว ฉินซีก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่างอย่างบอกไม่ถูกขึ้นมา

เธอมองไปรอบ ๆ หนึ่งรอบ ห้องที่กว้างประมาณเศษหนึ่งส่วนสี่ของห้องนอนเดิมของตัวเอง แล้วก็หรี่ตาลง

ความลำบากก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ยังไงก็ต้องฝ่ามันไปให้ได้

ฉินซีคิดอยู่แบบนี้

แต่ว่านี่กลับไม่ใช่การเริ่มต้นของชีวิตที่เงียบสงบ

แต่มันเป็นการเริ่มต้นของฝันร้ายอีกอย่างหนึ่งต่างหาก

เพราะว่าเช้าวันรุ่งขึ้น เสียงกริ่งในบ้านก็ดังขึ้นอย่างกับจะเร่งเอาชีวิต

ฉินซีนอนอยู่ในผ้าห่มอย่างทนไม่ไหว สะลึมสะลือและบ่นว่าพ่อบ้านทำไมยังไม่ไปเปิดประตู หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาทีถึงได้สติขึ้นมา

เธอไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลฉินแล้ว

แล้วก็ดูโทรศัพท์ เวลาเจ็ดโมงยังไม่ถึงเลย

ใครกันนะ เช้าขนาดนี้ก็มาแล้ว?

ฉินซีระแวดระวังตัว และเดินไปที่ประตูช้า ๆ แล้วมองลอดตาแมวออกไปข้างนอก

ข้างนอกมีผู้ชายร่างสูงใหญ่หลายคนยืนอยู่ ฉินซีประมาณการฝีมือตัวเองดูแล้ว ด้วยฝีมือของตัวเอง ก็น่าจะยากที่จะล้มได้ทั้งหมด

เธอยังไม่ได้พูดอะไร ประตูของเพื่อนบ้านก็เปิดออกมาแล้ว

“ทำอะไรน่ะ! ตั้งแต่เช้า จะให้คนนอนไหมเนี่ย!”

ผู้ชายพวกนั้นไม่สะทกสะท้าน เพียงแต่ยังคงกดกริ่งประตูต่อไป

“พวกแกนี่จะเร่งเอาชีวิตเหรอ!” ประตูเพื่อนบ้านอีกบ้านหนึ่งก็เปิดออกมา

พวกผู้ชายพวกนั้นเหมือนจะมั่นใจแล้วว่าฉินซีคงไม่มาเปิดประตู แล้วก็ปรึกษากันสักครู่ ก็หมุนตัวแล้วเอาถังสีน้ำมันสีแดงถังหนึ่งออกมาจากข้างหลัง

ไม่รอฉินซีตั้งตัวมาได้ พวกเขาก็ขยับมือแล้วเริ่มลงมือเขียนอะไรลงบนข้างประตูและกำแพงขึ้นมา

พวกเขาทุกคนเหมือนกับว่าจะช่ำชองกับขั้นตอนแบบนี้เอามาก ๆ อย่างรวดเร็วสีก็เขียนหมดแล้ว และเก็บข้าวของแล้วหมุนตัวจากไป

จากตาแมวฉินซีสามารถเห็นหน้าตาบิดเบี้ยวของเพื่อนบ้าน กำลังอ่านพึมพำตัวหนังสือบนกำแพง

“ติดหนี้ ชดใช้”

เธอเหมือนกับว่าโดนทุบตรงกลางกระหม่อมทีหนึ่ง

พวกเร่งรัดหนี้……นี่ก็มาแล้วเหรอ

“ทำไมเหรอ?” เหยาหมิ่นได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่กล้าออกมา คราวนี้พอสงบลงมา ก็ได้เดินออกมาถึงห้องรับแขกอย่างช้า ๆ

มองฉินซีเกาะติดอยู่กับตาแมวที่ประตู ก็เลยถามออกมา

ฉินซีหันหน้ามา ก็เห็นเหยาหมิ่น แล้วก็ยืนตัวตรงโดยอัตโนมัติ เดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงตรงหน้าเหยาหมิ่น แล้วก็ผลักเข้าเขากลับไปทางห้องนอน “ไม่มีอะไร แม่ไปนอนพักรักษาตัวบนเตียงดี ๆ ก่อนนะ”

แน่นอนว่าเหยาหมิ่นไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น เขาดูท่าทางของฉินซีก็รู้แล้วว่าจะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่นอน

เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าฉินซีจะมีอากัปกิริยาทั้งหน้าว่าไม่อยากจะพูด แต่เขาก็ยังเปิดปากถามอยู่ดี “เมื่อกี้พวกที่มาเป็นใครกัน?”

ฉินซีเม้มปากเล็กน้อย และลังเลไปไม่กี่วินาที ถึงได้พูดขึ้นเสียงต่ำว่า “พวกเร่งรัดหนี้……”

สีหน้าของเหยาหมิ่นนิ่งค้าง หลังจากไม่กี่วินาทีผ่านไป ก็ยิ้มอย่างขมขื่นขึ้น “เร็วขนาดนี้เลย……”

ฉินซีมองเขาดูเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในใจก็ลนลานขึ้นมา แล้วพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ต้องสนแล้ว แม่ เดี๋ยวใครมาเคาะประตูแม่ก็ไม่ต้องเปิดนะ ทำเป็นไม่ได้ยินละกัน เดี๋ยวหนูจะจัดการเอง”

เหยาหมิ่นยิ้มจาง ๆ ให้เธอ “บนตัวแม่แบกหนี้ไว้หลายร้อยล้าน ลูกยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เพราะแม่ไม่ดีเอง แม่ลากหนูมาลำบากด้วยแล้ว……”

“อย่าพูดอีกเลยค่ะ!” ฉินซีรับพูดขัดเขา “หนูจะคิดหาวิธีเอง พวกเราค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป จะต้องมีวิธีแก้ปัญหาได้แน่ ตอนนี้เชื่อหนูนะคะ อีกเดี๋ยวไม่ว่าใครมาเคาะประตู ก็อย่าเปิด รู้ไหมคะ?”

เหยาหมิ่นลังเลไปไม่กี่วินาที แล้วก็พยักหน้า

ฉินซีลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวหนูจะออกไปข้างนอกสักพักนะคะ”

เหยาหมิ่นไม่ได้ถามเธอว่าจะไปไหน เพียงแต่มองเธอปิดประตูห้องนอนลงอย่างเงียบ ๆ

ฉินซีเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จเรียบร้อย แล้วตรงไปหาอานหยัน

บ้านนี้อานหยันเป็นคนช่วยเธอเช่า ไม่ว่าอย่างอื่น แค่เรื่องที่หน้าประตูโดนสีน้ำมันสาด ก็จะต้องบอกกับเธอสักหน่อย

ดีที่อานหยันกำลังมีเวลาว่างอยู่พอดี พอได้ฟังคำพูดของฉินซีแล้ว ก็ขนลุกขึ้นมาทันทีเลย

“พวกเร่งรัดหนี้……ถึงกับมาสาดสีน้ำมันถึงหน้าบ้านเลยเหรอ?”

พื้นเพครอบครัวของอานหยันก็ถือได้ว่าดีมาก เรื่องแบบนี้แค่ฟังก็ยังรู้สึกว่าน่ากลัวแล้ว แต่นี่ยิ่งไปกว่านั้น คือกลับเกิดขึ้นจริง ๆ กับตัวฉินซีเอง

ฉินซีตั้งแต่เด็กมาก็คือคุณหนูใหญ่ แล้วตั้งแต่เช้าก็มาโดนคนเหยียดหยามแบบนี้ คาดว่าอารมณ์คงจะยิ่งไม่ดีเอามาก ๆ เลย

แต่ว่าท่าทีของฉินซีสงบนิ่งกว่าที่เขาคาดคิดไว้ซะอีก

“อานหยัน ฉันจะต้องคิดหาวิธี จะให้เรื่องแบบนี้มาเกิดขึ้นต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”

อานหยันขมวดคิ้วเล็กน้อยตามไปด้วย “แต่ว่า……แล้วจะทำยังไงล่ะ?”

ฉินซีหรี่ตาลง “ฉันยังมีรถอีกคันหนึ่ง หาโอกาสขายรถไปเถอะ”

อานหยันมองเธอ แล้วก็พยักหน้า

พวกเขาต่างก็รู้ เงินอันน้อยนิดที่ได้จากการขายรถ ถ้าเทียบกับหนี้ของเหยาหมิ่นมาพูดแล้ว ก็แค่เป็นน้ำหนึ่งแก้วที่จะไปดับไฟไหม้หญ้าเต็มคันรถได้อย่างไร

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท