Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1190

ตอนที่ 1190

บทที่ 1190 อยู่นอกเหนือจากความคิดของเขา

อานหยันถูกคำพูดคุณหมอทำให้มึนงงอยู่บ้าง จึงหันหน้าไปมองเขา “นี่หมายความว่า….ฉินซียังมีปัญหาอื่นที่ต้องทำการรักษาอีกหรือคะ”

คุณหมอพยักหน้า “จากอาการป่วยก่อนหน้านี้ของฉินซี การเห็นภาพหลอนเป็นอาการที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่ง วันนี้การรักษาของผม คือการช่วยเหลือเธอกำจัดสาเหตุหลักที่สุดที่ทำให้เกิดภาพหลอนออกไป เมื่อไม่มีสาเหตุนี้ อัตราที่เธอจะคิดว่ามีคนอื่นอยู่เป็นเพื่อนก็จะไม่มีแล้ว”

เพราะว่าความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับองค์กรไม่เหลือแล้ว เธอจะเอ่ยถึงฟางฟางอีกได้อย่างไรกัน

อานหยันพยักหน้า เป็นสัญญาณให้เขาเอ่ยต่อไป

“แต่เธออาจจะคิดถึงมารดาของตัวเองขึ้นมาในบางโอกาส” คุณหมอตอบ “แม้ว่าจะไม่ได้มีภาพหลอนว่าคุณแม่อยู่ข้างกายเหมือนกับเมื่อก่อน แต่ว่า……การเห็นคุณแม่กระโดดตึกลงไปต่อหน้าต่อตา ไม่ว่าจะสำหรับใคร ก็ล้วนเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เกือบจะมั่นใจได้เลยว่าจะต้องสร้างปัญหาทางจิตใจเป็นระยะเวลานานและเรื้อรัง”

อานหยันถูกน้ำเสียงที่จริงจังของเขาทำให้กลัวเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามต่อว่า “ยกตัวเช่นอะไรบ้างคะ”

“โรคซึมเศร้า” คุณหมอตอบ “นี่เป็นปัญหาที่อาจจะปรากฏขึ้นได้มากที่สุด”

อานหยันสูดลมหายใจลึก

“เดิมฉินซีก็ค่อนข้างมีความปรารถนาที่จะฆ่าตัวตายอย่างแรงกล้า ตอนนี้สิ่งที่สนับสนุนให้เธอมีชีวิตต่อไปก็คือการจัดการงานศพให้กับคุณแม่เรื่องเดียว แต่หลังจากที่จัดการงานศพเรียบร้อยแล้ว จะเป็นอย่างไร ต้องสังเกตอย่างจริงจัง” เสียงของคุณหมอจริงจังมาก “ที่สำคัญก็คือ พวกเราทำลายภาพจินตนาการที่คุณแม่อยู่ข้างกายที่เธอสร้างออกมาให้ตัวเองลง สำหรับเธอแล้วความจริงนั้นโหดร้ายมาก ดังนั้น ถ้าหากว่าเธอไม่ต้องการเผชิญหน้ากับมัน แต่เลือกหลบหนีล่ะก็……ความปรารถนาที่จะฆ่าตัวตายก็จะรุนแรงมาก”

อานหยันจับกระเป๋าของตัวเองแน่นโดยไม่รู้ตัว เอ่ยปากขอความช่วยเหลือว่า “สามารถรักษาได้ไหมคะ”

คุณหมอพยักหน้าเล็กน้อย “ยาสามารถควบคุมการลุกลามของอาการป่วยได้ เหมาะสมที่จะแทรกแซงเข้าไปในจิตใจ แต่ว่า…..บาดแผลของเรื่องนี้ร้ายแรงมาก ฉินซีจำเป็นต้องกาลเวลานานมาก ถึงจะสามารถค่อยๆฟื้นฟูได้ นี่จึงเป็นเรื่องปกติมาก”

อานหยันกลับไม่ได้ท้อแท้ เหลือบตาขึ้นมองคุณหมอ “ขอเพียงแค่ไม่ใช่รักษาไม่ได้ก็พอค่ะ! ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอจนกว่าจะรักษาหายค่ะ!”

คุณหมอกลับไม่ได้ถูกคำพูดของเธอทำให้ซึ้งใจ เพียงแค่พยักหน้านิ่งๆ “พักดูอาการที่โรงพยาบาลอีกสักสองวัน ก็สามารถไปได้แล้ว หลังจากกลับบ้าน จะต้องเก็บของมีคมทั้งหมดให้เรียบร้อย และปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยอย่างระมัดระวังด้วยนะครับ”

สีหน้าของอานหยันเต็มไปด้วยความจริงจัง พยักหน้ารับคำ “ค่ะ”

คุณหมอกำชับอีกสองสามประโยค อานหยันเอ่ยขอบคุณ และผลักประตูจากไป

รอจนเสียงฝีเท้าไกลออกไปแล้ว จ้านเซินถึงได้เดินอ้อมออกมาจากฉากกั้นห้อง

สีหน้าของเขาไม่ได้สงบนิ่งเหมือนกับคุณหมอ เกือบจะกระชากคอเสื้อของคุณหมอ เอ่ยถามว่า “ไม่ใช่บอกว่าปล่อยเธอไปจากองค์กรแล้วก็จะสามารถรักษาให้หายได้หรือ โรคซึมเศร้านี่มันอะไรกัน!”

คุณหมอถูกเขากระชากคอเสื้อ ทำให้ยืนไม่มั่นคง แต่น้ำเสียงยังถือได้ว่าสงบนิ่ง “คุณก็ได้ยินในส่วนท้ายแล้วไม่ใช่หรือครับ สิ่งที่ผมสามารถอธิบายกับคุณได้ ก็พอๆกับเธอ”

จ้านเซินค่อยๆผ่อนแรง แต่สีหน้ายังคงไม่น่าดูเป็นอย่างมาก “ทำไมวันนี้ถึงไม่รักษาพร้อมกันไปเลย”

คุณหมอส่ายหน้าช้าๆ “ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานบางอย่าง ไม่มีวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงได้ มีเพียงแค่ให้ตัวเองยอมรับมัน”

จ้านเซินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตอนบ่ายก็ยังดูปกติอยู่ไม่ใช่หรือ”

คุณหมอยิ้มเรียบๆ “นั่นก็เพราะว่าความรู้สึกยินดีที่ได้ไปจากองค์กรนั้นเต็มตื้อในสมองเธอ โบราณเรียกว่า “สร้างความยินดีเพื่อขจัดอาการป่วย” ไม่ใช่หรือ ก็แค่ความยินดีระยะสั้นๆเท่านั้น แต่การรักษาเพียงเปลือกนอก ไม่ได้รักษาที่ปลายเหตุ รอจนพรุ่งนี้เธอตื่นขึ้นมา ความรู้สึกเจ็บปวดที่สูญเสียคุณแม่ไปก็จะกลับเข้าสู่สมองของเธออีกครั้ง”

สุดท้ายแล้วจ้านเซินก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองเขานิ่งๆ

คุณหมอในชุดกาวน์สีขาวเป็นบุคคลลึกลับคนหนึ่งในองค์กร

เขามีความชำนาญในอาการป่วยแปลกๆเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยตัวยา หรือว่าการตรวจรักษาทางการแพทย์ ล้วนมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก

แต่อัจฉริยะเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง เขาไม่ได้ให้ความเคารพกับจ้านเซินมากเป็นพิเศษ เพียงเพราะว่าเขาเป็นผู้นำองค์กร สำหรับกฎระเบียบขององค์กรนั้น ล้วนไม่ปฏิบัติตามเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็สามารถทำให้คนหาหลักฐานว่าฝ่าฝืนมาไม่ได้

ถ้าหากไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของเขา….. จ้านเซินก็ไม่อยากจะเก็บคนที่เรียกได้ว่า “ตัวอันตราย” ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบแบบนี้เอาไว้ในองค์กร

จ้านเซินพยักหน้า

…….

เพราะในความทรงจำของฉินซีไม่มีจ้านเซินอยู่แล้ว อานหยันก็แทบจะดูแลฉินซีไม่ห่าง เพราะคำกำชับของคุณหมอ

ดังนั้นจนกระทั่งฉินซีออกจากโรงพยาบาล จ้านเซินก็ไม่ได้มีโอกาสเยี่ยมเธอดีๆสักครั้งหนึ่ง

คุณหมอก็ทำเหมือนกับที่ตัวเองพูด พยายามช่วยเหลือฉินซีสุดความสามารถของตัวเอง แต่อาการป่วยของฉินซีก็เหมือนกับที่เขาคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้ มีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปทางโรคซึมเศร้าไม่หยุด

เธอไม่จมอยู่ในภาพหลอน แต่กลับเงียบขรึมพูดน้อยลงกว่าเดิมเรื่อยๆ

ไม่พูดไม่จา ไม่เคลื่อนไหวใดๆ เก็บตัวอยู่ในห้องพักผู้ป่วยทั้งวัน และผอมแห้งลงช้าๆ

อาการป่วยอย่างโรคซึมเศร้านี้ พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อถึงวันที่สาม อานหยันก็พาฉินซีกลับบ้านตามคำสั่งของคุณหมอ

ตอนที่เธอออกจากโรงพยาบาล จ้านเซินก็นั่งอยู่ในรถของตัวเอง มองเธอเดินตามอานหยันไกลออกไปอย่างช้าๆ ผ่านบานกระจกรถที่กั้นเอาไว้

นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาอยู่ใกล้ฉินซีมากที่สุดในช่วงเวลานี้

เพียงแต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า ฉินซีจะหลุดพ้นจากการจับตามองขององค์กรจริงๆ

สิ่งที่ฉินซีได้ยินตอนรักษานั้นไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่า “การจากไปชั่วคราว” ของเธอเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่ไม่ยินยอมปล่อยเธอไปของจ้านเซิน

แม้ว่าในตอนที่เธอออกจากโรงพยาบาล จะจำการคงอยู่ของเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว

คำร้องขอที่จะไปจากองค์กร ก็เกิดจากความรู้สึกส่วนตัวของตัวจ้านเซินเอง การเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวหลังจากไปของฉินซี ยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดเช่นเคย

เพียงแต่เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในภายหลังนั้น ยังคงอยู่นอกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง

จ้านเซินคิดไม่ถึงว่าก่อนหน้านี้ฉินซีกับลู่เซิ่นเคยมีวาสนาได้พบหน้ากันครั้งหนึ่ง กระทั่งรู้ว่าฉินซีเคยใจเต้นกับลู่เซิ่นในช่วงสั้นๆ

แต่เมื่อคิดถึงความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับองค์กรของฉินซีที่ถูกผนึกเอาไว้แล้ว ก็มั่นใจได้ว่าจะต้องจำลู่เซิ่นไม่ได้ ถึงได้ฝืนวางใจ

ในภายหลัง เรื่องราวก็ดำเนินไปถึงจุดที่อยู่นอกเหนือจากความคิดของเขา

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าลู่เซิ่นจะยื่นข้อเสนอไร้สาระอย่างการเลี้ยงดูฉินซีแบบนี้ออกมา ยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่า เพื่อการแก้แค้นแล้ว ฉินซีกลับรับปากลู่เซิ่น

ตอนที่รู้ข่าวว่าลู่เซิ่นกับฉินซีอยู่ด้วยกันนั้น จ้านเซินก็แทบจะทนไม่ไหว บุกไปยังรีสอร์ทชิงหยวน และแย่งฉินซีกลับมาโดยไม่สนใจอะไรอีก

แต่สุดท้ายแล้วสติสัมปชัญญะของเขาก็หยุดเขาเอาไว้

ใจเย็นๆ เขาบอกกับตัวเอง

ฉินซีกับลู่เซิ่น ก็เป็นแค่การแลกเปลี่ยนด้วยเงินทองเท่านั้นเอง

เพียงแค่ฉินซีไม่ได้มีใจให้กับลู่เซิ่นจริงๆ อย่างนั้นทั้งหมดนี้ก็ไม่มีปัญหา

…….ส่วนที่ว่าทำไมฉินซีถึงไม่สามารถมีใจได้นั้น จ้านเซินก็บอกกับตัวเองว่า นั่นเป็นเพราะกฎระเบียบขององค์กร

องค์กรไม่อนุญาตให้มีความรักกับคนภายนอก แม้ว่าฉินซีจะไปจากองค์กรชั่วคราว ก็ไม่สามารถเช่นกั

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท