บทที่ 1177 ทิ้งเธอไว้
หอพักเงียบสงบมาก ราวกับไม่มีคนอื่น
ฉินซีก็ยังคงปวดหัวไม่หาย เหมือนลูกโป่งที่กำลังจะระเบิด อัดอีกหน่อย ระเบิดทันทีแน่นอน
เธอรู้สึกถึงเหงื่อที่เปียกชุ่มที่หลังเสื้อของเธอ เปียกจนติดผิวตัวเอง ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัว
แม้ว่าเกือบจะทรุด ไม่มีแม้แต่แรง เธอยังพยุงตัวเองขึ้นมานั่งอยู่บนโซฟา
“คุณตื่นแล้ว”
ฉินซีรู้สึกประหลาดใจกับเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง เธอหันไปมอง ปรากฏว่ามีคนนั่งอยู่ที่ปลายเตียงเธอ
“จ้านเซิน”
ครั้งนี้เธอแค่เห็นเค้าโครง ก็รู้ได้เลย
เธอมองไปรอบๆอีกครั้ง เสื้อคลุมสีขาวหายไปแล้ว ในหอมีแค่เธอและจ้านเซินสองคนเท่านั้น
เสียงของจ้านเซินฟังแล้วสัมผัสได้ถึงความพึงพอใจบางๆ:“คุณจำได้หมดแล้ว ใช่มั้ย? ”
ฉินซีหัวเราะอย่างเย็นชา
“ใช่แล้ว ฉันจำได้หมดแล้ว”
จ้านเซินเหมือนสัมผัสไม่ถึงความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเธอยังไงอย่างงั้น เดินไปข้างหน้าฉินซี:“คุณจำได้แล้วสิว่าผมคือใคร ใช่มั้ย? ”
ในที่มืด ใบหน้าของเขาใกล้ฉินซีมาก ฉินซีสามารถมองเห็นได้ว่าดวงตาเขากำลังส่องแสง ราวกับว่าเฝ้ารอที่จะเซอร์ไพรส์อะไรอยู่
ฉินซีกลับไม่ได้จะช่วยให้เขาสมหวังถึงความปรารถนานี้เลย
“ฉันไม่เพียงแต่จำได้ว่าคุณเป็นใคร แต่ยังจำได้อีกว่า ชั้นจากที่นี่ไปเพราะอะไร” เสียงของฉินซีเย็นชาลง“จ้านเซิน คุณตกลงที่จะปล่อยฉันไปเอง และตอนนี้จะให้ฉันกลับมาด้วยวิธีนี้ คุณกล้าดียังไงกัน? ”
ความหวังที่เปล่งประกายในดวงตาจ้านเซินนั้นเหมือนถูกสาดเข้าด้วยน้ำเย็นหนึ่งถัง ดับในครั้งเดียว
เขายืนตรง ไม่ได้มองฉินซีอีกเลย แต่เดินไปที่หน้าประตู เปิดไฟในหอพัก
“ถ้าหากคุณจำอะไรได้หมด คุณก็น่าจะเข้าใจ ตอนนั้นที่ผมตกลง เป็นเพียงแผนรับมือชั่วคราวที่เหมาะสม ผมไม่ได้ตอบตกลงซะทีเดียว ไม่ใช่หรอ? ”
เขาพูดอย่างมั่นใจ ดูเหมือนตัวเองไม่รู้สึกว่ากำลังบังคับพาฉินซีกลับมา ทำให้เธอจำทุกสิ่งได้อย่างเจ็บปวดแบบนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ควรเลยสักนิด
ฉินซีมองบนอยู่ในใจ หัวเราะอย่างเย็นชา
“ในเมื่อตอนนั้นสามารถปล่อยฉันเพราะแผนชั่วคราวของคุณ แล้วตอนนี้ทำไมถึงพาฉันกลับมาอีกล่ะ?”
เธอปวดหัวจนหัวแทบแตก น้ำเสียงเริ่มโกรธเล็กน้อย
จ้านเซินกลับไม่แยแสกับความโกรธของเธอ
“ฉันไม่สามารถเฝ้าดูคุณผิดพลาดอีกต่อไป?”
“ผิด?”
ฉินซีทนไม่ไหวจึงเสียงดังขึ้น“คุณพาฉันกลับมา ถึงเรียกว่าผิด!”
เสียงของจ้านเซินยังคงสงบอย่างมาก:“ ฉินซี ตอนคุณจะไป ผมเตือนคุณแล้ว ถ้าคุณไปไกลเกินไป ผมจะพาคุณกลับไปในเส้นทางที่ถูกต้อง”
ขมับของฉินซีราวกับถูกเข็มแทงเข้าไป นึกย้อนไปอดีตที่ตัวเองเจ็บปวด เธอจึงเอากุมขมับ นวดไปแปปนึง สงบลงมา
เธอไม่มีแรงที่จะไปนึกถึงอดีตอีก และไม่มีความคิดที่จะไปเถียงกับจ้านเซิน
แต่ว่าจ้านเซินกลับไม่คิดที่จะปล่อยเธอไปเลย
ความเงียบของเธอกลับถูกจ้านเซินมองว่าเป็นการตอบตกลงโดยปริยายแล้วเสียงของเขาก็ดังขึ้น
“อนาคตคุณจะรู้เอง กลับมาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แล้วคุณจะขอบคุณผม”
ฉินซีทนไม่ไหว เงยหน้ามองเขา หัวเราะอย่างเย็นชา
จ้านเซินไม่พอใจที่เธอหัวเราะ ขมวดคิ้วและมองไปที่เธอ:“คุณหัวเราะอะไร? ”
ฉินซียังคงหัวเราะด้วยมุมปาก ส่ายหัวให้กับจ้านเซิน
“จนถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่รู้ ว่าเพราะอะไรฉันถึงจากไป”
……
แม้จะสลบไปอย่างทรมาน แต่ในตอนนี้ ความทรงจำทั้งหมดของฉินซีก็วกวนเข้ามาในสมองของเธอ
ดังนั้นเธอจึงเหมือนจิ๊กซอว์ที่ต่อเสร็จสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นจึงเข้าใจรายละเอียดดี
ความเจ็บปวดเหล่านั้น สมองส่วนที่เยียวยาตัวเองนั้นลืมป้องกันรายละเอียดทั้งหมด จึงปรากฏในสมองเธออย่างชัดเจน
แม้กระทั่งเรื่องที่เหยาหมิ่นกระโดดตึก ร่องรอยของเลือดและเป็นลมนั้น
คิดถึงตรงนี้แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะสั่นอีกครั้ง
……
ย้อนเวลากลับไปวันนั้น
ฉินซียืนอยู่ด้านหลังของเหยาหมิ่น เห็นเหยาหมิ่นกระโดดตึกต่อหน้าตาตัวเอง
ในช่วงเวลาที่มองไปที่ศพของเหยาหมิ่น ฉินซีรู้สึกว่าโลกทั้งใบของเธอนั้นถูกแยกออกจากเธอ
เหมือนเธอถูกปิดตา และยัดลงในถุงที่ปิดสนิท
ในเวลาไม่กี่นาที เธอมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้ยินเสียงอะไร แทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ
มันก็เหมือนกับ……คนกระโดดตึก ไม่ใช่เหยาหมิ่น แต่เป็นเธอเอง
เธอกระโดดลงไปพร้อมกับเหยาหมิ่น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เธอจึงค่อยๆรู้สึกตัว
กระพริบตาช้าๆ เอามือมาหยิกตัวเองอีกครั้ง
ในที่สุดเธอก็แน่ใจ
เธอไม่ได้อยู่ในฝันร้ายที่ไร้สาระ ทั้งหมดเป็น……สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ
ฉินซีขาอ่อน เธอทรุดลงกับพื้น
น้ำตาไหลนองเต็มหน้า แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรเลย
เสียงโหวกเหวกจากชั้นล่างดังขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นไม่นาน เสียงรถตำรวจดังขึ้น
มีแต่ฉินซีที่เหมือนกับไม่ได้ยินอะไรเลย เพียงแค่ยืนพิงกำแพงที่เหยาหมิ่นยืนอยู่ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะกระโดดลงมา
เพียงความคิดเดียวในสมองของเธอ
——ทำไมคนที่กระโดดลงไปไม่ใช่เธอ?
เธอสูญเสียความสามารถในการคิดทั้งหมดไปแล้ว รู้อยู่เรื่องเดียว
เหยาหมิ่นทิ้งเธอไปแล้ว
เธอได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับฉินซึ่งเทียนแล้ว ตอนนี้ในตระกูลฉินมีผู้หญิงแปลกหน้าพักอาศัยอยู่ และลูกของเธอที่มีกับฉินซึ่งเทียน
เธอไม่ใช่สำหรับที่นั่นอีกต่อไป ฉินซึ่งเทียนก็ไม่ใช่พ่อของเธออีกต่อไป
เธอมีแค่เหยาหมิ่นคนเดียว
เหยาหมิ่นก็มาทิ้งเธอไป
ตอนนี้โลกมันกว้างใหญ่ขนาดนี้ กลับเหลือเพียงเธอคนเดียวที่อ้างว้าง
สมองของฉินซีไม่อาจยัดความคิดอื่นเข้าหัวได้อีกแล้ว
เธอจับกำแพงแล้วค่อยๆพยุงตัวเองขึ้น
เธอไม่อยากอยู่บนโลกนี้อย่างอ้างว้างเดียวดาย
ในเมื่อเหยาหมิ่นจะไป งั้นเธอก็ไปได้
เธอจะจากไปพร้อมเหยาหมิ่น
เพียงแต่ตอนนี้มือเท้าเธอนั้นแทบไม่มีแรง ดังนั้นแค่จะยืนขึ้นนั้น ก็ใช้เวลานานพอควร
สุดท้ายก็ยืนตัวตรง แต่เธอไม่มีแรงพอที่จะปีนขึ้นไปบนระเบียงสูงที่เหยาหมิ่นยืนอยู่ก่อนจะกระโดดลงไป
น้ำตาบนใบหน้าของฉินซีไหลอย่างต่อเนื่องไม่หยุด การกระทำก็ดูเหมือนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
ทำไม!แม้แต่กระโดดตึก เธอก็ไม่คู่ควรงั้นหรอ?
เธอกระวนกระวายอยู่ขอบแท่นกระเบื้องนั้น ในที่สุดตอนที่เธอยืนขึ้นนั้น ประตูดาดฟ้าก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
คนในเครื่องแบบตำรวจหลายนายเปิดประตูและบุกเข้าไป
เห็นการกระทำของเธอแล้ว คนที่วิ่งไปด้านหน้าสุดนั้นมีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว
“คุณจะทำอะไร!”
ระหว่างที่เขาพูด ก็พุ่งเข้าหาฉินซีในเวลาเดียวกัน
มือเท้าของฉินซีไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว และอีกฝ่ายได้รับการฝึกอบรมวิชาชีพ แน่นอนว่าเคลื่อนไหวได้เร็วกว่ามาก ดังนั้นฉินซีไม่สามารถหลบได้ ถูกเขาลากออกจากระเบียงสูง
ฉินซีพูดพึมพำหนึ่งประโยค:“ตายไปแล้วหนึ่งคน และเกือบจะมีอีกหนึ่งคนแล้ว”