Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1152

ตอนที่ 1152

บทที่ 1152 ไม่เชื่ออีกแล้ว

น้ำเสียงของฟางฟางมีความถากถาง : “วันแรกที่ฉันถูกจับ เขาก็มาที่นี่แล้ว”

ฉินซีไม่คาดคิดมาก่อน จึงเงียบและตั้งใจฟังเธอพูด

“ตอนนั้นการป้องกันจะเข้มงวดกว่านี้ แต่สำหรับเขาแล้วการเข้ามาไม่ใช่เรื่องยากอะไร เขามาหาฉันและพูดกับฉันว่า ทั้งหมดนี้น่าสนใจ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะใช้ฉันจะเป็นหมาก” การแสดงออกของฟางฟางเห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้สึกตื่นตกใจ

“นี้เป็นครั้งแรกในหลายปีที่ผ่านมาที่เขาพูดกับฉันมากขนาดนี้” ฟางฟางเยาะเย้ย “เขาบอกว่า เขาเป็นคนเลือกคนลักพาตัวมาเอง และอธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่มีทางทำร้ายฉันแน่นอน ถ้าผมฉันหลุดแม้แต่เส้นเดียว เขาจะลงโทษคนที่จับฉันมาอย่างหนัก”

ฉินซีขมวดคิ้วเห็นได้ชัดว่ายากที่จะเข้าใจสิ่งที่เขาพูด

“ที่ฉันสนใจคือตอนที่ฉันโดนจับตัว การกระทำของเขานุ่มนวลพอไหม?” น้ำเสียงฟางฟางเยาะเย้ยและพูดต่อ “แต่เขาก็พูดอีกว่า เขามีความลำบากใจ”

“วันนั้นเขาอยู่ที่นี่นานมาก เริ่มพูดเรื่องในอดีต เขาบอกว่าไม่ใช่ว่าไม่เคยหวั่นไหวต่อฉัน แต่เป็นเพราะกฎขององค์กร เขาไม่สามารถบอกทุกคนได้ว่าอยู่ด้วยกันกับฉัน ถ้าผู้นำละเมิดกฎขององค์กรที่ว่าห้ามคนในองค์กรรักกันแล้วหลังจากนี้จะมีใครเคารพอีก? และยังพูดอีกว่าการวิจัยครั้งนี้เป็นการก้าวไปอีกขั้นของบริษัทผลิตยาฉางเซิ่ง เขาจำเป็นต้องหาโอกาสลงมือก่อน ถ้าปล่อยให้ช้าไปอีกนิด โอกาสที่จะครอบครองกิจการยากมาก การเลือกฉันปลอดภัยที่สุด ฉันไม่รู้อะไรเลยและฉันซื่อสัตย์ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด” พูดถึงตรงนี้ฟางฟางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

ฉินซีรู้สึกมีรสขมกระจายอยู่ในปาก

พ่อของจ้านเซิน พูดได้ยังไงว่าไม่ใช่ไม่เคยหวั่นไหวต่อฟางฟาง?

คำพูดทั้งหมดของเขาเริ่มจากองค์กร ทั้งหมดเพื่อองค์กร ฟางฟางจึงต้องเสียสละ

“เขาบอกว่า หลังจากที่บริษัทผลิตยาฉางเซิ่งจับตัวฉัน จะต้องเอาความสนใจทั้งหมดมาไว้ที่ตัวฉันเพื่อบีบเอาความลับ และลดการค้นคว้าของตัวเองลง เขาจะเร่งหาโอกาสเข้าซื้อกิจการ รับรองว่าจะไม่ให้ฉันต้องทนทุกข์มาก และจะรีบปล่อยฉันไป” พูดถึงตรงนี้ฟางฟางก็ยิ้มออกมา “นี้คงเป็นครั้งแรกที่เขาพูดยอมรับหมากในองค์กรสิน่ะ? ฉันว่าตอนนี้เขาก็คงคิดเสียใจอยู่ ถ้าตอนนั้นใจอ่อน ไม่ให้ฉันเข้าร่วมเรียนในองค์กร ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องออกหน้าเองอย่างตอนนี้”

ฉินซีมองฟางฟางด้วยความเศร้าที่ไม่สามารถอธิบายได้

ความเชื่อมั่นที่ฟางฟางมีต่อพ่อของจ้านเซินได้แตกสลายไปหมดแล้ว เธอไม่เชื่อคำพูดเขาอีกแม้แต่คำเดียว แค่คิดว่าคำพูดของเขาทั้งหมดมีอะไรแอบแฝงอยู่และมีจุดมุ่งหมายที่ไม่ปกติ

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เธอจะไม่เชื่อเขาอีกแล้ว

“เขาอยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งคืนจนเช้า พูดทุกอย่างที่คิดได้ออกมา พูดจนน้ำลายแห้ง ถ้าเขายังไม่รีบออกไปอีกก็คงจะโดนจับได้เขาจึงลุกขึ้นเตรียมตัว ฉันนิ่งเงียบ แทบจะไม่พูดอะไรมาทั้งคืน รอจนกระทั่งเขาลุกขึ้นเตรียมตัว จึงเรียกเขาไว้” แววตาของฟางฟางส่องประกายร้ายกาจ “ฉันว่าต้องขอบคุณเขาที่ยอมเสียเวลามาพูดกับฉัน องค์กรดูแลฉันมาหลายปี ฉันจะไม่แก้แค้นจะเป็นหมากที่สงบให้องค์กร จะไม่เพิ่มความวุ่นวาย ฟังจบเขาไม่พูดอะไร แต่เสียงเปิดประตูออกไปดังกว่าตอนเข้ามามาก”

ฉินซีหัวเราะตาม

นิสัยของฟางฟางกับเหยาหมิ่นคล้ายกัน นิสัยอ่อนโยน แต่จะจิกกัดใครก็ต่อเมื่อกังวล ในที่สุดเธอก็หาโอกาสที่จะพูดระบายให้ตัวเองได้

“แต่ตอนนั้น ฉันตัดสินใจแล้ว” ฟางฟางหุบยิ้มและมองฉินซี “หลายวันก่อนที่จ้านเซินมาด้วยตัวเอง ฉันก็พูดกับเขาแบบนี้”

จ้านเซินเคยมาที่นี่?

ฉินซีตกใจขึ้นมาในทันที

“ฉันมองออกทุกอย่าง หลังจากที่รู้ว่าทั้งหมดนี้คือแผนการของพ่อจ้านเซิน” ใบหน้าของฟางฟางเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบ “แค่ฉันอยู่ต่อในองค์กรอีก1วัน ก็จะเป็นหมากให้องค์กรต่ออีก1วัน ไม่ใช่แค่ฉันพวกคุณทุกคนก็ด้วยเช่นกัน ทำไมองค์กรถึงสอนให้พวกเราละทิ้งความรู้สึกที่มนุษย์ทุกคนควรมี เพราะองค์กรอยากในใจพวกคุณมีแค่องค์กร ไม่มีเรื่องอื่น ก็สามารถควบคุมได้ง่าย เป็นหมากตัวหนึ่งจะต้องการสิทธิมนุษยชนอะไร?”

ฉินซีคิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดอะไรแบบนี้

ที่เธอพูดเป็นความจริงหรือไม่?

องค์กรไม่เคยมองพวกเธอเป็นคน พวกเขาใช้เราเป็นเหมือนก้าวที่จะทำให้เป้าหมายสำเร็จ

ใช้งานเสร็จแล้ว ไม่มีประโยชน์แล้ว ก็ทิ้งไปให้หมด

ฟางฟางเห็นอาการหวั่นไหวของเธอ จึงพูดต่อ : “แม้ว่างานจะเสร็จหมดแล้ว เขาช่วยฉันออกมาสำเร็จแล้ว แล้วยังไง? ฉันยังคงเป็นหมากขององค์กร ถ้าครั้งหน้ายังต้องการฉัน ยังใช้งานได้ดีที่สุด ครั้งหน้าก็ยังดึงออกมาใช้งานได้อีก”

“ฉินซี ความรักตลอดทั้งชีวิตของฉันถูกเผาทำลายไปทั้งหมดตั้งแต่รู้ว่าพ่อของจ้านเซินเป็นคนโกหก ตอนนี้จะให้เป็นหุ่นเชิดที่ไร้อิสระ ฉันจะสบายใจได้ยังไง?” ฟางฟางหันมองฉินซี พูดเน้นชัดทุกคำทุกประโยค

ในที่สุดฉินซีก็เข้าใจวัตถุประสงค์ที่เธอพูดมามากมาย

เธอกำลังบอกตัวเองว่าทำไมเธอถึงไม่ต้องการความช่วยเหลือ

“หนีออกจากกรงนี้ ก็ไปอีกกรงหนึ่ง ไม่ใช่รึไง?” ฉินซีมองเธอ และพึมพำ

รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าของฟางฟาง พลางพยักหน้า : “ใช่สิ คนที่ถูกจองจำไปตลอดชีวิต คนที่ไม่มีอิสระไปตลอดชีวิต ก็ปล่อยให้ฉันอยู่ตรงนี้ ไม่ดีรึไง?”

ฉินซีตกใจอยู่สักครู่ ไม่รู้ว่าจะหักล้างยังไง

ตอนที่เธอมา คาดเดาสถานการณ์ไว้มากมาย คิดถึงเหตุผลมากมายที่ฟางฟางไม่อยากรับความช่วยเหลือ

แต่เธอไม่เคยคิดว่าเรื่องจริงจะโหดร้ายกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก

เธอไม่สามารถโน้มน้าวฟางฟางได้ อีกทั้งเธอยังพูดจนตัวเองเริ่มหวั่นไหวไปด้วย

ฟางฟางเป็นหมากตัวหนึ่ง แล้วตัวเองไม่ใช่รึไง?

ทุกคนภายในองค์กรนี้ แม้แต่จ้านเซินและพ่อของเขา ไม่ใช่รึไง?

ทุกคนคือหุ่นเชิด สุดท้ายคนที่ควบคุมหุ่นเชิดคือใครกัน?

ฉินซีตกอยู่ความคิดตัวเองไปชั่วขณะ

“ปฏิกิริยาของคุณ เหมือนกับจ้านเซิน” คำพูดของฟางฟางขัดจังหวะความคิดของฉินซี “เมื่อวานช่วงค่ำหลังจากฉันถามแบบนี้ไป เขาก็เงียบไป หลังจากเงียบไปนาน ก็ล้มเลิกความคิดที่จะช่วยฉันออกไป”

ฉินซีเม้มปาก

เธอคิดถึงเมื่อวานที่กล่าวหาจ้านเซินโดยไม่รู้อะไร รู้สึกผิดเล็กน้อย อยากหาโอกาสขอโทษเขาและไม่รู้จะพูดกับ ฟางฟางยังไง และลังเลอยู่สักพักจึงพูดออกไป : “แต่ถ้าไม่ช่วยคุณออกไป คุณต้อง…จะทำยังไงล่ะ?”

ฟางฟางหันหน้ามาทางเธอและยิ้มจางๆ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท