Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1179

ตอนที่ 1179

บทที่ 1179 รับไม่ได้

แต่เดิมผู้หญิงคนนั้นหันหลังให้กับทุกคน ก็เลยยิ่งไม่ได้ระวังอะไรเลย เธอเอามือคาดเอวและกำลังเพลิดเพลินกับสายตาของผู้คน จู่ๆเธอก็รู้สึกถึงเส้นผมตรงหลังหัวตัวเองถูกกระชากแรงๆ

เธอเซไปข้างหลัง เกือบจะล้ม

“ใครน่ะ! ทำอะไร!” เธอกรีดร้อง

แต่ฉินซีกลับไม่ให้โอกาสในการพูดแก่เธอ เพียงแค่หน้าบึ้ง มือนึงดึงเส้นผมเธอไว้ อีกมือนึงยกขึ้น แล้วตบหน้าเธออย่างแรง

ถึงแม้ฉินซีจะดูผอมและอ่อนแอ แต่เธอไม่ใช่สาวน้อยธรรมดาเลยนะ ฝึกฝนในองค์กรตั้งหลายปี ไม่ได้เล่นๆนะ

เพราะอย่างนั้นเธอตบลงไปแบบไม่ออมแรงเลยแม้แต่นิดเดียว หน้าของผู้หญิงคนนั้นได้เอียงไปข้างๆทันที แล้วได้กรีดร้องออกมา:“ใครน่ะ! ทำอะไร! ปล่อยฉัน!”

แต่ฉินซีเหมือนจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เธอจ้องมองผู้หญิงคนนั้น ในสายตาเต็มไปด้วยความแค้น

หรือกระทั่งจิตสังหาร

ผู้หญิงคนนั้นหันหน้ากลับมา แล้วได้เห็นสายตาของฉินซีพอดี สายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของฉินซีทำให้เธอกลัว และกรีดร้องขึ้นมาทันที:“จะฆ่าคนแล้ว! ช่วยด้วยค่ะ!”

พอเธอกรีดร้องแล้ว ตำรวจที่ยังไม่รู้ตัวในเมื่อกี๊ได้สติกลับมาทันที แถมยังเป็นตำรวจที่หนุ่มสุดคนนั้นรู้ตัวเป็นคนแรก และได้รีบพุ่งเข้าไปตรงหน้าฉินซี แล้วจับมือที่ยกขึ้นมาของฉินซี อีกมือนึงคล้องเอวเธอ ดึงตัวเธอไปข้างหลัง

ถ้าหากฉินซีในสภาพปกติ ถูกเขาดึงแบบนี้เธออาจจะไม่สะเทือนเลย แต่เวลานี้ฉินซีได้ผ่านเรื่องความรักที่พลิกผันมามากมาย ร่างกายก็เลยยังอ่อนแอมากๆ พอถูกเขาดึงแบบนี้ ก็ได้ล้มไปข้างหลัง

ผู้หญิงคนนั้นเห็นฉินซีถูกตำรวจจับตัวไว้แล้ว ก็เลยยิ่งกรีดร้องเสียงดัง:“สวรรค์เอ๊ย! ทำร้ายร่างกายต่อหน้าตำรวจเลยหรือ!”

เวลานี้ตำรวจหญิงคนนั้นก็ได้เดินมาตรงหน้า

แต่เธอไม่มีความคิดที่จะช่วยผู้หญิงคนนั้น แค่รับตัวฉินซีจากมือตำรวจชาย แล้วมองผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา

“หุบปากของคุณให้ดีเถอะ”

พูดจบคำนี้แล้ว เธอก็ได้พาตัวฉินซีจากไป

และพวกตำรวจก็ได้จากไปตามๆกัน

ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนพื้น แล้วทำท่าทีทุบที่หน้าอกตัวเอง :“แม้แต่ทำร้ายร่างกายตำรวจก็ไม่สนใจแล้วหรือ! ในโลกนี้ยังมีความถูกต้องอยู่หรือเปล่า!”

แต่ กลับไม่มีคนสนใจและเห็นด้วยกับเธอ

เพราะคนที่สามารถพูดคำที่ทำร้ายจิตใจแบบนั้นกับผู้ตาย ก็ยากที่จะได้ความสงสารจากคนอื่น

……….

และฝั่งฉินซี หลังจากถูกพาตัวออกห่างจากผู้หญิงคนนั้นแล้ว เธอได้กลับไปมีสภาพที่เหม่อลอยเหมือนเดิม

“คุณยังโอเคมั้ย?” ตำรวจหญิงก้มหน้าถามเธอ

ผ่านไปหลายวิ ฉินซีถึงได้ส่ายหน้าเบาๆ

ตำรวจหญิงคนนั้นอายุพอๆกับ เหยาหมิ่นแล้ว มองดูฉินซีก็มีความเป็นแม่ที่มองดูลูกของตัวเอง ในแววตาเป็นไปด้วยความสงสาร ตบที่ไหล่เธอเบาๆถือว่าเป็นการปลอบใจ ทั้งสองคนได้ขึ้นรถตำรวจ แล้วเดินทางไปในทางสถานีตำรวจ

“นี่ใช่มือถือของคุณมั้ย?” ตำรวจคนนึงที่นั่งอยู่ข้างหน้าหันหน้ากลับมา แล้วยกมือถือขึ้นมาต่อหน้าฉินซี ฉินซีจ้องมองมือถือไปหลายวิ ถึงได้พยักหน้าเบาๆ

ตำก็ไม่ได้ถือสาความเชื่องช้าของเธอ เห็นเธอพยักหน้า แล้วได้เปิดปากพูด:“คุณปลดล็อคมือถือหน่อยครับ พวกเราจะตรวจสอบดูว่ามีเบาะแสอะไรรึเปล่าครับ”

แน่นอนมือถือนี้พวกเขาเก็บได้ตรงบันไดที่ขึ้นดาดฟ้า แต่เดิมคิดว่าเป็นสิ่งของอะไร เหยาหมิ่น คิดไม่ถึงว่าจะเป็นมือถือของฉินซี

แต่ว่าเดิมทีพวกเขาก็จะตรวจสอบฉินซีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมือถือนี้ก็กลายเป็นหลักฐานที่จำเป็นต้องตรวจสอบด้วย

ฉินซีก็ไม่ได้ไม่เห็นด้วยอะไร แล้วยื่นนิ้วออกไปอย่างสงบ และปลดล็อคมือถือ

ตำรวจก้มหน้าเปิดดูประวัติการโทรของฉินซี ทันใดนั้นมือถือของเธอได้ดังขึ้น

“คนที่โทรเข้าคือ……. อานหยัน” ตำรวจที่ถือมือถือไว้ได้หันหน้ากลับมามองฉินซีอีกครั้ง “คุณจะรับสายมั้ยครับ?”

ฉินซีลังเลไปครู่นึง ถึงได้พยักหน้าเบาๆ

ตำรวจก็เลยกดรับสายและเปิดลำโพงไว้

มือถือยังคืนให้แก่ฉินซีไม่ได้ในเวลานี้ ก็เลยต้องรับสายด้วยวิธีนี้

พอรับสายแล้ว เสียงของอานหยันได้ดังขึ้นจากมือถือ:“ฉินซี? เธอไปไหนแล้ว? ทำไมยังมาไม่ถึงสนามบินอีก คนของนิตยสารรอเธอตั้งนานแล้วยังไม่เห็นเธอมาเสียที ตอนนี้พวกเขากำลังเร่งแล้ว? เธอหลับเลยเวลาหรือ?”

คำถามของเธอเหมือนกระสุนปืนยิงออกมารัวๆ จนไม่รู้ควรจะตอบคำถามไหนก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉินซีที่เชื่องช้าในเวลานี้

เธอเปิดปากด้วยความลังเล ผ่านไปตั้งนานถึงได้คำที่ไร้ความหมายออกมา:“อืม……”

ตำรวจหญิงที่อยู่ข้างกายเธอทนดูไม่ไหวแล้ว จึงช่วยเธอตอบกลับไปว่า:“คุณเป็นเพื่อนของเธอใช่มั้ยคะ? ถ้าสะดวกก็มาที่สถานีตำรวจหน่อยค่ะ มีเรื่องบางอย่างต้องถามคุณให้แน่ใจหน่อยค่ะ”

เสียงของ อานหยันตึงเครียดขึ้นมาทันที:“สถานีตำรวจ? เธอเป็นอะไรคะ? เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”

ตำรวจหญิงกลับไม่ได้ตอบเธอโดยตรง เพียงแค่บอกที่อยู่ของสถานีตำรวจแก่เธอ แล้วพูดว่า:“ฟังจากคำพูดคุณแล้ว เธอยังมีงานต้องทำใช่มั้ยคะ? คุณช่วยลางานแทนเธอหน่อยสิ เวลานี้เธอคงไปไม่ได้แล้วค่ะ”

พอเธอพูดแบบนี้แล้ว อานหยันฟังแล้วยิ่งรู้สึกตื่นกลัว แต่เธอก็รู้ว่าตัวเองคงไม่สามารถหาคำตอบอะไรจากตำรวจได้หรอก ก็เลยรีบตอบตกลง แล้ววางสายโทรศัพท์

จบการสนทนาแล้ว ตำรวจหญิงหันไปมองฉินซี เธอก็ยังมีสีหน้าที่เฉื่อยชาเหมือนเดิม เหมือนกับว่าไม่เคยมีสายโทรเข้าเลยอย่างนั้น

ตำรวจหญิงถอนหายใจเบาๆ

เธอเคยเห็นคนเยอะแยะที่ได้เจอเรื่องเสียใจมากมายแล้วรับไม่ไหว ก็จะมีสภาพแบบเดียวกันกับฉินซีนี่แหละ

หลังจากนั้น คนเหล่านั้น บางคนคิดไม่ตก แล้วฆ่าตัวตายไป บางคนมุดเข้าไปในซอยตัน แล้วกลายเป็นโรคประสาท แน่นอนก็มีบางคนที่ผ่านมันไปได้

เธอหวังว่าฉินซีจะเป็นคนแบบสุดท้าย แต่กลับเป็นห่วงว่าเธอจะกลายเป็นสองแบบแรก

เพราะดูๆแล้วฉินซี ไม่ปกติจริงๆ

ผ่านไปครู่นึง รถตำรวจก็ได้มาถึงที่สถานีตำรวจแล้ว

ฉินซีลงรถตามตำรวจ เดินเลี้ยวเข้าไปจนถึงที่ให้ปากคำ

ตำรวจหญิงคนนั้นดูแล้วน่าจะมีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดา เธอให้ตำรวจหนุ่มคนนั้นอยู่เป็นเพื่อนเธอ ในตอนที่เธอให้ปากคำ คนอื่นออกไปหมดแล้ว

ฉินซีนั่งอยู่อีกฝั่งนึงของโต๊ะ ใต้แสงไฟสว่างเธอเงยหน้ามองไปที่ตำรวจหญิง ในแววตาเป็นไปด้วยความสับสน

ตำรวจหญิงถอนหายใจ แล้วหยิบปากกากับสมุดขึ้นมา และพูดว่า:“ชื่อและนามสกุล?”

“ฉินซี”

“เพศ?”

“หญิง”

“อายุ?”

“ยี่สิบเอ็ด”

ตำรวจหญิงกำลังจะถามคำถามอีก ก็มีคนมาเคาะประตู

“กล้องวงจรปิดเอามาแล้วครับ” ตำรวจที่เคาะประตูมองมาที่ตำรวจหญิงแล้วพูดว่า:“คุณจะเปิดดูก่อนมั้ยครับ?”

ตำรวจหญิงกวาดมือ:“เอาเข้ามาสิ”

แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่คิดจะหยุดสอบปากคำ ต่อจากนั้นเธอได้ถามคำถามอีกหลายคำถาม

ฉินซีก็ยังตอบคำถามอย่างเชื่องช้า ไม่ว่าจะเป็นคำถามอะไร เธอก็ต้องคิดอยู่หลายวิถึงจะเข้าใจความหมายของคนอื่น

ยิ่งเป็นคำถามว่า “เกิดอะไรขึ้น” คำถามนี้ เธอใช้เวลานานมาก ถึงได้ตอบออกมา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท