Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1150

ตอนที่ 1150

บทที่ 1150 ที่พักพิงที่ดีที่สุด

บทเรียนที่ว่ามานั้นคืออะไร ฉินซีเข้าใจกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

สอนให้เธอรู้จักปกป้องตัวเอง สอนให้เธอละทิ้งความรู้สึกทุกอย่างที่คนทั่วไปมี สอนให้เธอให้กลายเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ที่ใช้งานได้ดียังไง

“ฉันเรียนไปไม่กี่ครั้ง ก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว” ฟางฟางยิ้มแล้วพูดขึ้น น้ำเสียงกลับฟังดูขมขื่น “ที่เขาให้ฉันเรียนบทเรียนแบบนี้ ก็เพราะว่าเพื่อที่จะบอกฉันว่า อย่าคอยแต่อยู่กับความรู้สึกที่ไม่สมควรมีอยู่อีกเลย สำหรับนิทานของเขาและฉัน ก็เป็นเพียงแค่กับดักเขาที่เขาใช้แรงกายแรงใจทำขึ้นมาครั้งหนึ่งเท่านั้น เมื่อเหยื่อติดกับแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้แรงอีกแล้ว”

ฉินซีมองรอยยิ้มของเขา และช่วงมึน ๆ งง ๆ ก็ราวกับว่ามองเห็นเหยาหมิ่น ความรู้เดียวกันนี้ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเริ่มเจ็บปวดขึ้นมา

“ฉันมองทุกอย่างชัดเจนแล้ว สำหรับเขาก็ไม่คาดหวังอะไรอีก สิ่งเดียวที่ฉันเป็นกังวลก็คือลูกชายของฉัน” ฟางฟางหรี่ตาลงต่ำ และมองไปที่หน้าท้องของตัวเอง ราวกับว่ายังมีชีวิตคนอีกชีวิตหนึ่งอยู่ข้างในยังไงอย่างงั้น “ถึงแม้ว่าฉันตายใจไปจากเขาแล้วจริง ๆ แต่ว่าชีวิตที่อยู่ในท้องของฉันนั้น เป็นลูกของฉัน ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขานั้นมันตัดไม่ขาดหรอก ฉันเป็นกังวลว่าถ้าตามนิสัยของเขาแล้ว ขอแค่รู้ว่าฉันท้อง อาจจะบังคับฉันให้เอาเด็กคนนี้ออกได้ ”

แววตาของฟางฟางดูล่องลอยเล็กน้อย “โดนเขาหลอกลวง ฉันยังพอทนไหว แต่ว่าถ้าจะต้องเอาเด็กคนนี้ออก ฉันคงจะคลุ้มคลั่งได้”

ฉินซีถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง แต่ในห้องที่เงียบสงบนี้กลับดูค่อนข้างเด่นชัด

แน่นอนว่าฟางฟางก็ได้ยินแล้ว แล้วก็ยิ้มขึ้นมา และหันมามองเธอ “ความคิดของฉันมันเข้าใจยากมากเลยใช่ไหม?”

ฉินซีส่ายหน้า และไม่ได้พูดอะไร

“แต่ว่าสุดท้ายฉันก็ปกปิดได้ไม่นานเท่าไหร่” ฟางฟางเก็บรอยยิ้มกลับมา “เธอก็รู้ว่า บทเรียนพวกนั้นขององค์กรมันเป็นยังไง จะต้องใช้พละกำลังมากมาย และในเวลานั้นอาการแพ้ท้องของฉันก็รุนแรงมาก ทุกวันต้องอาเจียนหลายรอบ ส่วนใหญ่แล้วแทบจะกินอะไรไม่ลงเลย พอเป็นแบบนั้นไป ๆ มา ๆ ก็หมดสติไปในคาบหนึ่งตอนเรียนการฝึกฝนพละกำลัง”

“รอจนฉันฟื้นขึ้นมานั้น ก็อยู่ในโรงพยาบาลขององค์กรแล้ว เขายืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย มองฉันจากข้างบนลงล่างอยู่” ปฏิกิริยาของฟางฟางเห็นได้ชัดว่ากำลังจมอยู่กับความทรงจำ “พูดแล้วก็ตลก นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้อยู่ใกล้กับเขา ตั้งแต่หลังจากที่ผลงานการทดลองออกมาแล้ว แต่เขากลับใช้น้ำเสียงเย็นชาถามฉันว่า ทำไมถึงปิดบังข่าวที่ทั้งครรภ์กับองค์กร”

“ในตอนนั้นฉันทั้งกลัวและก็โกรธ กังวลว่าเขาจะลงมือกับลูกของฉัน โกรธท่าทีที่เขาใช้พูดกับฉัน ในที่สุดก็ไม่มีทางที่จะรักษาความสงบไว้ได้อีกแล้ว แล้วก็ตะโกนเสียงดังโวยวายราวกับคลุ้มคลั่งใส่เขา บอกให้เขาไสหัวออกไป เขาโตมาขนาดนี้ น่าจะเป็นครั้งแรกที่โดนปฏิบัติแบบนี้ใส่ ในชั่วขณะหนึ่งจึงได้นิ่งอึ้งไป” มุมปากของฟางฟางมีรอยยิ้มกะพริบขึ้น แต่ว่าแค่แป๊บเดียวก็จางหายไปแล้ว “เขาไม่ได้ถามฉันว่าเพราะอะไรถึงได้แหกกฎขององค์กรที่ตั้งครรภ์ เพราะว่าเขารู้ เด็กในท้องของฉัน เป็นลูกของเขาเท่านั้น”

“แต่ว่าเขาก็ยังคงสงบนิ่งมาก และโหดเหี้ยมมาก ถึงแม้ว่าฉันแทบจะอยู่ภายใต้การจับตาดูขององค์กรทั้งวัน ไม่มีทางที่จะไปสนิทสนมกับใครได้ แต่ว่าเขาก็ยังคงให้หมอมาทำการตรวจDNA ถึงจะยอมเชื่อว่านี่คือลูกชายของเขา”

ฉินซีทนไม่ไหวจนหลับตาลง

เอาตามความสามารถของหมอในสมัยนั้น การจะตรวจDNAเด็กทารกในระหว่างที่ตั้งครรภ์อยู่นั้นทักษะยังไม่ดีมากพอ ถ้าหากว่าอยากจะให้เด็กในครรภ์ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก งั้นมารดาก็จะต้องเจ็บปวดมาก

แต่ว่าสุดท้ายฟางฟางก็ไม่ได้เล่าความเจ็บปวดแบบนี้ออกมา เพียงแต่ว่าพูดให้พอผ่าน ๆ ไปว่า “ขั้นตอนที่ตรวจDNAนั้นยากลำบากมาก แต่ว่าสุดท้าย เขาก็มั่นใจแล้ว ว่านี่เป็นลูกของเขา แถมยังเป็นเด็กผู้ชายอีกด้วย ฉันคิดว่าส่วนใหญ่เขาน่าจะเห็นแก่ความคิดที่ว่านี่เป็นลูกชายคนแรกของเขา สุดท้ายจึงให้ฉันเก็บเด็กคนนี้ไว้ และยังหยุดบทเรียนของฉันหมดทุกอย่างลง แล้วก็ไม่ให้ฉันเข้าห้องทดลองอีก ให้ฉันตั้งใจบำรุงครรภ์ดี ๆ”

ครั้งนี้ในที่สุดฉินซีก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมฟางฟางถึงได้ถือว่าเป็นคนพิเศษสุดคนหนึ่งในองค์กร แม้แต่ตัวเองยังโดนบทเรียนพวกนั้นกระทบบ้าง และก็ยังมีสัญญาณความเย็นชาเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่บ้าง แต่ว่าเขาอยู่ในองค์กรมานานขนาดนี้ ทำไมยังสามารถรักษาความรู้สึกสั่นไหวที่ตัวเองเป็นคนคนหนึ่งอยู่ได้

……เพราะว่าเขาไม่เคยเรียนบทเรียนพวกนั้นมาก่อนเลยต่างหาก

“ในเวลานั้นฉันได้รู้สึกตายใจกับเขาแล้วจริง ๆ แต่ว่าก็ยังฟังคำพูดของเขา ในเมื่อนี่ก็เป็นลูกคนแรกของฉันเหมือนกัน ฉันก็อยากจะให้เขาคลอดออกมาสุขภาพแข็งปลอดภัย พูดแล้วก็ตลก ในช่วงเวลาที่ฉันบำรุงครรภ์อยู่นั้น เขากลับมาเยี่ยมฉันอยู่บ่อย ๆ แทบจะเว้นวันหนึ่งก็มาอีกครั้งแล้ว ดีที่ฉันได้เห็นเนื้อแท้ของเขาอย่างทะลุปรุโปร่งไปแล้ว ที่เขามาเพราะลูกชายของเขา แต่ไม่ใช่ฉัน ฉะนั้นฉันก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชา” ฟางฟางพูดคำพูดแบบนี้ แต่ว่าในน้ำเสียงกลับไม่ได้มีความไม่พึงพอใจเลยสักนิด “แม้แต่ในช่วงเวลาที่ฉันคลอดลูก ก็เป็นเขาที่เข้าห้องคลอดเป็นเพื่อนฉันด้วย ในตอนที่ฉันเจ็บจนไม่ไหวแล้วนั้น เขายังเอามือตัวเองมาให้ฉันกัดอีกด้วย”

ในดวงตาของฟางฟางมีรอยยิ้มพาดผ่าน แต่ว่าแค่แป๊บเดียวก็กลับสู่ความสงบแล้ว “นั่นเป็นการอยู่อย่างเป็นมิตรที่นับครั้งได้ไม่มากของเราแล้ว ยังดีที่ฉันได้รู้สึกผิดหวังกับเขาอย่างถึงที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นการกระทำที่ทำให้อุ่นใจทั้งหมดของเขานั้นล้วนมีเป้าหมายทั้งนั้น ไม่ได้เป็นเพราะว่ารักฉันเลยสักนิด แล้วก็เป็นอย่างว่าจริง ๆ พอลูกคลอดออกมาแล้ว เขาก็ไม่ได้มองฉันอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว แล้วตามหลังพยาบาลที่อุ้มลูกออกไปพร้อมกันเลย”

ฉินซีเป็นแค่ผู้ฟังคนหนึ่งเท่านั้น แต่ครั้งนี้ก็เสียใจจนหายใจไม่ออกขึ้นมา แต่ว่าฟางฟางกลับเหมือนกับว่ากำลังพูดเรื่องของคนอื่นยังไงอย่างงั้น น้ำเสียงเรียบสงบ “ฉันเพิ่งคลอดลูกเสร็จ ทั้งตัวไม่มีแรง และน่าอนาถจนดูไม่ได้ กำลังเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุด แต่เขากลับให้พยาบาลอุ้มลูกออกไป เขาอดรนทนรอไม่ไหวจนอยากจะอวดลูกชายคนแรกของเขาแล้ว ทิ้งฉันให้เหมือนกับตุ๊กตาผ้าขาด ๆ ตัวหนึ่ง แม้แต่ลูกของฉันเองก็ยังไม่ได้เห็นสักครั้ง จนกระทั่งสลบไป ”

“หลังจากฉันคลอดลูกเสร็จแล้ว ก็เลือดออกเยอะมากหลังคลอด รักษาอยู่ตั้งนานถึงได้พ้นขีดอันตรายได้ รอตอนที่ฉันลืมตาตื่นมานั้น ข้างกายก็ไม่มีใครสักคนแล้ว ฉันก็ไม่ได้ถามให้มากความ และก็รู้ว่า เขาจะต้องไม่เคยมาแน่ ๆ ” ฟางฟางมองไปที่ไกล ๆ แววตาดูว่างเปล่าเล็กน้อย “ในวินาทีนั้นฉันเพิ่งจะรู้ว่าที่แท้ความตายใจของฉันนั้นล้วนแกล้งออกมาทั้งนั้น แต่วินาทีนั้น ความโศกเศร้าเสียใจมันมากกว่าความตายใจ ถึงจะเป็นเรื่องจริงต่างหาก”

“แต่ว่าก็ดีที่เด็กที่ฉันคลอดมาเป็นลูกของเขา ไม่มีคนมาเยี่ยมเยียนฉัน และก็ไม่มีใครกล้าละเลยฉัน ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจนถึงฉันหายดีแล้วและก็ออกจากโรงพยาบาล” ฟางฟางเม้มปากขึ้นเล็กน้อย

“แต่ว่า ทำไมคุณไม่จากไปล่ะ?” ฉินซีอดไม่ได้ที่จะถาม

เธอรู้ว่า องค์กรไม่ใช่ที่ที่เข้าแล้วออกไม่ได้ โดยเฉพาะนักทดสอบแบบฟางฟาง ถ้าหากอยู่ไม่ได้แล้วจริง ๆ ก็สามารถยื่นเรื่องลาออกไปได้

แต่ว่าฟางฟางกลับส่ายหน้า “ฉันสามารถไปที่ไหนได้ล่ะ? ฉันลาออกจากงานแล้ว กับที่บ้านก็แตกหักกันแล้ว ตอนแรกนึกว่าจะได้เจอกับจุดจบที่สวยงามของฉัน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นนิทานที่น่าเศร้าแบบนี้ ในองค์กรนอกจากมีเขาแล้ว ที่จริงอย่างอื่นก็ดีมากทั้งนั้น ฉันสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ และยังสามารถ……ได้เห็นลูกชายของฉันด้วย นี่คือที่พักพิงที่ดีที่สุด สำหรับคนที่ไม่มีที่ไปอย่างฉันแล้ว”

ฉินซีไม่พูดอะไร

สิ่งที่พูดมาฟางฟางล้วนเป็นความจริง แต่ว่าไม่ว่ายังไงเธอก็รู้สึกไม่พอใจแทนฟางฟางอยู่ดี

เธอไม่น่าจะโดนผูกมัดไว้อย่างนี้ ตั้งแต่แรกเธอสามารถมีอนาคตที่สว่างสดใสได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท