Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1183

ตอนที่ 1183

บทที่ 1183 การเผชิญหน้ากับความจริงนั้นเจ็บปวดเกินไปแล้ว

จ้านเซินพยักหน้า ชายสวมชุดกาวน์ไม่ได้เดินเข้าไปด้านในด้วย แต่ถอยออกไปจากห้องพักผู้ป่วยอย่างรู้ความ ดังนั้น ภายในห้องจึงเหลือฉินซีและจ้านเซิน เพียงแค่สองคน

จ้านเซินค่อยๆเดินไปยังข้างเตียงฉินซี ยืนมองเธอนิ่งอยู่ข้างเธอ พร้อมกับเอ่ยเสียงทุ้มว่า “ทำไมคุณถึงได้ทรมานตัวเองจนมีสภาพแบบนี้กัน”

ฉินซีเขยิบถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว คล้ายกับว่าปฏิเสธการเข้าใกล้ของเขา

คิ้วจ้านเซินขมวดเป็นปม

“คุณหลบอะไร” จ้านเซินยื่นมือข้างหนึ่งไปกดไหล่ฉินซีเอาไว้ “ไม่รู้จักผมแล้วหรือ”

ฉินซีถูกเขาควบคุมความเคลื่อนไหวเอาไว้ แต่สายตาที่มองไปทางเขา กลับเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

“ฟางฟาง……..” ฉินซีเอ่ยปากพึมพำชื่อคนคนหนึ่งออกมา ทั้งสองคนก็ชะงักค้างไปครู่หนึ่ง

สีหน้าของจ้านเซินแข็งค้าง แรงจากมือที่กดอยู่บนไหล่ของฉินซีก็คลายลง

ฉินซีอาศัยโอกาสนี้ถอยหลบหลังไป

เมื่อมือจ้านเซินว่างเปล่า จึงหันกลับไปมองฉินซีด้วยสีหน้าที่แข็งค้างขึ้นเรื่อยๆ “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าอะไรคุณก็ล้วนจำได้ชัดเจนใช่ไหม ไม่ใช่ว่าถูกกระทบกระเทือนรุนแรงจนสูญเสียความทรงจำ คุณก็แค่ไม่ยินยอมที่จะเผชิญหน้ากับความจริงเท่านั้นเอง ถึงได้แกล้งจินตนาการภาพหลอนออกมา”

ฉินซีกลับไม่ตอบอะไร เพียงแต่มองเขาอย่างระแวดระวังต่อไป

“ฉินซี” จ้านเซินมองนาฬิกาข้อมือ คาดว่าอีกครู่หนึ่ง อานหยันก็จะกลับมาแล้ว ดังนั้นจึงยืดตัวตรงขึ้น เอ่ยเสียงเย็นชา “พวกเราจะรักษาคุณให้หาย รอจนคุณมีสติขึ้นมาแล้ว ก็จะรู้ว่าตัวเองน่าหัวเราะมากแค่ไหน”

เขาเอ่ยจบแล้วก็ตั้งใจจะหมุนตัวจากไป

ตอนที่เขาเดินไปถึงข้างประตู ฉินซีที่ปิดปากไม่พูดอะไร ก็เอ่ยขึ้นมากะทันหันว่า “การโศกเศร้าเพื่อญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปนั้น ไม่มีอะไรน่าหัวเราะแม้แต่นิดเดียว”

เธอพูดเน้นย้ำทีละคำ ดูไม่เหมือนกับว่าได้รับความทุกข์ทรมานจากอาการป่วยทางจิตเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีสติเต็มเปี่ยม “คนที่ใช้การตายของญาติพี่น้องมาเป็นเครื่องมือ เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจต่างหากที่น่าหัวเราะจริงๆ”

“คุณ!” จ้านเซินคาดไม่ถึงว่าฉินซีจะกล้าพูดคำพูดประเภทนี้ออกมา จึงหันหน้ากลับมาขมึงตาใส่เธออย่างดุร้าย

ฉินซีกลับไร้ซึ่งความหวาดกลัว เงยหน้าสบตาเขา

โทรศัพท์มือถือของจ้านเซินดังขึ้น นี่คือสัญญาณที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขารายงานว่า อานหยันมาถึงลานจอดรถของโรงพยาบาลแล้ว

เขาไม่ได้อยู่ที่นี่นาน เพียงแต่แค่นเสียงเย็นเสียงหนึ่ง เอ่ยเสียงทุ้มว่า “รอจนคุณมีสติขึ้นมา คุณก็จะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังพูดอะไร คุณวางใจเถอะ พวกเราจะต้องใช้ทุกวิธีมารักษาคุณให้หาย”

เขาเอ่ยจบแล้วก็ผลักประตู เดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป

ทิ้งฉินซีที่นั่งตัวแข็งทื่อ มองประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก และปิดลงเอาไว้คนเดียว

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

ผู้ที่เข้ามาในคราวนี้คืออานหยัน

เธอลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กใบหนึ่ง ด้านในมีของใช้ในชีวิตประจำวัน และเสื้อผ้าที่ฉินซีจำเป็นต้องใช้

เมื่อเธอเดินเข้ามาก็เห็นสายตาตะลึงค้างของฉินซี

“เป็นอะไรไปหรือ” เธอเดินเข้ามาด้านใน พลางเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

ฉินซีกระพริบตาปริบๆ ส่ายหน้าเบาๆ เอ่ยตอบว่า “ไม่มีอะไร”

อานหยันยุ่งกับการจัดการสิ่งของให้เรียบร้อย จึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่ออีก

สายตาของฉินซีมองตามอานหยันไป

ที่จริงแล้วในใจของเธอรู้ดีมากว่า เหยาหมิ่นจากไปแล้วจริงๆ ไม่มีอะไรที่สามารถดึงรั้งเธอเอาไว้ได้

คนที่มีชีวิตอยู่นั้นกลายเป็นเถ้ากระดูก ถูกวางอยู่ในกล่องบรรจุเถ้ากระดูกที่วางอยู่ภายในบ้านอานหยันไปแล้ว

แต่ว่าสมองของเธอกลับไม่ยอมรับข่าวสารนี้ จึงจินตนาการว่ามีวิญญาณดวงหนึ่งอยู่ข้างกายตัวเอง

ดังนั้นตัวฉินซีเองก็แหลกสลาย

ครึ่งหนึ่งก็รู้ว่าตัวเองไม่ปกติ แต่อีกครึ่งหนึ่งกลับไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดปกติ

การเผชิญหน้ากับความจริงนั้นเจ็บปวดเกินไปแล้ว ดังนั้นก็ให้เธอหนีสักหน่อยเถอะ

สำหรับจ้านเซิน……

รอจนอานหยันเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากวางของเสร็จแล้ว ฉินซีก็เอ่ยขึ้นอย่างกะทันหันว่า “อานหยัน ฉันคิดว่าคุณหมอคนนี้ไม่ดี พวกเราเปลี่ยนเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งดีไหม”

อานหยันเบิกตาขึ้นเล็กน้อย “คุณหมอไม่ดีหรือ”

ฉินซีไม่สามารถบอกเรื่องที่คุณหมอคนนี้เป็นคนในองค์กรให้เธอรู้ได้ เพียงแต่พยักหน้าอย่างเงียบๆ “ฉันคิดว่าไม่ดี……..”

อานหยันเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอแล้ว ก็นึกว่าเธอไม่โอเคกับการรักษา จึงนั่งอยู่ข้างกายเธอ เอ่ยอย่างอดทนว่า “ไม่เป็นไรนะ เธอจะต้องดีขึ้นในไม่ช้า”

ฉินซีมองสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของเธอแล้ว ก็หลุบตาลงช้าๆ

เธอรบกวนอานหยันมากแล้ว

เริ่มจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ คนที่ไปสถานีตำรวจก็คือเธอ ช่วยตัวเองเผาเหยาหมิ่นก็คือเธอ ตอนนี้คนที่เหน็ดเหนื่อยกับการพาตัวเองมาที่โรงพยาบาลก็เป็นเธอเช่นกัน

ตอนนี้ตัวเองเอ่ยออกมาว่าต้องการย้ายโรงพยาบาล…..คาดว่าจะเป็นคำขอร้องที่เอาแต่ใจ ภายในสายตาของเธอ

ที่จริงแล้วตอนที่จ้านเซินเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ฉินซีก็เข้าใจทุกอย่างหมดแล้ว

เดิมเธอนึกว่า หลังจากที่ฟางฟางเสียชีวิตไปแล้ว มากน้อยอย่างไร จ้านเซินก็ต้องมีความเปลี่ยนแปลงบ้าง

วันนั้นตัวเองระเบิดออกมาอย่างเห็นได้ชัด เดิมฉินซีนึกว่าจ้านเซินจะปล่อยตัวเองไปหลายวัน ให้โอกาสตัวเองได้พักหายใจ แต่จ้านเซินใช้ความเคลื่อนไหวมาบอกเธอว่า ไม่ใช่แบบนั้น

อิทธิพลขององค์กรแทรกซึมไปยังทุกซอกทุกมุม เธอยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด การเคลื่อนไหวทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กร

……ที่จริงแล้ว ถ้าหากว่าย้ายโรงพยาบาลจริงๆ ด้วยนิสัยของจ้านเซิน ครึ่งหนึ่งจะต้องหาวิธี เพื่อให้ตัวเองตกอยู่ในขอบเขตการควบคุมดูแลใหม่อีกครั้ง

ฉินซีทอดถอนใจ พยักหน้าตาม โดยไม่คัดค้านอะไรอีก

อานหยันนึกว่าเธอถูกปลอบประโลมเรียบร้อยแล้ว จึงลุกขึ้นไปเก็บของต่อ

ฉินซีมองเงาร่างที่ยุ่งวุ่นวายของเธอ พลางหลับตาลง

…….

รอจนทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ก็เป็นเวลาช่วงเย็น

ฉินซีที่ทานอาหารจานด่วนที่อานหยันสั่งมาเสร็จแล้ว ก็เอ่ยพูดว่า “เธอกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะอยู่ที่นี่เอง”

อานหยันมองเธออย่างไม่เห็นด้วย “ตัวเองจะอยู่โรงพยาบาลคนเดียวได้อย่างไรกัน ฉันวางแผนเรียบร้อยแล้วว่าจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเธอ”

ฉินซีส่ายหน้า “ที่นี่มีสถานที่ให้เธอพักผ่อนสบายๆที่ไหนกัน ฉันก็ไม่ได้ร่างกายมีปัญหา จะมีปัญหาเรื่องดูแลตัวเองไม่ได้ที่ไหนกัน ยังสามารถเดินได้ กระโดดได้ เธอไม่ต้องดูแลฉันหรอก”

อานหยันกลับไม่ได้พยักหน้า มองหน้าฉินซีด้วยความอยากพูดแต่พูดไม่ออก

ฉินซีรู้ว่า เธอเป็นกังวลว่าตัวเองจะทำเรื่องโง่ๆ

ดังนั้นจึงยิ้มบางๆให้กับอานหยัน “เธอวางใจได้ คุณแม่ยังคงมองดูฉันอยู่ข้างๆ ฉันไม่ทำเรื่องโง่ๆหรอก”

ทั้งสองคนพูดคุยกันไปมาอีกครู่หนึ่ง อานหยันก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของฉินซีได้ จึงเอ่ยกำชับไปหลายประโยค หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้วก็จากไป

ภายในห้องพักผู้ป่วยนั้นว่างเปล่า เหลือเพียงแค่ฉินซีคนเดียว

จู่ๆเธอก็เอ่ยพูดกับอากาศว่า “ไม่ต้องแอบแล้ว ออกมาเถอะ”

รอบด้านยังคงเงียบสนิท

ฉินซีไม่ได้เปิดไฟ ภายในห้องพักผู้ป่วยมืดมิด ทำให้ดูเหมือนว่าเธอกำลังพูดอยู่กับตัวเองมากกว่าเดิม

แต่สีหน้าของเธอแน่วแน่มาก ไม่ได้รู้สึกลนลานเพราะไม่ได้รับเสียงตอบรับ

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ก็มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย ดังมาจากทิศทางของหน้าต่าง ถัดมา ไฟในห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดให้สว่างขึ้น

“คุณดีขึ้นแล้วหรือ”

คนที่พูดไม่ใช่ผู้อื่น แต่เป็นจ้านเซิน

เขายืนตัวตรง พูดจาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ คล้ายกับว่าไม่รู้สึกว่า การที่ตัวเองหลบอยู่นอกบานหน้าต่างห้องพักผู้ป่วยของฉินซี เพื่อแอบฟัง เป็นเรื่องน่าไม่อายอะไร

แต่เป็นเรื่องที่เขาสมควรทำ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท