Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1180

ตอนที่ 1180

บทที่ 1180 โลกทั้งใบของฉินซี

“แม่ฉันโทรหาฉัน…….” เสียงของฉินซีเบามาก ถ้าหากไม่ตั้งใจฟังดีๆ แทบจะฟังไม่ชัดในสิ่งที่เธอพูด “เธอได้บอกเรื่องเยอะแยะกับฉัน ให้ฉันใช้ชีวิตดีๆ ฉันรู้สึกแปลกๆ ก็เลยรีบวิ่งไปที่ดาดฟ้า แต่สุดท้ายฉันเพิ่งวิ่งไปถึง เธอก็…..เธอก็……”

ฉินซีพูดละล่ำละลักว่า แต่สุดท้ายก็พูดคำว่าโดดตึกออกมาไม่ได้

ตำรวจชายคนนั้นเปิดปากพูดว่า:“กระโดดลงไปต่อหน้าคุณเลย ใช่มั้ยครับ?”

ฉินซีหยุดนิ่งไปครู่นึง ถึงได้พยักหน้าเบาๆ

ตำรวจที่ได้ดูคลิปในกล้องวงจรปิดแล้วหลังจากที่เอากล้องวงจรปิดเข้ามาก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย เขายืนอยู่ด้านหลังโต๊ะ กอดแขนไว้และฟังฉินซีเล่าความไปมาของเรื่องทั้งหมด หลังจากนั้นได้พยักหน้ากับตำรวจหญิงเบาๆ

ตำรวจหญิงก็รู้แล้วว่า นี่ก็แสดงว่าฉินซีไม่ได้พูดโกหก สิ่งที่เธอพูดทั้งหมดก็ตรงกับในคลิปทั้งหมด

เพราะฉะนั้นเธอก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมฉินซีถึงได้มีสภาพแบบนี้

แม่แท้ๆโดดตึกต่อหน้าตัวเอง…….

ยังสามารถยืนและพูดได้ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย

การให้ปากคำได้เสียเวลาไปพักนึง ในที่สุดก็เสร็จสิ้นเสียที

ตำรวจหญิงลุกขึ้น แล้วเข้าไปใกล้ๆฉินซี:“.เราตรวจสอบแล้ว สาเหตุการเสียชีวิตของแม่คุณ…..

เกิดจากได้รับแรงกระแทก โดยหลักการแล้วก็คือ……ตอนโดดลงไปก็เสียชีวิตทันทีแล้ว ไม่ได้ทรมานอะไร เพื่อนของคุณมาแล้ว ฉันส่งคุณออกไปเถอะ”

ฉินซียังมีสีหน้าเรียบเฉย พยักหน้าเบาๆ แล้วยืนขึ้นเหมือนหุ่นเชิด เดินตามตำรวจมาถึงที่ห้องโถง

อานหยันมาถึงแล้ว และก็ได้ยินจากตำรวจเล่าเรื่องความเป็นมาทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ตาเธอแดงๆ น่าจะร้องไห้มาแล้ว

มองดูฉินซีเดินออกมาอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตาเธอยิ่งแดงขึ้นมาทันที

ตำรวจหญิงมองมาที่เธอ แล้วกำชับเรื่องที่ต้องทำหลังจากนั้น ฉินซีในสภาพแบบนี้เห็นได้ชัดว่าคงหวังจะให้เธอทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เธอก็เลยมอบหมายงานศพของ เหยาหมิ่นให้แก่ อานหยัน ยังดีที่ดูแล้ว อานหยันก็ใส่ใจเรื่องนี้มากๆ และพยักหน้ารัวๆ ยังเอาสมุดบันทึกออกมาบันทึกเรื่องที่ตำรวจกำชับให้

ตำรวจหญิงพูดจบทุกอย่าง แล้วได้สัมผัสที่ไหล่เธอเบาๆ และพูดว่า:“ดูแลเธอดีๆนะ”

อานหยันพยักหน้า

ตำรวจหญิงถึงได้หันหลังจากไป

ในห้องโถงคนไม่เยอะ ในหัวมุมนี้มีแต่ฉินซีกับ อานหยันสองคน

อานหยันเก็บมือถือเข้าไปในกระเป๋า แล้วเงยหน้ามองฉินซีไปหลายวิ ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

เธอยื่นแขนออกมากอดฉินซีไว้ในอ้อมกอด แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า:“ยังมีฉันอยู่นะ ยังมีฉันอยู่…….”

แต่ฉินซีกลับเหมือนกิ่งไม้

ไม่พูดไม่จา ไม่มีสีหน้าใดๆ และก็ไม่ร้องไห้เลย

………..

ศพของเหยาหมิ่น อานหยันยังเป็นคนที่มาช่วยรับกลับไป

หลังจากตำรวจได้ตรวจสอบแล้ว ศพก็สามารถนำเอาไปทำพิธีเผาศพได้แล้ว อานหยันได้ติดต่อกับที่จัดงานศพแล้ว ให้ฝั่งนู้นนำศพของ เหยาหมิ่นไป หลังจากนั้นก็ได้พาฉินซีไปด้วย

การตายของเหยาหมิ่นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป แทบจะไม่ได้มีการเตรียมการอะไรเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องยุ่งๆอย่างสุสานเลย พวกเขาทำได้เผาศพของเหยาหมิ่นก่อน รอให้หาสถานที่ตั้งสุสานที่เหมาะสมแล้ว ค่อยฝังเธอลงไป

ก่อนพิธีเผาศพ ช่างแต่งหน้าศพได้เช็ดหน้าของเหยาหมิ่นให้สะอาด แล้วใช่เครื่องสำอางปกปิดแผลบนหน้าผากเธอ แล้วแต่งหน้าบางๆ

นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ฉินซีได้เห็นหน้าของ เหยาหมิ่น

ดูแล้วเหยาหมิ่นเงียบสงบมาก เหมือนกับว่าแค่นอนหลับไปเท่านั้น ในมุมปากยังมีรอยยิ้มอ่อนๆ เหมือนกับว่าได้ฝันหวานอะไรสักอย่าง

ดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่า เมื่อกี๊เธอเพิ่งใช้วิธีที่น่าสลดใจแบบนั้นไปจากโลกนี้

ถึงเวลาเผาศพแล้ว

ศพของเหยาหมิ่นได้ค่อยๆถูกดันเข้าไปในเตาเผา

ฉินซีเหมือนด้วยจิตลึกๆของตัวเอง ทำให้ตัวเธอเดินตามไปข้างหน้าสองก้าว

ยังดีที่มี อานหยันอยู่ด้วย เลยได้ดึงตัวเธอไว้

ไม่อย่างงั้นเธอคงจะตามเหยาหมิ่นเข้าไปในเตาเผาศพที่มีอุณหภูมิสูงถึงหลายพันองศาพร้อมกันแล้ว จนกลายเป็นเถ้าธุรีแล้วหายไปจากโลกนี้

ฉินซีไม่รู้ตัวว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว

อาจจะหลายวิ อาจจะหลายนาที และเธออาจจะยืนอยู่ที่นี่ด้วยเวลาทั้งหมดของชีวิตเธอที่เหลืออยู่

เธอไม่ได้คิดอะไรเลย ตาจ้องไปที่เตาเผาศพ

เหยาหมิ่นอยู่ข้างในนั้น จะเจ็บปวดมากมั้ย?

เธอกลายเป็นเถ้าธุรีแล้วหายไปจากโลกนี้แล้วจริงๆหรือ?

ตอนที่พนักงานเตือนเธอว่าไปได้แล้ว เธอรู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่กับที่เป็นเวลานานแล้ว และก็รู้สึกเมื่อยตาแล้ว

อานหยันดึงเสื้อเธอเบาๆ

ฉินซีหันหน้ามา ถึงได้รู้ตัวว่าในมือของพนักงานได้ถือโกศเก็บอัฐิอันใหม่ไว้

“เสียใจด้วยครับ” พนักงานเปิดปากพูดตามพิธี แล้วยื่นโกศเก็บอัฐิให้ฉินซี หลังจากนั้นก็ได้หันหน้าไปอีกด้านนึง แล้วพูดว่า :“คนต่อไปเข้ามาได้แล้วครับ!”

สามีภรรยาแก่ๆคู่นึงที่พยุงตัวกันเดินเข้ามา ทั้งสองผมหงอกไปทั้งหัว

ไม่รู้คนที่เสียไปเป็นเพื่อนของพวกเขาหรือว่าเป็นลูกหลานของพวกเขา ถึงได้ทำให้พวกเขาอายุปูนนี้แล้วยังน้ำตาไหลไม่หยุดอีก

บนโลกนี้มีชีวิตใหม่กำเนิดอยู่ตลอดเวลา และก็มีชีวิตที่นับไม่ถ้วนได้จากไปจากโลกนี้เช่นกัน

เหยาหมิ่นก็เป็นแค่เศษเสี้ยวเดียวในบางช่วงของเวลาเท่านั้น

แต่เธอกลับเป็นโลกทั้งโลกของฉินซี

ฉินซีถืออัฐิไว้ แล้วเดินตามหลัง อานหยันออกไปจากสถานที่เผาศพ

อานหยันได้สำรวจเธออยู่ตลอดทาง

เธอได้ยินจากตำรวจแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขาแล้ว ฉินซีอาจจะโดดลงไปพร้อมกับเหยาหมิ่นแล้ว

เธอเป็นห่วงว่าฉินซีจะทำเรื่องโง่ๆอะไรอีก

แต่การตอบสนองของฉินซีเงียบสงบกว่าที่เธอคิดเอาไว้

เธอถือโกศอัฐิไว้ แค่มองดูอย่างเงียบสงบ แม้แต่น้ำตาก็ไม่ไหล

จนทั้งสองคนเดินมาถึงข้างรถของ อานหยัน ฉินซีถึงได้เปิดปากพูดอย่างกะทันหัน

“อานหยัน” เสียงของเธอแหบ ถึงแม้จะเรียกชื่อของ อานหยัน แต่สายตายังมองอยู่ที่โกศเก็บอัฐิ

อานหยันรีบหันไปมองเธอ:“เป็นอะไรหรือ?”

“ฉันไม่มีแม่แล้ว”

ตอนที่ฉินซีพูดคำๆนี้ น้ำเสียงเรียบเฉยไร้อารมณ์ เหมือนกับว่าเธอกำลังเล่าเรื่องของคนอื่น และตัวเธอเองเป็นแค่คนนอกที่มองอยู่ข้างๆ

แต่ อานหยันกลับรู้สึกว่าความโศกเศร้าได้กลืนกินใจเธอ

การที่ฉินซีเงียบสงบแบบนี้ เจ็บยิ่งกว่าความเจ็บปวดอื่นๆ

เธออยากจะให้ฉินซีร้องไห้ออกมา และระบายความเจ็บปวดในใจออกมาให้หมด

แต่เธอรู้ว่า ฉินซีไม่สามารถร้องไห้ออกมาอีกแล้ว

ฉินซีเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน

เธอเจ็บมาก เจ็บไปหมด

คางที่หนังถลอก ฝ่ามือที่ตบผู้หญิงจนบวม ทุกซอกกระดูก หน้าผาก สมองและหัวใจ ล้วนเจ็บไปหมด

มีเพียงน้ำตาเท่านั้น ไม่ไหลสักหยด

การจากไปของเหยาหมิ่น ได้เอาความสุขทุกอย่างของเธอไปแล้ว แต่ก็เอาความเศร้าของเธอไปด้วย

ฉินซีในตอนนี้มีแต่ใจที่ว่างเปล่า และทั้งคนก็ว่างเปล่าไปด้วย

ถ้าจะพูดว่าการจากไปของฟางฟางได้ฉีกวิญญาณของเธอเป็นชิ้นๆ แล้วเอาวิญญาณส่วนนึงของเธอไป ถ้างั้นการจากไปของเหยาหมิ่นได้เอาวิญญาณทั้งหมดของเธอไปแล้ว

ฉินซีที่อยู่ตรงนี้ในเวลานี้เป็นแค่ศพไร้วิญญาณที่เดินได้เท่านั้น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท