Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1153

ตอนที่ 1153

บทที่ 1153 เธอไม่ไร้ความรู้สึก

“ที่ฉันพูดกับพ่อของจ้านเซิน ไม่ใช่เพราะโกรธเขา” ฟางฟางพูด “ฉันรู้สึกขอบคุณที่องค์กรรับฉันไว้นานขนาดนี้ ให้ฉันได้มีโอกาสทดลองที่คนรอบตัวไม่มีโอกาส ฉันไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัว ในเมื่อเขาอยากให้ฉันทำ ฉันก็จะทำ”

ตอนที่เธอพูดประโยคนี้สีหน้าดูมุ่งมั่น ฉินซีขมวดคิ้วและรีบถาม : “คุณคิดจะทำยังไงต่อ?” ฟางฟางหันมองเธอ อ้าปากจะพูดและปิดปากลง เงียบไปไม่นาน จากนั้นส่ายหน้า : “คุณจะได้รู้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

ฉินซีขมวดคิ้ว : “หมายความว่าอะไร”

“ฉินซี” ฟางฟาง ขัดจังหวะเธอ “ฉันพูดไปเยอะขนาดนี้ คุณยังอยากจะช่วยฉันออกไปอีกไหม?”

ฉินซีกัดฟันและพูดอย่างไม่สบายใจ : “แต่ถ้าช่วยคุณให้หนีไปจากองค์กรได้ คุณก็จะได้รับอิสระ”

ฟางฟางมองเธอด้วยความเศร้าที่ไม่สามารถอธิบายได้ : “ฉินซี คุณคิดว่าฉันจะหนีจากองค์กรได้จริงไหม?”

ฉินซีมองแววตาของเธอ และเงียบไป

ถ้าเธอเป็นนักวิจัยธรรมดา เธอก็คงพยักหน้ารับได้อย่างแน่นอน

แต่…เธอคือแม่ของจ้านเซิน

ความสัมพันธ์กับองค์กรมากมายซับซ้อนเสียจริง ถ้าต้องการแยกจริงๆ ช่างยากเหลือเกิน

ฟางฟางเห็นเธอเงียบไป จึงยิ้มจางๆ : “ไม่ต้องคิดจะช่วยฉันอีกแล้ว ฉันรู้ว่าคุณเป็นเด็กดีคนหนึ่ง คุณจำคำที่ฉันเคยพูดได้”

ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองเธอทันที

ฟางฟางยังคงยิ้ม : “ทำไม? ยังคิดว่าฉันดูไม่ออกหรือไง? ความเฉยเมยพวกนั้นคุณกำลังเสแสร้งสิน่ะ? คุณยังจำประโยคนั้นได้ ฉันหวังว่าคุณจะไม่เรียนรู้”

ฉินซีคิดไม่ถึงว่าเธอจะดูออก ไม่รู้จะตอบยังไงไม่ชั่วขณะ และมองไปที่เธออย่างตกใจ

“โอเค ฉันรู้ว่าทำให้คุณตกใจ ที่นี่ไม่มีคนนอกและก็ไม่กล้ายอมรับมัน” ฟางฟางยังคงเกรงใจ แต่ก็ไม่บังคับให้เธอยอมรับ “งั้นตอนนี้ฉันขอพูดอีกสักประโยคแล้วกัน คุณอายุยังน้อย รีบออกจากองค์กรไป”

ฉินซีตกใจกับความตรงไปตรงมาของเธอ จนไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไปดี ทำได้เพียงเหม่อมองเธออย่างตะลึง

“คุณน่าจะดูออกใช่ไหมว่า จ้านเซินปฏิบัติต่อคุณเป็นพิเศษ?” ฟางฟางมองไปที่ฉินซีอย่างมีความหมาย “คุณเป็นผู้หญิงที่ดี ฉันชอบคุณมาก แต่ถ้าพวกเราเป็นครอบครัวปกติทั่วไป ฉันคงตั้งใจอยากให้คุณอยู่ข้างเขาจริงๆ แต่…ตอนนี้จ้านเซินนั่งอยู่ในตำแหน่งของพ่อเขา หลังจากนี้เขาจะเปลี่ยนไปยังไง จะเหมือนพ่อเขาหรือไม่ ฉันก็ไม่กล้ารับประกัน”

ฉินซีอ้าปากนิดหน่อยและเงียบไปหลายวินาที

เธอไม่ได้ไร้ความรู้สึก

จ้านเซินสนใจเรื่องของตัวเองเป็นพิเศษ แทบจะทุกเรื่องเขาจะต้องมีส่วนร่วม สัญญาณทั้งหมดบอกถึงปัญหาเดียวกัน หรือจ้านเซินอาจจะกำลังรู้สึกผิดกับตัวเอง

“ถึงแม้จ้านเซินจะเป็นลูกของฉัน แต่เดิมทีแล้ว…ฉันไม่เคยสอนอะไรเขาเลย” ฟางฟางพูดอย่างรู้สึกผิดและก้มหน้า “แต่จากการติดต่อกันของเรา ฉันรู้สึกว่านิสัยของเขาเหมือนกันกับพ่อเขามาก เขาอาจจะหวั่นไหว แต่จะไม่รักใคร จะครอบครองและปล้นชิง แต่จะไม่ให้ความสำคัญ”

ฉินซีฟังแล้วตกตะลึง แต่ฉินซีที่อาศัยอยู่ในร่างกายของตัวเองตอนนี้ที่กำลังฟังเธอพูด พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง

เตือนความทรงจำมาถึงตอนนี้ เธอพอจะรู้แล้ว ทำไมจ้านเซินถึงอยากให้ตัวเองรีบกลับไปที่องค์กร และพอจะรู้แล้วว่าทำไมเขาต้องเอาทุกอย่างที่ลู่เซิ่นทำมาวางไว้ตรงหน้าตัวเอง

เพราะเขาชอบตัวเอง จึงทำแบบนี้

แต่ไม่ใช่เหตุผลที่ทุกอย่างสมเหตุสมผล

ฉินซีไม่สามารถให้อภัยการไม่เคารพตัวเองของเขาได้

“ถึงบอกว่า” ฟางฟางกระแอมเบาๆ และเงยหน้ามองฉินซีอีกครั้ง “ใช้ประโยชน์จากโอกาส ใช้ประโยชน์จากการไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันหวังว่าคุณ…จะออกจากองค์กร อย่าช้ำรอยโศกนาฏกรรมของฉันอีก”

ฉินซีเงียบ

เธอไม่ได้พยักหน้าทันที แต่ก็ไม่ส่ายหน้าปฏิเสธ

เธออยู่ในองค์กรมาสิบกว่าปี สิบกว่าปีที่ปลูกฝังความรู้สึกและความเคยชิน ไม่สามารถทิ้งทั้งหมดได้เพราะคำพูดไม่กี่คำ

แต่ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย ก็เป็นการโกหก

ความเศร้าโศกในแววตาของฟางฟางไม่สามารถโกหกใครได้ ปีกของเธอถูกตัดขาดไปแล้ว ดังนั้นขอยอมแพ้ดีกว่าถูกขังอยู่ในกรงนี้ต่อไป

…ตัวเองหลังจากนี้ จะเป็นแบบนี้ด้วยไหม?

ฉินซีรู้สึกกลัวเล็กน้อย

จึงเงียบไปหลายวินาที เธอเปลี่ยนเรื่องทันทีและเงยหน้ามองฟางฟาง : “งั้น…คุณจะยอมปล่อยไปแบบนี้เลยหรือไง?”

ฟางฟางยิ้มจางๆ สีหน้าโล่งใจ : “ฉันไม่เสียใจอะไร คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉัน แทนที่จะเสียใจกับฉัน ทำไมไม่มารู้สึกขอบคุณไปด้วยกันกับฉัน อิสระที่ฉันรอคอยมานาน ในที่สุดก็ถึงแล้ว”

ฉินซีมองเธออย่างสงบ รู้ว่าตัวเองไม่สามารถโน้มน้าวเธอได้อีก

กระทั่ง…เธอไม่มีความคิดที่จะโน้มน้าวฟางฟางอีก

หรือสำหรับฟางฟางแล้วหลังจากที่ทำอะไรเพื่อองค์กรครั้งสุดท้ายและจากโลกนี้ไป กลับเป็นการบรรเทาที่ดีกว่า

“ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว” ฟางฟางมองไปที่แสงตรงขอบฟ้าไกลๆ พูดเสียงเบาๆ

ฉินซีรู้ว่าถึงเวลาที่ตัวเองควรจะออกมาแล้ว

“ฉัน…” เธอหันกลับไปอยากจะบอกลาฟางฟาง แต่กลับพบว่าคอของตัวเองสั่น

“เด็กดี” ฟางฟางยิ้มใจดีและยื่นมือไปคว้าฉินซีมากอดในอ้อมกอดตัวเอง “ฉันดีใจมาก สุดท้ายคุณไม่ได้กลายเป็นเครื่องมือขององค์กร พ่อของจ้านเซินติดตามฉันอย่างเข้มงวดตลอดเวลา ครั้งนั้นที่ไปค่ายฝึกอบรม เป็นครั้งเดียวที่ฉันได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ทดลอง และก็เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เข้าอบรมตัวต่อตัวในฐานะนักวิจัย คุณเป็นผลผลิตชิ้นเดียวของฉัน และเป็นคนเดียวที่ฉันสามารถช่วยให้ออกจากองค์กรได้ ดังนั้น คุณต้องมีอิสระ”

เธอพูดจนจบ เสียงก็อดแหบไม่ได้

เบ้าตาของฉินซีร้อน แทบจะใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องออกมา

“ฉัน…ไปก่อนน่ะ” ทั้งสองคนกอดกันเงียบๆสักครู่ จนกระทั่งขอบฟ้าสว่างขึ้นเรื่อยๆ คนดูแลด้านนอกก็กำลังจะตื่นขึ้นมา ถ้าไม่แยกจากกันก็ไม่ถูก

ฟางฟางยิ้มมองไปที่เธอและโบกมือ

ฉินซีเจ็บปวดใจอย่างรุนแรง

เธอรู้ว่าการบอกลาครั้งนี้คือตลอดไป

เธอมองไปที่ฟางฟางอย่างลึกซึ้งเป็นครั้งสุดท้าย อยากจะเก็บท่าทีของเธอไว้ในส่วนลึกของสมอง แต่กลับอดคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เคยทำร่วมกันไม่ได้

เพราะการดูแลของฟางฟาง ตอนฝึกอบรมเธอแทบจะไม่ลำบากอะไรเลย ฟางฟางเป็นเหมือนแม่อีกคนในองค์กรของเธอ ส่วนที่เหยาหมิ่นไม่สามารถดูแลได้ เธอดูแลฉินซีอย่างสุดใจ จนกระทั่งซักเสื้อผ้าให้เธอ เรียกได้ว่าเธอเจอเรื่องวุ่นวายในโรงเรียน ก็จัดการวิเคราะห์แก้ไขแทนทีละเรื่อง ไม่เคยทำตัวสูงส่ง ทั้งยังมองฉินซีเป็นผู้ใหญ่เหมือนกับเธออย่างเท่าเทียมกัน

ที่สำคัญที่สุดก็คือเธอเตือนฉินซีไม่ให้เป็นหุ่นเชิดขององค์กร

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท