Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1171

ตอนที่ 1171

บทที่ 1171 ถูกคุณผู้หญิงพาออกไปแล้ว

จริงๆลู่เซิ่นออกไปจากที่นี่ไม่กี่วันมานี้ แต่กลับรู้สึกว่าที่นี่มันแปลกๆไม่คุ้นชิน ……อาจจะเพราะรู้ว่าฉินซีไม่อยู่ที่นี่แล้ว

“พูดเถอะ” เขานั่งลงบนโซฟา น้ำไม่ทันได้จิบ และเงยหน้ามองพ่อบ้าน “หลายวันมานี้มีอะไรผิดปกติมั้ย”

นั่งเครื่องบินเกือบ10ชั่วโมงช่างทรมานเหลือเกิน แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาสงบสติลง ความสงบนี้ก็พอที่

จะทำให้เขาได้คิดทบทวนสิ่งที่เคยเกิดขึ้น กลับพบว่า ตัวเองตกอยู่ในความคิดที่ผิด

ตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกมาโดยตลอดว่าฉินซีเป็นฝ่ายออกไปเอง

ยังไงซะคนที่โทรมาคุยกับเขาก็คือฉินซี ไปอานหยันก็เป็นฉินซีเป็นคนพูดออกจากปากตัวเอง อย่างไรก็ตามเรื่องที่

จะไปบ้านอานหยันนั้นเป็นเพียงข้ออ้างที่จะหายตัวไป เหมือนกับฉินซีเป็นคนตัดสินใจเองหมดเลยยังไงยังนั้น

แต่ทันใดนั้นเขากลับคิดว่าทำไมจู่ๆคืนวันนั้นถึงได้วีดีโอคอลกับฉินซี

——เพราะพ่อบ้านบอกว่า ฉินซีมีบางอย่างผิดสังเกต

ณ ตอนนั้นตัวเองสงสัยคิดว่าฉินซีถูกวางยาจำพวกระงับประสาทอยู่หรือไม่ จึงได้โทรไปเช็คเพื่อความมั่นใจ

เพราะคำถามที่ฉินซีตอบในขณะนั้นเป็นธรรมชาติมาก ลู่เซิ่นคิดไท่ถึงว่าทำไมเธอถึงถูกวางยา ดังนั้นความสงสัยของเขาก็ถูกล้มเลิกไป

แต่ว่าตอนนี้ ฉินซีหายตัวไป มันไม่ปกติแล้ว

ลู่เซิ่นกลับมานั่งคิดทบทวน ตอนฉินซีอยู่ในสายโทรศัพท์ เธอนั่งอยู่ในรถ ตัวเองดูไม่ได้สังเกตถึงสีหน้าท่าทางที่ผิดปกติของเธอ เพียงตัดสินจากการตอบคำถามที่ดูปกติดีว่าเธอไม่เป็นไร

แต่การควบคุมระดับนี้ ใช้ยาที่ผลิตและพัฒนาโดยทหารนี้ทั้งยังมีราคาแพง ซึ่งได้ผลแน่นอนอยู่แล้ว อีกอย่างถึงแม้จะไม่ใช้ยาควบคุมก็ตาม หากจะมีคนนำเรื่องต่างๆมาข่มขู่ฉินซีไว้ ก็มีความเป็นไปได้ที่เธอจะเป็นฝ่ายจากไปเอง

แต่ว่า……มีเรื่องอะไรบ้างล่ะ สามารถมาข่มขู่เธอได้?

ทันใดนั้นลู่เซิ่นไม่มีความคิดอื่นเลย

เพราะอย่างนี้เขาเลยรีบถามกับแม่บ้านเพื่อความแน่ใจ คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่

พ่อบ้านรู้สึกลังเลเล็กน้อย ผ่านไปหลายวินาทีถึงจะเอ่ยปากพูด

“เมื่อคุณไปได้สักพัก อาการของคุณผู้หญิงดูไม่ค่อยดี ข้าวเที่ยงก็กินไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนตอนเย็นก็ออกไปข้างนอก ตอนที่กลับมาดูอาการถึงดูปกติขึ้นมาหน่อยครับ”

สมองของลู่เซิ่นมีอะไรแวบเข้ามาทันที เขาขมวดคิ้วพร้อมถาม“:ออกไปข้างนอก?”

พ่อบ้านพยักหน้า:“คนขับรถบอกว่า……ไปบริษัทพีอาร์สวนเหวินช่วง

ลู่เซิ่นพยักหน้า

ฉินซีน่าจะกำลังเตรียมงานนิทรรศการภาพถ่ายอยู่มั้ง

“พอรุ่งเช้าตื่นมา ก็ผิดสังเกตนิดหน่อยแล้วครับ” พ่อบ้านพูดต่อ “รุ่งเช้าเธอตื่นเช้ามาก แล้วรีบออกไปอย่างรีบร้อน ตอนกลับมาก็ดูอารมณ์ไม่ดีมากนัก ข้าวเที่ยงก็ไม่กิน ก็เดินเข้าห้องตัวเองไปเลย”

ลู่เซิ่นก็จำวันนั้นได้ ก่อนเธอออกไปข้างนอก ตัวเองยังได้คุยโทรศัพท์กับเธออยู่

ตอนนั้นตัวเองแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมเธอถึงแต่งหน้าจัดขนาดนี้แต่เช้า ตอนนี้นึกย้อนไปแล้ว

อาจเป็นไปได้ว่าเมื่อคืนก่อนพักผ่อนไม่เพียงพอ เลยต้องแต่งหน้าเพื่อปกปิดความแห้งเหี่ยวไม่สดชื่นของตัวเอง

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วมากขึ้น แต่คำพูดต่อไปของพ่อบ้านทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

“แต่คุณผู้หญิงไม่ได้กลับห้องตัวเองโดยตรง แต่ไปที่ห้องมืดครับ” เสียงของพ่อบ้านลังเลเล็กน้อย แต่ก็พูดต่อ “จากนั้น……เธอโทรมาหาผม บอกว่ามีคนเคยเข้าไปในห้องมืดครับ”

“มีคนบุกเข้ามา?” ลู่เซิ่นนั่งตัวตรงและเงยหน้าขึ้นมองเขา

พ่อบ้านหยุดนิ่งไปหลายวินาที ก็ยอมรับว่า:“ มีคนบุกรุกเข้ามารีสอร์ทชิงหยวนครับ”

ลู่เซิ่นหน้าบึ้งลงมาทันที อุณหภูมิรอบตัวราวกับว่าลดต่ำไปหลายองศา ทุกคำพูดราวกับว่าเหมือนแทรกออกมาจากซอกฟัน:“มีคนบุกรุกเข้ามาทำไมไม่มีคนมาบอกฉัน ”

พ่อบ้านอยู่กับลู่เซิ่นมานานหลายปีจนรู้นิสัยเค้าดี นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นเค้าโมโหขนาดนี้ แต่เรื่องนี้เป็นความสับเพร่าของเขาเอง เขาทำได้เพียงก้มหน้าลงและอธิบาย:“ รปภ.ได้ตรวจสอบดูแล้ว ในบ้านไม่มีของอะไรหายไป มีเพียงโน๊ตบุ๊คเครื่องเดียวของคุณหญิงที่ถูกเปิดทิ้งไว้ในห้องมืด และนอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบรีสอร์ทชิงหยวน

อย่างละเอียดไปครั้งนึงแล้ว แน่ใจแล้งว่าผู้บุกรุกออกไปแล้ว คุณผู้หญิงเน้นย้ำผมเป็นพิเศษ

ว่าที่บ้านไม่มีของอะไรสูญหาย แค่อย่าให้ผมไปรายงานให้คุณทราบ คืนวันนั้นผมรู้สึกลังเลใจที่จะบอกกับคุณ แต่ว่าคุณ……ดูเหมือนกำลังยุ่งอยู่ ไม่ได้ฟังผมพูดจบ ก็ตัดสายไป”

ลู่เซิ่นยังจะจำได้ที่ไหนว่าตัวเองไม่ให้เขารายงานเสร็จก็กดตัดสายไป นาทีนี้ก็ไม่มีอารมณ์มาถือสากับเขา

ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่พ่อบ้านพูดก่อนหน้านั้น

“แกบอกว่าที่บ้านไม่มีอะไรสูญหาย มีแค่โน๊ตบุ๊คของฉินซีที่ถูกเปิด?” เขาขมวดคิ้วแน่น ยืนยันอีกครั้งหนึ่ง

พ่อบ้านพยักหน้า:“เป็นแบบนี้จริงๆครับ จากนั้นคุณผู้หญิงเข้าไปในห้องสมุดเช็คคอมพิวเตอร์อีกครั้งด้วยตัวเอง แต่ว่าในคอมพิวเตอร์นั้นมีอะไร เธอไม่ได้บอกพวกเราครับ”

โน๊ตบุ๊ค

ลู่เซิ่นคิดทบทวนอย่างละเอียดอีกครั้ง กลับหาสาเหตุที่เกี่ยวข้องไม่ได้

เขารู้ดีกว่าใครๆว่าระดับความปลอดภัยของรีสอร์ทชิงหยวนนั้นดีมากๆ ไม่ใช่ใครง่ายๆที่จะบุกเข้ามาได้ พูดเลยว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่จะเข้ามา ต้องใช้ความพยายามและความสามารถอย่างหนักแน่นอน

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ คนที่บุกรุกเข้ามาแค่มาค้นโน๊ตบุ๊คของฉินซีงั้นหรอ?

ดูๆแล้ว กุญแจสำคัญของปัญหาอยู่ที่โน๊ตบุ๊คเครื่องนั้น

“เอาโน๊ตบุ๊คมาให้ฉันดูหน่อย”เขาออกคำสั่ง

พ่อบ้านกลับเผยสีหน้าลำบากใจ:“โน๊ตบุ๊ค……ถูกคุณผู้หญิงเอาไปแล้วครับ”

สีหน้าของลู่เซิ่นดูยิ่งแย่กว่าเดิม

ฉินซีมักจะนำของไม่สำคัญของเธอไว้ในห้องมืด เขารู้ดี

ขนาดโน๊ตบุ๊คยังไว้ในห้องมืด งั้นแสดงว่าเป็นสิ่งที่เธอไม่ค่อยใช้สักเท่าไหร่

ของแบบนี้ กลับถูกเธอเอาไปด้วย

……ดูๆแล้วคนที่บุกรุกเข้ามาต้องใส่อะไรเข้าไปในโน๊ตบุ๊คแน่ๆ ที่มันสำคัญต่อฉินซีมากๆ

มันอาจเป็นกุญแจสำคัญในการจากไปของเธอ

แต่ดันว่าโน๊ตบุ๊คกลับไม่อยู่แล้ว

ลู่เซินรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเล่นเกมส์ถอดรหัส แต่ในมือกลับไม่มีเบาะแสอะไรเลย เสมือนมี

หมอกหนาอยู่ตรงหน้า มองอะไรไม่ค่อยชัด

แต่พอนึกถึงฉินซีที่หายตัวไป เขาจึงมีเหตุผลที่จะยืนหยัดต่อไป

ถ้าเดิมทีเขาลังเลว่าฉินซีออกจากที่นี่ไปเองหรือถูกคนอื่นลักพาตัว แต่พอทราบเรื่องมีคนบุกรุก ใจก็เทไปทางที่น่าจะมีคนบีบบังคับเธอ

ลู่เซิ่นค่อยๆหลับตาลง เอ่ยปากพูด:“ยังมีเรื่องอื่นอีกมั้ย?”

พ่อบ้านคิดๆแล้ว พยักหน้าและพูดว่า:“ คุณผู้หญิงไปเช็คคอมพิวเตอร์ที่ห้องสมุด หลังจากออกมาดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก พอถึงเวลาอาหารเย็น ถามคำถามผมเยอะมาก……เกี่ยวกับคนรับใช้ในบ้าน”

ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้นมองเขา:“ คนรับใช้?”

พ่อบ้านพยักหน้าอีกครั้ง:“ใช่ครับ ถามว่าคนขับรถแต่งงานรึยัง ลูกสาวของป้าที่ทำอาหารอยู่ในห้องครัวคุ้นชินกับที่นี่มั้ย แล้วยังถามถึงเรื่องหลานสาวผมด้วยครับ ฟังดูแล้ว……เหมือนกำลังจะอำลา ดังนั้นเมื่อเธอบอกว่าเธอจะออกไปข้างนอกตอนกลางคืน ผมถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติครับ”

เมื่อสักครู่ลู่เซิ่นยังรู้สึกว่าฉินซีไม่ได้ฝ่ายที่จะไปเอง แต่พอพ่อบ้านพูดมาแบบนี้ กลับสงสัยขึ้นมาอีกครั้งนึง

ถ้าถูกลักพาตัว จะทำแบบนี้หรอ?

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท