บทที่ 1152 ไม่เชื่ออีกแล้ว
น้ำเสียงของฟางฟางมีความถากถาง : “วันแรกที่ฉันถูกจับ เขาก็มาที่นี่แล้ว”
ฉินซีไม่คาดคิดมาก่อน จึงเงียบและตั้งใจฟังเธอพูด
“ตอนนั้นการป้องกันจะเข้มงวดกว่านี้ แต่สำหรับเขาแล้วการเข้ามาไม่ใช่เรื่องยากอะไร เขามาหาฉันและพูดกับฉันว่า ทั้งหมดนี้น่าสนใจ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะใช้ฉันจะเป็นหมาก” การแสดงออกของฟางฟางเห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้สึกตื่นตกใจ
“นี้เป็นครั้งแรกในหลายปีที่ผ่านมาที่เขาพูดกับฉันมากขนาดนี้” ฟางฟางเยาะเย้ย “เขาบอกว่า เขาเป็นคนเลือกคนลักพาตัวมาเอง และอธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่มีทางทำร้ายฉันแน่นอน ถ้าผมฉันหลุดแม้แต่เส้นเดียว เขาจะลงโทษคนที่จับฉันมาอย่างหนัก”
ฉินซีขมวดคิ้วเห็นได้ชัดว่ายากที่จะเข้าใจสิ่งที่เขาพูด
“ที่ฉันสนใจคือตอนที่ฉันโดนจับตัว การกระทำของเขานุ่มนวลพอไหม?” น้ำเสียงฟางฟางเยาะเย้ยและพูดต่อ “แต่เขาก็พูดอีกว่า เขามีความลำบากใจ”
“วันนั้นเขาอยู่ที่นี่นานมาก เริ่มพูดเรื่องในอดีต เขาบอกว่าไม่ใช่ว่าไม่เคยหวั่นไหวต่อฉัน แต่เป็นเพราะกฎขององค์กร เขาไม่สามารถบอกทุกคนได้ว่าอยู่ด้วยกันกับฉัน ถ้าผู้นำละเมิดกฎขององค์กรที่ว่าห้ามคนในองค์กรรักกันแล้วหลังจากนี้จะมีใครเคารพอีก? และยังพูดอีกว่าการวิจัยครั้งนี้เป็นการก้าวไปอีกขั้นของบริษัทผลิตยาฉางเซิ่ง เขาจำเป็นต้องหาโอกาสลงมือก่อน ถ้าปล่อยให้ช้าไปอีกนิด โอกาสที่จะครอบครองกิจการยากมาก การเลือกฉันปลอดภัยที่สุด ฉันไม่รู้อะไรเลยและฉันซื่อสัตย์ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด” พูดถึงตรงนี้ฟางฟางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ฉินซีรู้สึกมีรสขมกระจายอยู่ในปาก
พ่อของจ้านเซิน พูดได้ยังไงว่าไม่ใช่ไม่เคยหวั่นไหวต่อฟางฟาง?
คำพูดทั้งหมดของเขาเริ่มจากองค์กร ทั้งหมดเพื่อองค์กร ฟางฟางจึงต้องเสียสละ
“เขาบอกว่า หลังจากที่บริษัทผลิตยาฉางเซิ่งจับตัวฉัน จะต้องเอาความสนใจทั้งหมดมาไว้ที่ตัวฉันเพื่อบีบเอาความลับ และลดการค้นคว้าของตัวเองลง เขาจะเร่งหาโอกาสเข้าซื้อกิจการ รับรองว่าจะไม่ให้ฉันต้องทนทุกข์มาก และจะรีบปล่อยฉันไป” พูดถึงตรงนี้ฟางฟางก็ยิ้มออกมา “นี้คงเป็นครั้งแรกที่เขาพูดยอมรับหมากในองค์กรสิน่ะ? ฉันว่าตอนนี้เขาก็คงคิดเสียใจอยู่ ถ้าตอนนั้นใจอ่อน ไม่ให้ฉันเข้าร่วมเรียนในองค์กร ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องออกหน้าเองอย่างตอนนี้”
ฉินซีมองฟางฟางด้วยความเศร้าที่ไม่สามารถอธิบายได้
ความเชื่อมั่นที่ฟางฟางมีต่อพ่อของจ้านเซินได้แตกสลายไปหมดแล้ว เธอไม่เชื่อคำพูดเขาอีกแม้แต่คำเดียว แค่คิดว่าคำพูดของเขาทั้งหมดมีอะไรแอบแฝงอยู่และมีจุดมุ่งหมายที่ไม่ปกติ
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เธอจะไม่เชื่อเขาอีกแล้ว
“เขาอยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งคืนจนเช้า พูดทุกอย่างที่คิดได้ออกมา พูดจนน้ำลายแห้ง ถ้าเขายังไม่รีบออกไปอีกก็คงจะโดนจับได้เขาจึงลุกขึ้นเตรียมตัว ฉันนิ่งเงียบ แทบจะไม่พูดอะไรมาทั้งคืน รอจนกระทั่งเขาลุกขึ้นเตรียมตัว จึงเรียกเขาไว้” แววตาของฟางฟางส่องประกายร้ายกาจ “ฉันว่าต้องขอบคุณเขาที่ยอมเสียเวลามาพูดกับฉัน องค์กรดูแลฉันมาหลายปี ฉันจะไม่แก้แค้นจะเป็นหมากที่สงบให้องค์กร จะไม่เพิ่มความวุ่นวาย ฟังจบเขาไม่พูดอะไร แต่เสียงเปิดประตูออกไปดังกว่าตอนเข้ามามาก”
ฉินซีหัวเราะตาม
นิสัยของฟางฟางกับเหยาหมิ่นคล้ายกัน นิสัยอ่อนโยน แต่จะจิกกัดใครก็ต่อเมื่อกังวล ในที่สุดเธอก็หาโอกาสที่จะพูดระบายให้ตัวเองได้
“แต่ตอนนั้น ฉันตัดสินใจแล้ว” ฟางฟางหุบยิ้มและมองฉินซี “หลายวันก่อนที่จ้านเซินมาด้วยตัวเอง ฉันก็พูดกับเขาแบบนี้”
จ้านเซินเคยมาที่นี่?
ฉินซีตกใจขึ้นมาในทันที
“ฉันมองออกทุกอย่าง หลังจากที่รู้ว่าทั้งหมดนี้คือแผนการของพ่อจ้านเซิน” ใบหน้าของฟางฟางเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบ “แค่ฉันอยู่ต่อในองค์กรอีก1วัน ก็จะเป็นหมากให้องค์กรต่ออีก1วัน ไม่ใช่แค่ฉันพวกคุณทุกคนก็ด้วยเช่นกัน ทำไมองค์กรถึงสอนให้พวกเราละทิ้งความรู้สึกที่มนุษย์ทุกคนควรมี เพราะองค์กรอยากในใจพวกคุณมีแค่องค์กร ไม่มีเรื่องอื่น ก็สามารถควบคุมได้ง่าย เป็นหมากตัวหนึ่งจะต้องการสิทธิมนุษยชนอะไร?”
ฉินซีคิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดอะไรแบบนี้
ที่เธอพูดเป็นความจริงหรือไม่?
องค์กรไม่เคยมองพวกเธอเป็นคน พวกเขาใช้เราเป็นเหมือนก้าวที่จะทำให้เป้าหมายสำเร็จ
ใช้งานเสร็จแล้ว ไม่มีประโยชน์แล้ว ก็ทิ้งไปให้หมด
ฟางฟางเห็นอาการหวั่นไหวของเธอ จึงพูดต่อ : “แม้ว่างานจะเสร็จหมดแล้ว เขาช่วยฉันออกมาสำเร็จแล้ว แล้วยังไง? ฉันยังคงเป็นหมากขององค์กร ถ้าครั้งหน้ายังต้องการฉัน ยังใช้งานได้ดีที่สุด ครั้งหน้าก็ยังดึงออกมาใช้งานได้อีก”
“ฉินซี ความรักตลอดทั้งชีวิตของฉันถูกเผาทำลายไปทั้งหมดตั้งแต่รู้ว่าพ่อของจ้านเซินเป็นคนโกหก ตอนนี้จะให้เป็นหุ่นเชิดที่ไร้อิสระ ฉันจะสบายใจได้ยังไง?” ฟางฟางหันมองฉินซี พูดเน้นชัดทุกคำทุกประโยค
ในที่สุดฉินซีก็เข้าใจวัตถุประสงค์ที่เธอพูดมามากมาย
เธอกำลังบอกตัวเองว่าทำไมเธอถึงไม่ต้องการความช่วยเหลือ
“หนีออกจากกรงนี้ ก็ไปอีกกรงหนึ่ง ไม่ใช่รึไง?” ฉินซีมองเธอ และพึมพำ
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าของฟางฟาง พลางพยักหน้า : “ใช่สิ คนที่ถูกจองจำไปตลอดชีวิต คนที่ไม่มีอิสระไปตลอดชีวิต ก็ปล่อยให้ฉันอยู่ตรงนี้ ไม่ดีรึไง?”
ฉินซีตกใจอยู่สักครู่ ไม่รู้ว่าจะหักล้างยังไง
ตอนที่เธอมา คาดเดาสถานการณ์ไว้มากมาย คิดถึงเหตุผลมากมายที่ฟางฟางไม่อยากรับความช่วยเหลือ
แต่เธอไม่เคยคิดว่าเรื่องจริงจะโหดร้ายกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก
เธอไม่สามารถโน้มน้าวฟางฟางได้ อีกทั้งเธอยังพูดจนตัวเองเริ่มหวั่นไหวไปด้วย
ฟางฟางเป็นหมากตัวหนึ่ง แล้วตัวเองไม่ใช่รึไง?
ทุกคนภายในองค์กรนี้ แม้แต่จ้านเซินและพ่อของเขา ไม่ใช่รึไง?
ทุกคนคือหุ่นเชิด สุดท้ายคนที่ควบคุมหุ่นเชิดคือใครกัน?
ฉินซีตกอยู่ความคิดตัวเองไปชั่วขณะ
“ปฏิกิริยาของคุณ เหมือนกับจ้านเซิน” คำพูดของฟางฟางขัดจังหวะความคิดของฉินซี “เมื่อวานช่วงค่ำหลังจากฉันถามแบบนี้ไป เขาก็เงียบไป หลังจากเงียบไปนาน ก็ล้มเลิกความคิดที่จะช่วยฉันออกไป”
ฉินซีเม้มปาก
เธอคิดถึงเมื่อวานที่กล่าวหาจ้านเซินโดยไม่รู้อะไร รู้สึกผิดเล็กน้อย อยากหาโอกาสขอโทษเขาและไม่รู้จะพูดกับ ฟางฟางยังไง และลังเลอยู่สักพักจึงพูดออกไป : “แต่ถ้าไม่ช่วยคุณออกไป คุณต้อง…จะทำยังไงล่ะ?”
ฟางฟางหันหน้ามาทางเธอและยิ้มจางๆ