Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1193

ตอนที่ 1193

บทที่ 1193 โหยหาอดีต

ณ ประเทศF รีสอร์ทชิงหยวน

ร่างกายของหลินยี่ยังคงไม่ฟื้นตัวดีทั้งหมด การที่มาอยู่เป็นเพื่อนลู่เซิ่นนานขนาดนี้ก็ถึงขีดสุดแล้ว ในไม่ช้าก็ถูกลู่เซิ่นไล่กลับตระกูลลู่ไป เพื่อพักฟื้นร่างกาย

ภายในห้องหนังสือจึงเหลือเขาเพียงแค่คนเดียว

เขาเดินไปถึงหน้าโต๊ะหนังสือของตัวเอง กำลังจะจัดการเบาะแสให้เรียบร้อยสักหน่อย แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไป ก็พบว่ารูปผืนที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก่อนหน้านั้นไม่อยู่แล้ว

รูปใบนั้น เป็นรูปที่ฉินซีถ่ายตอนทั้งสองคนพบกันครั้งแรกในนิทรรศการภาพถ่ายใบนั้น

เขากับฉินซีพบกับฝ่ายตรงข้ามและสนทนากันเป็นครั้งแรกเพราะรูปภาพ และก็เพราะว่าเขามองภาพนั้นบ่อยครั้ง ถึงได้มีความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดกับฉินซีขึ้นมา

สำหรับลู่เซิ่น ความหมายของรูปใบนั้นมีค่ามากกว่าตัวเงิน

หรือว่าจะมีคนบุกเข้ามาเอาไปแล้ว

หัวใจเขาหดตัวลง ยกโทรศัพท์ต่อสายหาพ่อบ้านในทันที “รูปที่อยู่ในห้องหนังสือของผมภาพนั้นล่ะ”

น้ำเสียงของเขาร้อนรน พ่อบ้านไม่ต้องคิดให้มากความ ก็รู้ว่าเขาถามถึงอะไร จึงตอบในทันทีว่า “ก่อนหน้านี้คุณผู้หญิงให้คนย้ายไปที่ห้องของคุณแล้วครับ”

ลู่เซิ่นตะลึงค้าง

ฉินซี……นำรูปนี้กลับไปที่ห้องด้วย หมายความว่าอย่างไรกัน

เป็นเพราะรู้สึกร้อนใจที่ตัวเองไม่มีความทรงจำในอดีต อยากจะอาศัยวิธีการแบบนี้มากระตุ้นให้ตัวเองนึกความทรงจำออกได้เร็วหน่อย หรือว่าโหยหาอดีตเฉยๆกันนะ

ลู่เซิ่นนั่งไม่ติด เดินกลับไปห้องอีกครั้ง ยืนยันการคงอยู่ของภาพนั้นด้วยตัวเอง

เขาถึงพบว่า ภาพนี้ถูกฉินซีแขวนไว้บนหัวเตียงเขาด้านหนึ่ง

ปกติตอนนอนฉินซีจะหันมาด้านนี้ และก็หมายความว่า……ช่วงเวลาที่ตัวเองไม่อยู่ เพียงแค่ฉินซีลืมตาขึ้นมา ก็จะสามารถเห็นภาพนี้ได้

ดังนั้นในขณะที่มองภาพนี้ ฉินซีโอบกอดความรู้สึกอะไรเอาไว้นะ

แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็ต้องการมองเห็นสิ่งนี้ทุกวัน จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอนสินะ

ลู่เซิ่นรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองเห็นร่องรอยแห่งความหวั่นไหวของฉินซีได้อย่างเรือนราง แต่ว่า…..นี่กลับทำให้เขารู้สึกไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม

ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้ เธอหวั่นไหวเสียจนถึงขั้นลืมตามา ก็ต้องเห็นภาพนี้แล้ว จะเป็นเพราะอะไรกันแน่ ที่ทำให้เธอมีความคิดที่จะไปจากที่นี่

คิ้วลู่เซิ่นขมวดเป็นปมแน่น จ้องมองภาพนี้จนใจลอยเล็กน้อย

จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาทำลายการครุ่นคิดของเขา

คนที่โทรศัพท์มาก็คือหลินหยัง

น้ำเสียงของเขารีบเร่งกว่าปกติอยู่บ้าง “ประธานลู่ ตรวจสอบสิ่งที่อยู่บนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นได้แล้วครับ”

ลู่เซิ่นมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา เอ่ยถามต่อในทันที “อะไร”

น้ำเสียงของหลินหยังเต็มไปด้วยความร้อนใจ “แม้ว่าเกือบจะระเหยไปหมดแล้ว แต่ทางสถาบันวิจัยยังสามารถค้นพบร่องรอยของตัวยาประเภทควบคุมประสาทเล็กน้อย ผ่านการเทียบแล้ว……น่าจะเป็นตัวยาตัวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกมาของฝ่ายทหารครับ”

สีหน้าของลู่เซิ่นเย็นชาขึ้นตามคำพูดของหลินหยังเรื่อยๆ

เป็นยาประเภทนั้นจริงๆ……

“ได้ ผมรู้แล้ว คุณตรวจสอบกล้องวงจรปิดต่อไป ดูสิว่าสามารถหาร่องรอยของฉินซีได้จากที่ไหนไหม” น้ำเสียงของลู่เซิ่นสงบนิ่งกว่าหลินหยังเล็กน้อย

หลินหยังรับคำในทันที

เมื่อวางสายโทรศัพท์จากหลินหยังแล้ว สุดท้ายลู่เซิ่นก็มองภาพนั้นอีกครั้งหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นใครที่พาคุณไป คุณต้องรอผมนะ

ผมจะต้องหาคุณให้พบ

……..

เพียงแต่ฉินซีที่อยู่ไกลนับพันลี้นั้น ไม่อาจได้ยินเสียงในใจของลู่เซิ่น

เธอในตอนนี้นั้นหลับลึกไปแล้ว

คาดว่าเกี่ยวข้องกับการฝืนยัดความทรงจำมากมายกลับเข้าไป ฉินซีไม่ได้ฝันถึงลู่เซิ่น และไม่ได้ฝันถึงเหยาหมิ่นเช่นกัน

คนที่เธอฝันถึงก็คือ จ้านเซิน

ความทรงจำในสิบกว่าปี ล้วนฉายครบเรียบร้อยในตอนที่ทำการสะกดจิต แม้ว่าลำดับขั้นตอนจะสมบูรณ์มาก แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่รายละเอียดปลีกย่อยจะหยาบไปบ้าง ไม่ทันที่จะนึกถึง

และรายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้ ก็อาศัยช่วงเวลาที่ฉินซีหลับลึก เข้าสู่สมองของเธอ

เดิมในความทรงจำของเธอ อดีตของตัวเอง ช่วงเวลาที่สนิทสนมกับฟางฟาง และยังมีการตายของเหยาหมิ่น ล้วนครอบครองสมาธิเกือบทั้งหมดของเธอ

จนเธอไม่ได้แบ่งความคิด ไปใส่ใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับจ้านเซิน

และในตอนนี้ ภายในความฝัน ตัวหลักในความทรงจำของเธอ กลายเป็นจ้านเซิน

ช่วงเวลาในหนึ่งปีกว่ามานี้ เธอคิดมาโดยตลอดว่า คนที่ตัวเองหวั่นไหวด้วยมีเพียงแค่หซู่หนานคนเดียว

แต่หลังจากที่จำทั้งหมดได้แล้ว เธอถึงได้เข้าใจ

ที่แท้แล้ว……..สำหรับตัวเอง หซู่หนานก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่คลุมเครือครั้งหนึ่งเท่านั้นเอง

ผู้ชายที่ครอบครองเวลาในชีวิตของตัวเองนานที่สุด นอกจากฉินซึ่งเทียน ก็คือจ้านเซิน

ตอนที่ฉินซีอายุสิบขวบ พบเจอกับจ้านเซินเป็นครั้งแรก

เวลาผ่านไปนานมากเกินไป เธอจำได้ไม่ชัดเจนแล้วว่า ตอนแรกที่ตัวเองได้พบกับจ้านเซิน มีความรู้สึกอย่างไร

แต่สันนิษฐานได้ว่า ตอนนั้นตัวเองคงจะไม่ได้มีความรู้สึกเป็นอริต่อจ้านเซิน

ไม่อย่างนั้น…..ก็คงไม่เดินตามจ้านเซินออกไปจากสนามฝึกอบรม แล้วเข้าไปในห้องทดลอง ในตอนที่จ้านเซินมาเรียกเธอไปหรอก

นับตั้งแต่นั้นก็เริ่มใช้ชีวิตอยู่ภายในองค์กร

เพียงแต่หลังจากอายุสิบขวบ เมื่อเริ่มเข้าสู่การฝึกอบรมขององค์กรอย่างจริงจัง ฉินซีก็รู้ว่า ตัวเองเริ่มมีความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาต่อจ้านเซินบ้างแล้ว

ตอนนั้นจ้านเซินก็อายุแค่สิบกว่าปี หน้าตาแข็งแกร่ง รูปร่างสูงใหญ่ อุปนิสัยสง่างาม ว่องไวปราดเปรียว เป็นบุคคลที่เด็กสาวทุกคนล้วนอยากจะมองสักครั้งสองครั้ง

ตอนนั้นเป็นเพราะฟางฟางเกี่ยวข้องกับการรับผิดชอบฝึกอบรมฉินซี เกือบจะทุกการฝึกอบรมของฉินซี เขาล้วนอยู่ด้วย

การฝึกซ้อมเดี่ยวอย่างพวกการสังเกตเหล่านั้น ฉินซีไม่จำเป็นต้องมีผู้ช่วย เขาก็ทำเรื่องของตัวเองอยู่ข้างๆ ตอนที่ฝึกซ้อมประเภทการโจมตี ฟางฟางไม่สามารถแนะนำท่าทางได้ หรือจำเป็นต้องการผู้ช่วยในการฝึกซ้อมด้วยกัน จ้านเซินก็จะทำหน้าที่เป็นคู่ต่อสู้ของฉินซี

เขาถูกบ่มเพาะให้เป็นผู้รับช่วงต่อขององค์กรในอนาคต ดังนั้นเขาจึงต้องได้รับการฝึกอบรมมากกว่าผู้อื่นมากนัก

แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่เขากลับไม่ได้ขาดการเข้าร่วมฝึกซ้อมใดๆของฉินซีสักครั้ง

แบบนี้……ทำให้ฉินซีไร้สิ้นหนทางที่จะไม่คิดมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นเธอก็ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟางฟาง เพียงแต่ถือว่าเหตุผลที่เขามา เป็นเพราะตัวเอง

ดังนั้นท่ามกลางการฝึกอบรมของทั้งสองคน ตอนที่เขาให้ความสนใจมองฉินซี ก็มักจะทำให้เธออดไม่ได้ที่จะใจเต้นจนหน้าแดงระเรื่อ

นี่เป็นความตื่นเต้นที่เด็กสาวทุกคนล้วนไม่สามารถอดกลั้นได้

ส่วนจ้านเซินนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ไม่มีความสนใจอะไรต่อเธอ ไม่อย่างนั้น……เขาจะเสียเวลาอันมีค่าของตัวเองมาฝึกซ้อมอย่างไร้ประโยชน์นี้ทำไมกัน

ตอนนั้นฉินซียังไม่เข้าใจ ทำไมทุกครั้งที่บรรยากาศระหว่างเธอกับจ้านเซินกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ฟางฟางจะเข้ามาตัดบทพวกเขา

แน่นอนว่า ตอนนี้เธอเข้าใจการระมัดระวังของฟางฟางแล้ว

เพราะว่าจ้านเซินไม่ใช่ และไม่อาจจะกลายเป็นสามีคนหนึ่งได้

การฝึกอบรมสามปีสิ้นสุดลง ตอนที่ฉินซีกลายเป็นพนักงานคนหนึ่งในองค์กร บทสนทนาระหว่างเธอกับฟางฟางเพิ่งจะจบลง จ้านเซินก็มาเคาะประตูห้องของเธอ

ตอนนั้นเธอได้รู้ข้อมูลมาจากฟางฟางมากเกินไป จิตใจจึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่บ้าง

แต่ความยินดีของจ้านเซินกลับสุดจะบรรยายได้

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินซีเห็นความรู้สึกปั่นป่วนจากตัวเขาชัดเจนขนาดนี้

เมื่อคิดดูแล้ว ก็รู้สึกว่าน่าเศร้าเช่นกัน

ตอนนั้นจ้านเซินก็ยังอายุไม่ถึง 18 ปี กลับมีสีหน้าเรียบตึงตลอดเวลา แสดงท่าทีเย็นชาออกมา ไม่มีความมีชีวิตชีวาของคนหนุ่มสาวใดๆ

หลายแรมปีในภายหลัง ตอนนี้เป็นตอนที่ฉินซีได้พบกับจ้านเซินที่มีความสุขที่สุ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท