บทที่ 1190 อยู่นอกเหนือจากความคิดของเขา
อานหยันถูกคำพูดคุณหมอทำให้มึนงงอยู่บ้าง จึงหันหน้าไปมองเขา “นี่หมายความว่า….ฉินซียังมีปัญหาอื่นที่ต้องทำการรักษาอีกหรือคะ”
คุณหมอพยักหน้า “จากอาการป่วยก่อนหน้านี้ของฉินซี การเห็นภาพหลอนเป็นอาการที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่ง วันนี้การรักษาของผม คือการช่วยเหลือเธอกำจัดสาเหตุหลักที่สุดที่ทำให้เกิดภาพหลอนออกไป เมื่อไม่มีสาเหตุนี้ อัตราที่เธอจะคิดว่ามีคนอื่นอยู่เป็นเพื่อนก็จะไม่มีแล้ว”
เพราะว่าความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับองค์กรไม่เหลือแล้ว เธอจะเอ่ยถึงฟางฟางอีกได้อย่างไรกัน
อานหยันพยักหน้า เป็นสัญญาณให้เขาเอ่ยต่อไป
“แต่เธออาจจะคิดถึงมารดาของตัวเองขึ้นมาในบางโอกาส” คุณหมอตอบ “แม้ว่าจะไม่ได้มีภาพหลอนว่าคุณแม่อยู่ข้างกายเหมือนกับเมื่อก่อน แต่ว่า……การเห็นคุณแม่กระโดดตึกลงไปต่อหน้าต่อตา ไม่ว่าจะสำหรับใคร ก็ล้วนเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เกือบจะมั่นใจได้เลยว่าจะต้องสร้างปัญหาทางจิตใจเป็นระยะเวลานานและเรื้อรัง”
อานหยันถูกน้ำเสียงที่จริงจังของเขาทำให้กลัวเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามต่อว่า “ยกตัวเช่นอะไรบ้างคะ”
“โรคซึมเศร้า” คุณหมอตอบ “นี่เป็นปัญหาที่อาจจะปรากฏขึ้นได้มากที่สุด”
อานหยันสูดลมหายใจลึก
“เดิมฉินซีก็ค่อนข้างมีความปรารถนาที่จะฆ่าตัวตายอย่างแรงกล้า ตอนนี้สิ่งที่สนับสนุนให้เธอมีชีวิตต่อไปก็คือการจัดการงานศพให้กับคุณแม่เรื่องเดียว แต่หลังจากที่จัดการงานศพเรียบร้อยแล้ว จะเป็นอย่างไร ต้องสังเกตอย่างจริงจัง” เสียงของคุณหมอจริงจังมาก “ที่สำคัญก็คือ พวกเราทำลายภาพจินตนาการที่คุณแม่อยู่ข้างกายที่เธอสร้างออกมาให้ตัวเองลง สำหรับเธอแล้วความจริงนั้นโหดร้ายมาก ดังนั้น ถ้าหากว่าเธอไม่ต้องการเผชิญหน้ากับมัน แต่เลือกหลบหนีล่ะก็……ความปรารถนาที่จะฆ่าตัวตายก็จะรุนแรงมาก”
อานหยันจับกระเป๋าของตัวเองแน่นโดยไม่รู้ตัว เอ่ยปากขอความช่วยเหลือว่า “สามารถรักษาได้ไหมคะ”
คุณหมอพยักหน้าเล็กน้อย “ยาสามารถควบคุมการลุกลามของอาการป่วยได้ เหมาะสมที่จะแทรกแซงเข้าไปในจิตใจ แต่ว่า…..บาดแผลของเรื่องนี้ร้ายแรงมาก ฉินซีจำเป็นต้องกาลเวลานานมาก ถึงจะสามารถค่อยๆฟื้นฟูได้ นี่จึงเป็นเรื่องปกติมาก”
อานหยันกลับไม่ได้ท้อแท้ เหลือบตาขึ้นมองคุณหมอ “ขอเพียงแค่ไม่ใช่รักษาไม่ได้ก็พอค่ะ! ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอจนกว่าจะรักษาหายค่ะ!”
คุณหมอกลับไม่ได้ถูกคำพูดของเธอทำให้ซึ้งใจ เพียงแค่พยักหน้านิ่งๆ “พักดูอาการที่โรงพยาบาลอีกสักสองวัน ก็สามารถไปได้แล้ว หลังจากกลับบ้าน จะต้องเก็บของมีคมทั้งหมดให้เรียบร้อย และปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยอย่างระมัดระวังด้วยนะครับ”
สีหน้าของอานหยันเต็มไปด้วยความจริงจัง พยักหน้ารับคำ “ค่ะ”
คุณหมอกำชับอีกสองสามประโยค อานหยันเอ่ยขอบคุณ และผลักประตูจากไป
รอจนเสียงฝีเท้าไกลออกไปแล้ว จ้านเซินถึงได้เดินอ้อมออกมาจากฉากกั้นห้อง
สีหน้าของเขาไม่ได้สงบนิ่งเหมือนกับคุณหมอ เกือบจะกระชากคอเสื้อของคุณหมอ เอ่ยถามว่า “ไม่ใช่บอกว่าปล่อยเธอไปจากองค์กรแล้วก็จะสามารถรักษาให้หายได้หรือ โรคซึมเศร้านี่มันอะไรกัน!”
คุณหมอถูกเขากระชากคอเสื้อ ทำให้ยืนไม่มั่นคง แต่น้ำเสียงยังถือได้ว่าสงบนิ่ง “คุณก็ได้ยินในส่วนท้ายแล้วไม่ใช่หรือครับ สิ่งที่ผมสามารถอธิบายกับคุณได้ ก็พอๆกับเธอ”
จ้านเซินค่อยๆผ่อนแรง แต่สีหน้ายังคงไม่น่าดูเป็นอย่างมาก “ทำไมวันนี้ถึงไม่รักษาพร้อมกันไปเลย”
คุณหมอส่ายหน้าช้าๆ “ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานบางอย่าง ไม่มีวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงได้ มีเพียงแค่ให้ตัวเองยอมรับมัน”
จ้านเซินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตอนบ่ายก็ยังดูปกติอยู่ไม่ใช่หรือ”
คุณหมอยิ้มเรียบๆ “นั่นก็เพราะว่าความรู้สึกยินดีที่ได้ไปจากองค์กรนั้นเต็มตื้อในสมองเธอ โบราณเรียกว่า “สร้างความยินดีเพื่อขจัดอาการป่วย” ไม่ใช่หรือ ก็แค่ความยินดีระยะสั้นๆเท่านั้น แต่การรักษาเพียงเปลือกนอก ไม่ได้รักษาที่ปลายเหตุ รอจนพรุ่งนี้เธอตื่นขึ้นมา ความรู้สึกเจ็บปวดที่สูญเสียคุณแม่ไปก็จะกลับเข้าสู่สมองของเธออีกครั้ง”
สุดท้ายแล้วจ้านเซินก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองเขานิ่งๆ
คุณหมอในชุดกาวน์สีขาวเป็นบุคคลลึกลับคนหนึ่งในองค์กร
เขามีความชำนาญในอาการป่วยแปลกๆเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยตัวยา หรือว่าการตรวจรักษาทางการแพทย์ ล้วนมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก
แต่อัจฉริยะเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง เขาไม่ได้ให้ความเคารพกับจ้านเซินมากเป็นพิเศษ เพียงเพราะว่าเขาเป็นผู้นำองค์กร สำหรับกฎระเบียบขององค์กรนั้น ล้วนไม่ปฏิบัติตามเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็สามารถทำให้คนหาหลักฐานว่าฝ่าฝืนมาไม่ได้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของเขา….. จ้านเซินก็ไม่อยากจะเก็บคนที่เรียกได้ว่า “ตัวอันตราย” ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบแบบนี้เอาไว้ในองค์กร
จ้านเซินพยักหน้า
…….
เพราะในความทรงจำของฉินซีไม่มีจ้านเซินอยู่แล้ว อานหยันก็แทบจะดูแลฉินซีไม่ห่าง เพราะคำกำชับของคุณหมอ
ดังนั้นจนกระทั่งฉินซีออกจากโรงพยาบาล จ้านเซินก็ไม่ได้มีโอกาสเยี่ยมเธอดีๆสักครั้งหนึ่ง
คุณหมอก็ทำเหมือนกับที่ตัวเองพูด พยายามช่วยเหลือฉินซีสุดความสามารถของตัวเอง แต่อาการป่วยของฉินซีก็เหมือนกับที่เขาคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้ มีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปทางโรคซึมเศร้าไม่หยุด
เธอไม่จมอยู่ในภาพหลอน แต่กลับเงียบขรึมพูดน้อยลงกว่าเดิมเรื่อยๆ
ไม่พูดไม่จา ไม่เคลื่อนไหวใดๆ เก็บตัวอยู่ในห้องพักผู้ป่วยทั้งวัน และผอมแห้งลงช้าๆ
อาการป่วยอย่างโรคซึมเศร้านี้ พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อถึงวันที่สาม อานหยันก็พาฉินซีกลับบ้านตามคำสั่งของคุณหมอ
ตอนที่เธอออกจากโรงพยาบาล จ้านเซินก็นั่งอยู่ในรถของตัวเอง มองเธอเดินตามอานหยันไกลออกไปอย่างช้าๆ ผ่านบานกระจกรถที่กั้นเอาไว้
นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาอยู่ใกล้ฉินซีมากที่สุดในช่วงเวลานี้
เพียงแต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า ฉินซีจะหลุดพ้นจากการจับตามองขององค์กรจริงๆ
สิ่งที่ฉินซีได้ยินตอนรักษานั้นไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่า “การจากไปชั่วคราว” ของเธอเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่ไม่ยินยอมปล่อยเธอไปของจ้านเซิน
แม้ว่าในตอนที่เธอออกจากโรงพยาบาล จะจำการคงอยู่ของเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว
คำร้องขอที่จะไปจากองค์กร ก็เกิดจากความรู้สึกส่วนตัวของตัวจ้านเซินเอง การเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวหลังจากไปของฉินซี ยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดเช่นเคย
เพียงแต่เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในภายหลังนั้น ยังคงอยู่นอกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง
จ้านเซินคิดไม่ถึงว่าก่อนหน้านี้ฉินซีกับลู่เซิ่นเคยมีวาสนาได้พบหน้ากันครั้งหนึ่ง กระทั่งรู้ว่าฉินซีเคยใจเต้นกับลู่เซิ่นในช่วงสั้นๆ
แต่เมื่อคิดถึงความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับองค์กรของฉินซีที่ถูกผนึกเอาไว้แล้ว ก็มั่นใจได้ว่าจะต้องจำลู่เซิ่นไม่ได้ ถึงได้ฝืนวางใจ
ในภายหลัง เรื่องราวก็ดำเนินไปถึงจุดที่อยู่นอกเหนือจากความคิดของเขา
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าลู่เซิ่นจะยื่นข้อเสนอไร้สาระอย่างการเลี้ยงดูฉินซีแบบนี้ออกมา ยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่า เพื่อการแก้แค้นแล้ว ฉินซีกลับรับปากลู่เซิ่น
ตอนที่รู้ข่าวว่าลู่เซิ่นกับฉินซีอยู่ด้วยกันนั้น จ้านเซินก็แทบจะทนไม่ไหว บุกไปยังรีสอร์ทชิงหยวน และแย่งฉินซีกลับมาโดยไม่สนใจอะไรอีก
แต่สุดท้ายแล้วสติสัมปชัญญะของเขาก็หยุดเขาเอาไว้
ใจเย็นๆ เขาบอกกับตัวเอง
ฉินซีกับลู่เซิ่น ก็เป็นแค่การแลกเปลี่ยนด้วยเงินทองเท่านั้นเอง
เพียงแค่ฉินซีไม่ได้มีใจให้กับลู่เซิ่นจริงๆ อย่างนั้นทั้งหมดนี้ก็ไม่มีปัญหา
…….ส่วนที่ว่าทำไมฉินซีถึงไม่สามารถมีใจได้นั้น จ้านเซินก็บอกกับตัวเองว่า นั่นเป็นเพราะกฎระเบียบขององค์กร
องค์กรไม่อนุญาตให้มีความรักกับคนภายนอก แม้ว่าฉินซีจะไปจากองค์กรชั่วคราว ก็ไม่สามารถเช่นกั