Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1192

ตอนที่ 1192

บทที่ 1192 เป็นเพียงแค่ข้อตกลงอย่างหนึ่งเท่านั้น

เพียงแต่ว่า สุดท้ายแล้วสติสัมปชัญญะของจ้านเซินก็ยับยั้งการเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้

เขาอดทนข่มกลั้นอารมณ์ของตัวเอง อ่านอีเมลตั้งแต่ต้นจนจบเรียบร้อยแล้ว ใจถึงได้สงบลงบ้าง

ที่แท้การแต่งงานของฉินซี……..ก็เป็นเพียงแค่ข้อตกลงอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง

เป็นข้อตกลงในการนำมรดกที่ได้รับสืบทอดกลับคืนมา

เมื่อคิดได้แบบนี้ ความรู้สึกหุนหันพลันแล่นของจ้านเซินก็จางหายไปไม่น้อย

ที่จริงแล้วองค์กรก็ไม่ได้ปฏิเสธการแต่งงานทั้งหมด

เพราะการแต่งงานในบางครั้ง สามารถใช้เป็นเบี้ยในการต่อรองที่มีประโยชน์มากอย่างหนึ่ง

และในเวลานี้ องค์กรก็จะไม่ดึงดันที่จะปฏิเสธการแต่งงาน

สิ่งที่องค์กรต่อต้าน ก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้คนส่วนใหญ่ในใต้หล้า นั่นก็คือการแต่งงานเพราะความรัก เป็นการแต่งงานที่ไม่นำพามาซึ่งกำไรและผลประโยชน์อันใด

พูดความจริงแล้ว สิ่งที่องค์กรคัดค้าน ก็คือความรักเท่านั้น

ดังนั้นการแต่งงานในครั้งนี้ของฉินซี ไม่ได้ถูกองค์กรขัดขวาง สุดท้ายแล้วจ้านเซินก็ไม่ได้สอดมือเข้าไปยุ่ง

แต่เขาสามารถรู้สึกได้ว่า ความอดทนของตัวเองคืบคลานเข้าใกล้ขีดสุดอย่างช้าๆ

ตอนนี้อาการของฉินซีเปลี่ยนไปในทางที่ดีไม่น้อย

นี่ก็หมายความว่า ช่วงเวลาที่ฉินซีสามารถกลับมาที่องค์กรได้นั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว

“คุณมั่นใจว่าอาการของฉันดีขึ้นแล้วในตอนไหนกัน” ฉินซีมองจ้านเซิน เอ่ยถามขึ้นมากะทันหัน

จ้านเซินตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ตอนที่คุณเห็นการตายของโจรลักพาตัว แต่ไม่ได้มีอาการพังทลายใดๆ”

ฉินซีหลับตาลง คำตอบนี้ตรงกับการคาดเดาของเธอ

“คนข้างกายของคุณล้วนคิดว่าอาการของคุณนั้นน่ากลัวมาก” จ้านเซินเอ่ยออกมา น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นแฝงไปด้วยความดูถูกที่บรรยายออกมาไม่ได้ “แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็นท่าทางที่พังทลายอย่างที่สุดของคุณ ถึงได้รู้สึกแบบนั้น”

ฉินซีรู้ว่า “คนข้างกาย” ที่เขาพูดถึงนั้น ไม่ได้เอ่ยถึงคนอื่น แต่เป็นลู่เซิ่น

“ถ้าหากให้เทียบกับอาการของคุณในก่อนหน้านี้ ปฏิกิริยาของคุณในตอนนั้น ก็เกือบจะสามารถพูดได้ว่า……ดีขึ้นเป็นปกติแล้ว” จ้านเซินเอ่ยต่อ

ฉินซีไม่ได้พูดอะไร

เธอรู้ว่าจ้านเซินพูดไม่ผิดเลย

เมื่อเทียบกับตอนที่สูญเสียเหยาหมิ่นและฟางฟางไป ปัญหาทางจิตใจที่ปรากฏขึ้นตอนที่ตัวเองพบเจอกับอุบัติเหตุ ก็เป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กน้อยเท่านั้นเอง

แต่สำหรับฉินซีแล้ว ความทุกข์ทรมานนั้นล้วนเป็นความจริง

ความเจ็บปวดรวดร้าวใจ ทางการรักษาสามารถแบ่งแยกลึกตื้นได้ แต่สำหรับตัวฉินซีเองแล้ว จะมีระดับความแตกต่างอะไร

ล้วนเป็นความทุกข์ทรมาน

“ดังนั้นคุณจึงตัดสินใจพาฉันกลับมาหรือ” ฉินซีสงบสติอารมณ์ของตัวเองชั่วครู่ พร้อมกับเอ่ยถามต่อ

จ้านเซินกลับไม่ได้ตอบคำถามนี้ตรงๆ แต่มองไปที่ฉินซี เอ่ยเสียงเรียบว่า “ไม่ใช่ว่าสิ่งที่คุณต้องการทำทั้งหมดล้วนสำเร็จเรียบร้อยหมดแล้วหรือ การล้มละลายของตระกูลฉิน ชื่อเสียงที่ไม่ดีของเหยาหมิ่นล้วนถูกล้างสะอาดหมดแล้ว สภาพจิตใจของคุณก็มั่นคงแล้วเช่นกัน ถัดมาสิ่งที่คุณต้องทำก็แค่ แสวงหาเป้าหมายในการใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่หรือ”

ฉินซีหรี่ตาลง มองไปที่จ้านเซิน

เป็นเช่นนั้นจริงๆ ตอนนั้นในใจเธอเต็มไปด้วยความยินดีที่นึกว่าตัวเองจะนำมาซึ่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตัวเอง

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า……จะเป็นการนำมาซึ่งจุดเปลี่ยนชีวิตที่พลิกกลับ 180 องศา

“ชีวิตของคุณเป็นขององค์กรไปแล้ว” คล้ายกับว่าจ้านเซินมองออกถึงความคิดของเธอ เอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด “ถ้าหากว่าคุณสามารถเริ่มการเดินทางบทใหม่ได้ นั่นก็หมายความว่า คุณมีความสามารถที่พร้อมจะกลับไปยังองค์กรใหม่อีกครั้งแล้ว”

ฉินซีมองเขาอย่างคลุมเครือ หลังจากผ่านไปนานถึงได้เอ่ยพูดว่า

“จ้านเซิน คุณเคยบ้างหรือไม่ว่า หากฉันกลับไปยังองค์กรแล้ว ก็ยังคงจะไป ทั้งๆที่รู้ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนอะไร”

สีหน้าจ้านเซินปรากฏความไม่เข้าใจขึ้นมา

“ไปหรือ” ความสงสัยในน้ำเสียงไม่ใช่สิ่งที่แสร้งทำขึ้นมา “ทำไมถึงมีคนยินยอมทำให้ตัวเองเป็นคนพิการ แต่ก็ต้องการจะจากไปกัน”

ฉินซีมองเขา รู้สึกสูญเสียความต้องการที่จะอธิบายไปกะทันหัน

เธอเพียงแค่ตอบเรียบๆว่า “คุณยังจำได้ไหมว่า คุณพูดอะไรกับฉันที่อยู่ในสภาวะถูกสะกดจิต”

จ้านเซินไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเอ่ยถามคำถามนี้ขึ้นมากะทันหัน จึงมองไปที่เธอ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอบกลับว่า “ผมพูดว่า คุณเป็นอิสระแล้ว”

ฉินซียิ้มเรียบๆ รอยยิ้มแฝงไปด้วยความขมขื่นที่บรรยายออกมาไม่ได้ “คุณสามารถพูดคำว่าอิสระออกมาได้ ทว่ากลับไม่รู้เลยว่าอะไรที่เรียกว่าอิสระที่แท้จริง”

สีหน้าของจ้านเซินเย็นชาเล็กน้อย คิดจะอ้าปากพูด ทว่ากลับถูกฉินซีโบกมือหยุดเอาไว้

“จ้านเซิน ฉันเหนื่อยแล้ว” เธอหลุบตาลง ท่าทางง่วงเล็กน้อย “ฉันอยากจะพักผ่อนแล้ว”

ปากที่กำลังจะอ้าพูดของจ้านเซินก็หุบฉับลง

เขามองออกว่าฉินซีอ่อนเพลียแล้วจริงๆ แต่ก็รู้เช่นกันว่า เธอเอ่ยพูดออกมาเป็นพิเศษ เพียงเพราะใช้เป็นข้ออ้างในการไล่ตัวเองไป

อย่างน้อยจ้านเซินก็ถูกไล่แขกอย่างชัดเจน ชั่วขณะที่ในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้หาข้ออ้างมาฝืนอยู่ต่อ เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบตึง และจากไป

ฉินซีมองประตูห้องที่ปิดตามหลังเขาไป ก็ยกมือขึ้นมานวดขมับของตัวเอง

เพราะการสะกดจิตทำให้เสื้อผ้าชื้นเหงื่อ หลังจากที่พูดคุยกับจ้านเซินอยู่ชั่วครู่ ก็เย็นขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้ฉินซีรู้สึกหนาวขึ้นมา

เธอเหนื่อยมากแล้วจริงๆ

แม้ว่าตัวยาที่จ้านเซินใช้ควบคุมประสาทกับเธอจะไม่มีผลกระทบในภายหลัง แต่หลังจากที่มีสติขึ้นมาแล้ว ก็รู้สึกอ่อนล้าเป็นอย่างมาก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง จ้านเซินที่ สะกดจิตฝืนบังคับให้เธอคิดเรื่องราวทั้งหมดให้ออกในตอนที่เธอเพิ่งจะตื่นขึ้นมา โดยไม่สนใจอะไร

ฉินซีรู้สึกว่ากระดูกทุกท่อนล้วนร่ำร้องว่าอ่อนล้า

แต่รอจนเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ขึ้นนอนบนเตียงแล้ว กลับไม่มีความรู้สึกง่วงเลย

เหนื่อยเกินไปจนกระทั่งนอนไม่หลับ

ถือว่าเธอได้สัมผัสประสบการณ์นี้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น…….เธอยังมีเรื่องในใจด้วย

ลู่เซิ่น

สองคำนี้เหมือนกับมีดที่แหลมคมด้ามหนึ่ง ทุกครั้งที่คิดถึงก็จะทิ่มแทงเข้ามาที่หัวใจครั้งหนึ่ง เมื่อดึงออกมาแล้วก็มีเลือดและเนื้อติดมาด้วย

ฉินซีรู้ว่าจิตใต้สำนึกของตัวเองยังอยากจะเชื่อลู่เซิ่น ยังคงอดไม่ได้ที่จะหาข้ออ้างให้เขา พูดว่าทั้งหมดนี้จะต้องมีสาเหตุที่ไม่สามารถให้ใครรู้ได้ เขาจึงต้องทำแบบนี้

แต่หลักฐานที่อยู่เบื้องหน้าบีบบังคับให้เธอเชื่ออย่างมีสติ

การเหนี่ยวรั้งแบบนี้ภายในจิตใจ ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความทรงจำที่ถูกฝืนใส่เข้ามาในสมองมากนัก

แม้ว่าเรื่องราวในอดีตทั้งหมดจะเจ็บปวด แต่สำหรับฉินซีในตอนนี้ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหวนรำลึกได้แล้ว

เธอตอบแทนความทรมานที่เหยาหมิ่นมีทั้งหมดให้กับฉินซึ่งเทียนแล้ว

สำหรับฟางฟาง

ฉินซีมองไปรอบๆครั้งหนึ่ง

ความเสียใจสุดท้ายที่ฟางฟางกำชับกับเธอนั้น เธอยังทำไม่สำเร็จ

เธอไม่ได้รับอิสระ และยังคงถูกจองจำอยู่ในสถานที่แห่งนี้

แต่ฉินซีไม่เชื่อเรื่องบาป

ขอเพียงแค่มีหนทางที่จะจากไป เธอก็จะไป

ถ้าหากว่าจิตใจของคนคนหนึ่งไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว อย่างนั้นจองจำร่างกายของเธอไว้ที่นี่ จะมีประโยชน์อะไรกัน

ดังนั้น…….อ้อมไปอ้อมมา ด่านที่ฉินซียากจะข้ามผ่านในใจได้ก็ยังคงเป็นลู่เซิ่น

เธอรู้ว่าตัวเองหายตัวไปกะทันหันมาก

แม้ว่าเดิมทีเธอก็ตั้งใจจะไป แต่เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะจากไปเงียบๆแบบนี้

แม้ว่าจะไม่สามารถบอกลากันดีๆได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องถามให้ชัดเจนทั้งหมด

การจากไปโดยไม่เข้าใจอะไรแบบนี้……

ตอนนี้ลู่เซิ่นกำลังทำอะไรอยู่นะ

เขาจะคิดหาวิธีหาเธอไหม

หรือว่าโอบกอดคนรักใหม่ของเขา และลืมการคงอยู่ของเธอไปจนหมดสิ้น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท