Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1156

ตอนที่ 1156

บทที่ 1156 ไม่อยากจะคิด

แต่ฉินซีรู้ดีว่าพวกทวงหนี้แบบนี้ ไม่ควรคืนเงินให้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะมองว่ามีเงินเหลือเฟือ ครั้งหน้าจะบีบให้แน่นยิ่งขึ้น

ครั้งหน้าที่พวกเขามา ฉินซีจะมีเงินเท่าไหร่ยังไม่รู้

ฉินซีแกล้งทำท่าทีลำบากและขมวดคิ้วเล็กน้อย : “ได้ ฉันจะหาทางคืนให้นาย อย่างช้าที่สุดพรุ่งนี้เช้าจะคืนให้”

ผู้ชายคนนั้นมองฉินซีอย่างสงสัย : “จริงไหม?”

ฉินซียิ้มพยักหน้านิ่งๆ และยิ้มอย่างกระแทกแดกดัน : “ก็ถ้าพรุ่งนี้เช้าฉันอยากจะนอน ก็ต้องคืนเงินไม่ใช่รึไง?”

ผู้ชายคนนั้นหัวเราะกับสิ่งที่เธอพูด และยอมถอยให้หนึ่งก้าว : “ได้ ตามที่เธอพูด ฉันจะรอ”

พูดจบ แต่ไม่กลับไปในทันที แค่ถอยหลังไปอีกก้าว มองสำรวจฉินซีอีกครั้ง และยิ้มโชว์ฟันเหลืองออกมา : “แต่ว่าน่ะ ฟังพี่สักหน่อย ไม่ผิดแน่นอน ถ้าวันไหนคุณไม่มีเงินมาคืน แค่คุณยอมขาย เจ้านายพวกเราต้องยอมจ่ายแน่นอน”

ฉินซีขนลุกกับสิ่งที่เขาพูด และพยายามหัวเราะเยาะ : “อยากนอนกับฉัน? ฝันไปเถอะ”

ผู้ชายฟันเหลืองถูกขัด และพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ : “ ถ้าคุณไม่ขายตัว เมื่อกี้จะนั่งรถหรูกลับมาได้ยังไง?”

ฉินซีขี้เกียจจะอธิบายกับคนประเภทนี้ มองกลอกตาบนและเดินเข้าไปด้านใน

คนนั้นไม่ได้เดินตามเข้ามา แต่หันหลังเดินออกไป

ฉินซีเดินไปถึงแค่ทางขึ้นบันได ยังไม่ทันได้เดินขึ้นไป ก็เห็นเงาที่คุ้นเคยแอบอยู่ตรงมุมตึก

“แม่?” ฉินซีรีบก้าวขาเข้าไปข้างตัวเธอ ดึงเธอขึ้นมาจากพื้น “ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้? พื้นเย็นขนาดนี้!”

เหยาหมิ่นยิ้มหน้าซีดมองไปทางเธอ : “ฉัน…ฉันได้ยินเสียงเธอ ฉันกลัวว่าเธอจะวุ่นวายเลยลงมาดู”

ฉินซีกะพริบตาและเห็นมืออีกข้างหนึ่งของเหยาหมิ่นจับมีดหั่นผักไว้แน่น

“คุณ…” ฉินซีพูดไม่ออกชั่วครู่

เธอเข้าใจเหยาหมิ่นที่สุด ก่อนหน้านี้เธอเป็นที่ไม่กล้าแม้แต่จะตีแมลงในบ้านให้ตาย ครั้งนี้ต้องใช้ความกล้าเป็นอย่างมาก ถึงจะถือมีดหั่นผักออกมาได้

ฉินซีรู้สึกเหมือนมีมือคู่หนึ่งดึงหัวใจที่บอบช้ำของตัวเองไว้ ทำให้เธอรู้สึกเศร้ายิ่งขึ้น

“พวกเรากลับกันก่อนเถอะ ค่อยคุยกัน” ฉินซีดึงเหยาหมิ่นขึ้นมา

ชั้นที่พวกเขาพักอยู่ไม่สูง เมื่อเดินไปถึงประตูบ้าน ฉินซีก็พบว่าสีที่หน้าประตูถูกทำความสะอาดจนหมดเกลี้ยง

“นี่…” ฉินซีหันกลับไปมองเหยาหมิ่น

เหยาหมิ่นยิ้มจางๆ : “ฉันอยู่บ้านทั้งวันไม่มีอะไรทำ สิ่งนี้…จริงๆ ก็ดูไม่ดี”

เหยาหมิ่นมองรอยยิ้มของเธอ เบ้าตาเริ่มร้อนขึ้นมาอีกครั้ง

มือคู่นั้นของเหยาหมิ่นแทบจะไม่เคยต้องทำงานบ้าน แต่มือที่วาดภาพสีน้ำมันคู่นั้น ตอนนี้กลับถูกใช้มาทำความสะอาดสีที่คนทวงหนี้พวกนั้นสาดไว้ตรงประตู

ตอนที่ทำเรื่องเหล่านี้ เธอรู้สึกเป็นอย่างไร?

ฉินซีไม่กล้าคิด

ทั้งสองคนเปิดประตูเดินเข้าไป เหยาหมิ่นเอามีดหั่นผักวางไว้ในครัว และหันกลับมามองฉินซี

ฉินซีเห็นเธออ้าปากพูดและหุบปากไป ท่าทีลังเลและหยุดไป จึงอดถามออกไปไม่ได้ว่า : “มีอะไร?”

เหยาหมิ่นขมวดคิ้ว และคิดแล้วคิดอีกก่อนจะค่อยๆ ถามออกมาอย่างช้าๆ : “ฉันได้ยินที่เธอพูดกับคนกลุ่มนั้นด้านนอกหมดแล้ว คุณบอกว่าก่อนวันพรุ่งนี้จะคืนเงินให้?”

ฉินซีพยักหน้า : “ใช่ คือย่างนี้ …อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็จะไม่มารบกวนในตอนเช้าแล้ว”

ฉินซีนึกถึงตอนที่กลับมาตอนเช้าและเหยาหมิ่นเปิดประตูทิ้งไว้ ยังคงรู้สึกกลัว

แต่เหยาหมิ่นยังคงมีสีหน้ากังวล : “คุณจะเอาเงินมาจากไหนกัน?”

ฉินซียิ้มจางๆ : “ฉันขายรถไปแล้ว ได้ราคาหลายล้าน น่าจะพอใช้ได้สักพัก”

เหยาหมิ่นยังคงขมวดคิ้ว และหันกลับมามองฉินซี : “แต่…เงินไม่กี่ล้าน จ่ายค่าดอกเบี้ยได้ไม่กี่ครั้ง ก็น่าจะไม่มีเหลือแล้ว?”

ฉินซีรู้สึกอยู่ตลอดว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในคำพูดของเธอ รู้สึกเหมือนกำลังลองใจอะไรอยู่

ลองใจ? ลองใจอะไรล่ะ?

ฉินซีใช้สมองคิดอีกครั้ง

เมื่อกี้เหยาหมิ่นอยู่ที่ทางขึ้นบันได น่าจะได้ยินที่พวกหนี้พวกนั้นพูดกับเธอ

…คงไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะไปขายตัวจริงๆ ใช่ไหม?

ฉินซีไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี จึงทำได้แค่ถอนหายใจยาวๆ

แต่คำพูดนี้ก็ไม่สามารถพูดออกไปตรงได้ เธอจึงทำได้แค่พูดอย่างอ้อมค้อม : “แม่ สบายใจได้ ฉันสามารถเลี้ยงดูพวกเราได้อย่างเหมาะสม คุณไม่ต้องคิดมาก”

เหยาหมิ่นไม่รู้จะเชื่อคำพูดเธอดีไหม แต่ก็พยักหน้ารับอย่างไม่ชัดเจน

ฉินซีวิ่งวุ่นไปทั้งวัน เหยาหมิ่นก็ทำอาหารไม่เป็น ทั้งสองคนจึงสั่งอาหารจากด้านนอกมากินเป็นมื้อค่ำ

หลังจากกินข้าวเย็น ฉินซีก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง

ค่อยเก็บความสบายใจที่แสดงออกมาตรงหน้าของเหยาหมิ่นลง

เธอครุ่นคิดอยู่สักพัก จึงโอนเงินไปที่เลขที่บัญชีนั้นก่อน 300,000 อีก 470,000 รออีกสักพักค่อยโอนไป

มองจำนวนเงินหลังจากที่โอนเงินเสร็จแล้ว ฉินซีเริ่มขมวดคิ้ว

ความกังวลของเหยาหมิ่นไม่ใช่ไม่มีเหตุผล

ตอนบ่ายเธอขายรถไปได้ถึงสามล้าน แค่ครู่เดียวใช้ไปแล้ว 800,000

แค่จ่ายค่าดอกเบี้ยเดือนนี้ ก็แทบจะหมดแล้ว

หลังจากนี้จะทำยังไงล่ะ…

เธอคิดถึงเรื่องการออกไปทำงานนอกสถานที่ที่ประเทศTเมื่อตอนบ่าย ถ้าสามารถจัดการได้ ก็ควรไปสักครั้งสิน่ะ?

ในเมื่อมีโอกาสที่จะได้เงิน ก็ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือไป

ฉินซีคิดพลางและกำลังจะออกจากหน้าจอข้อความพลาง แต่เมื่อกดไป ก็เจอข้อความที่จ้านเซินเคยส่งให้ตัวเองก่อนหน้านี้

แค่เห็นชื่อของจ้านเซิน เธอก็อดนึกถึงฟางฟางไม่ได้

ความเจ็บปวดในใจแทบจะแผ่กระจายขึ้นมาทันที

ตอนนี้ฟางฟาง…จะเป็นยังไงบ้าง?

วิธีการแก้ปัญหาที่เธอพูดถึง จริงๆ แล้วคืออะไร?

ฉินซีคิดคำตอบไม่ออก แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองเจ็บปวดยิ่งขึ้น

ชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่เต็มไปด้วยรูพรุนมากมาย ที่แตกสลายจนไม่รู้จะแตกยังไงแล้ว

การมีชีวิตอยู่ต่อ ช่างเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกิน

ฉินซีอดหลับอดนอนจนเช้า เพื่อรอโอนเงินที่เหลือ470,000ให้อีกฝ่าย แต่ก็ยังไม่ง่วง พลิกตัวไปมาบนเตียงอยู่นาน ถึงจะค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ แต่ก็ไม่ได้หลับสนิท แค่ขยับนิดขยับหน่อยก็ตื่นแล้ว

เธองีบหลับไปได้ไม่นาน โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา

ฉินซีกระตุกคิ้วและลืมตาขึ้นมาในทันที

คนที่โทรมาคือจ้านเซิน

ฉินซีรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงมาก

หรือว่า…จะมีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้น

จึงทำให้มือที่โทรศัพท์ของฉินซีสั่นจนต้องสไลด์โทรศัพท์ไปหลายครั้งกว่าจะรับสายได้

“ฉินซี ถ้ามีเวลาว่าง ก็มา…บอกลาฟางฟางหน่อยเถอะ?” เสียงของจ้านเซินแหบแห้ง

มือของฉินซีสั่นจนเกือบจะทำโทรศัพท์ตก

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายครั้ง กว่าจะพูดออกมาได้ : “อยู่ที่ไหน?”

“ฉันจะส่งที่อยู่ไปให้ คุณ…ช่างเหอะ คุณรอหน่อย ฉันจะให้คนไปรับคุณ” จ้านเซินตอบกลับมาง่ายๆ

ฉินซีรู้ว่าเวลานี้ตัวเองจะบุ่มบ่ามออกไปเรียกแท็กซี่ก็คงไม่มีรถ รถของตัวเอง…ก็เพิ่งจะขายไปเมื่อตอนบ่าย

รีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้แค่รอต่อไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท